มอเตอร์เวย์ หรือ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ที่เพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการเดินทาง เชื่อมโยงโครงข่ายระหว่างภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยยกระดับระบบโลจิสติกส์ของประเทศ ซึ่งกรมทางหลวง (ทล.) มีการศึกษาแผนแม่บท MR - MAP ระยะทางรวมประมาณ 6,877 กิโลเมตร (กม.) โดยเป็นการพัฒนามอเตอร์เวย์ร่วมกับระบบรางประมาณ 3,543 กม.ปัจจุบันมีโครงข่ายมอเตอร์เวย์ที่เปิดให้บริการแล้ว จำนวน 3 สายทาง อยู่ระหว่างก่อสร้าง 3 สายทาง และเตรียมพัฒนาตามแผนพัฒนาระยะ 20 ปี อีกจำนวน 23 โครงการ ระยะทาง 1,924 กม. มูลค่าลงทุนรวม 1.63 ล้านล้านบาท เชื่อมโยงทั่วประเทศอย่างไร้รอยต่อ
โดยนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการแล้ว ทั้งในส่วนที่กรมทางหลวงรับผิดชอบการดำเนินงานและบำรุงรักษาเอง และในส่วนที่ให้เอกชนรับผิดชอบ การดำเนินงานและบำรุงรักษา จำนวนรวม 3 สายทาง ระยะทางรวม 282 กม. ได้แก่
1.มอเตอร์เวย์ M 7 สายกรุงเทพมหานคร – บ้านฉาง ระยะทาง 181 กม.
2.มอเตอร์เวย์ M 9 สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร (ถนนกาญจนาภิเษก) ตอนบางปะอิน – บางพลี และตอนพระประแดง – บางแค ช่วงพระประแดง – ต่างระดับบางขุนเทียน ระยะทาง 79 กม.
3.ทางหลวงสัมปทาน สายทางยกระดับอุตราภิมุข (ดอนเมืองโทลเวย์) ระยะทาง 22 กม. มี บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง เป็นผู้รับสัมปทาน
@กำลังก่อสร้าง 3 สาย พร้อมเปิดเต็มรูปแบบปี 69
สำหรับโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง มีจำนวน 3 สายทาง ระยะทางรวม 317 กม. ได้แก่
1. มอเตอร์เวย์ M 6 สายบางปะอิน – นครราชสีมา ระยะทาง 196 กม. วงเงินลงทุน 84,600 ล้านบาท แบ่งงานโยธาออกเป็น 40 ตอน ปัจจุบันคืบหน้ากว่า 98 % ซึ่งช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 มีแผนจะเปิดให้ประชาชนใช้ฟรี ตลอดสาย ตั้งแต่บางปะอิน-ปากช่อง - นครราชสีมา โดยกำหนดจัดจราจรแบบทิศทางเดียว คือ ช่วงต้นเทศกาลเป็นการจราจรขาออก และช่วงท้ายเทศกาลเป็นการจราจรขาเข้า
“สาเหตุที่ต้องจัดจราจรแบบทิศทางเดียว เนื่องจากตอนที่ 4 และ ตอนที่ 21 การก่อสร้างแล้วเสร็จเพียงฝั่งเดียวโดยคาดว่าทั้ง 2 ตอนจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในเดือนมิ.ย.-ก.ค. 2569 ส่วนงานติดตั้งระบบและบำรุงรักษา ( O&M) ที่ให้เอกชนร่วมลงทุนนั้น มีความก้าวหน้ากว่า 80 % คาดว่าจะแล่วเสร็จและทดสอบระบบเปิดให้บริการเต็มรูปแบบมีการเก็บค่าธรรมเนียม ช่วงปลายปี 2569 “
2. มอเตอร์เวย์ M 81 สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กม. วงเงินลงทุน 55,620 ล้านบาท ครม.อนุมัติเมื่อปี 2558 แต่ผ่านไป 2 ปี ยังเข้าพื้นที่ไม่ครบ เพราะติดปัญหาค่าเวนคืน เนื่องจากพื้นที่ใกล้เคียงมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้ค่าเวนคืนที่ดินเปลี่ยนแปลงไปมาก จนกระทั่งปี 2562 ครม. อนุมัติขยายกรอบวงเงินค่าเวนคืนเพิ่มเป็น 17,452 ล้านบาททำให้สามารถจัดสรรที่ดินครบ 2,527 แปลง
ส่วนการก่อสร้างแบ่งงานโยธาเป็น 25 ตอน ปัจจุบันงานโยธาเสร็จ 100% แล้วและมีการทดลองเปิดให้บริการตลอดสายฟรีทุกวัน ครบทุกด่านตั้งแต่บางใหญ่ -กาญจนบุรี แล้วเมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2568
เหลืองานระบบ O&M คืบหน้ากว่า 98% โดยคาดการณ์ว่าจะมีการเปิดให้บริการเต็มรูปแบบมีการเรียกเก็บค่าทำเนียมผ่านทางในเดือน ม.ค. 2569
3. มอเตอร์เวย์ M 82 สายบางขุนเทียน – บ้านแพ้ว ระยะทาง 25 กม. วงเงิน 32,210 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ช่วงต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทางรวม 10.3 กม.ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จแล้วและเปิดให้ใช้บริการฟรี ส่วนช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ระยะทาง 16.4 กม. คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนเม.ย. 2569 คาดว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2569 จะสามารถเปิดให้ใช้เส้นทางฟรีได้ตั้งแต่ต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย-บ้านแพ้ว
@ปี 68 เข็นประมูล “ระบบ O&M” และ “ที่พักริมทาง”
นายปิยพงษ์ จิวัฒนกุลไพศาล อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า นโยบายในการพัฒนาโครงการมอเตอร์เวย์ในขณะนี้ นอกจากเร่งโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง เพื่อเปิดให้บริการโดยเร็ว แล้วจะ เร่งเปิดประมูลคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน (PPP) งานติดตั้งระบบและ O&M ของมอเตอร์เวย์ M82 และการลงทุน พัฒนา Rest Area บนมอเตอร์เวย์ M6 และ M81 ซึ่งอยู่ระหว่างร่าง RFP ตามแผน คาดว่าจะสามารถเปิดประมูลได้ภายในปี 2568 และ ยังมีนโยบายเรือธง ที่สำคัญ คือ เร่งขับเคลื่อนโครงการมอเตอร์เวย์สายใหม่ M8 นครปฐม - ปากท่อ ผลักดันให้ได้รับอนุมัติโครงการจากคณะรัฐมนตรี เพื่อนําไปสู่การประกวดราคาและเริ่มก่อสร้าง เพื่อเติมเส้นทางลัดสู่ภาคใต้ให้ครบสมบูรณ์
สำหรับ มอเตอร์เวย์ M82 บางขุนเทียน -บ้านแพ้ว งานติดตั้งระบบและ O&M มูลค่าประมาณ 15,724.12 ล้านบาท ปัจจุบัน คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 อยู่ระหว่างจัดทำร่างเอกสารประกาศเชิญชวนให้เอกชนร่วมลงทุน (RFP) คาดเปิดประมูลได้ในธ.ค. 2568 เปิดให้บริการเต็มรูปแบบพร้อมเก็บค่าผ่านทางในปี 2570
ส่วน Rest Area หรือที่พักริมทาง มอเตอร์เวย์สาย M6 มีจำนวน 15 แห่ง แบ่งออกเป็น 2 สัญญา ประเมินวงเงินลงทุนค่าก่อสร้างรวม 2,162.44 ล้านบาท ดำเนินงานและบำรุงรักษา ตลอดอายุ 30 ปี วงเงิน 7,763.90 ล้านบาท ส่วนที่พักริมทาง สาย M 81 มี 6 แห่ง จำนวน 1 สัญญา ประเมินวงเงินค่าก่อสร้าง 1,460.14 ล้านบาท ค่าดำเนินงานและบำรุงรักษา ตลอดอายุ 30 ปี วงเงิน 4,843.42 ล้านบาท
เนื่องจากมีการปรับปรุงเงื่อนไข RFP ประเด็นการก่อสร้างอาคารยกระดับคร่อมเหนือมอเตอร์เวย์ (Crossover) ภายใน 2 ปีแรก ซึ่งภาคเอกชนมีความกังวลปริมาณจราจรเนื่องจากเป็นเส้นทางใหม่ ทำให้มีความเสี่ยงสูง ซึ่งล่าสุดคณะกรรมการ PPP เห็นชอบการแก้ไขในประเด็นดังกล่าวแล้ว รอคณะกรรมการมาตรา 36 สรุป RFP คาดว่าจะประกาศ ประมูลได้ในธ.ค.นี้ และเปิดให้บริการบางส่วนช่วงต้นปี 2570 และเปิดให้บริการเต็มรูปแบบต้นปี 2571
@เดินหน้าประมูล PPP สาย M5,M9 วงเงินรวมกว่า 8.6 หมื่นล้าน ในปี 69
สำหรับปี 2569 มีแผนประมูลมอเตอร์เวย์อีก 2 สาย ในรูปแบบ PPP สัมปทาน 30 ปี ได้แก่ 1. มอเตอร์เวย์ M5 ส่วนต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุข (ดอนเมืองโทลล์เวย์) ช่วงรังสิต -บางปะอิน ระยะทางรวมประมาณ 29 กิโลเมตร แบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงอนุสรณ์สถาน–รังสิต ระยะทาง 7 กม. ปัจจุบันเปิดบริการอยู่แล้ว เป็นการดูแลรักษา และช่วงรังสิต – บางปะอิน ระยะทาง 22 กม.ก่อสร้างใหม่ ค่าลงทุนโครงการรวม 30,080 ล้านบาท ใช้รูปแบบ PPP Gross Cost คาดว่าจะจัดทำ RFP เสร็จ เปิดประมูลได้ในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2569 และลงนามสัญญา ในไตรมาส 4 ปี 2569 ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี เปิดให้บริการในปี 2574
2.มอเตอร์เวย์ M9 ทางยกระดับสายวงแหวนกาญจนาภิเษกด้านตะวันตก ช่วง บางขุนเทียน -บางบัวทอง ระยะทาง 38 กม. วงเงินลงทุนประมาณ 56,035 ล้านบาท แต่งตั้งคณะกรรมการมาตรา 36 พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2562 เพื่อจัดทำร่าง RFP แล้ว ใช้รูปแบบ PPP Net Cost 100% โดยเอกชนเป็นผู้ลงทุนก่อสร้าง ดำเนินงาน และบำรุงรักษาพร้อมมีสิทธิในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง แผนงานคาดเปิดประมูลช่วงปลายปี 2569 ลงนามสัญญาปี 2570 ใช้เวลาก่อสร้าง 5 ปี เปิดให้บริการในปี 2575
@สาย M 8 “นครปฐม-ปากท่อ” 5.4 หมื่นล้าน จ่อคิวชงครม.ปี 69
สำหรับมอเตอร์เวย์สายใหม่ M8 นครปฐม-ปากท่อ ระยะทาง 61 กม. วงเงินรวม 54,562 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้างโยธา 40,162 ล้านบาทและค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 14,400 ล้านบาท ทล.จะผลักดันเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่ออนุมัติโครงการภายในปี 69 ปัจจุบัน กระทรวงคมนาคม อยู่ระหว่างรวบรวมความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำความเห็นประกอบการเสนอ ครม เพื่อขออนุมัติดำเนินโครงการต่อไป โดยมีแผนจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินในปี 2569 และเริ่มก่อสร้างในปี 2570
แบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่ 1. ช่วงนครปฐม-ตลาดจินดา ระยะทาง 9.3 กม. ค่าก่อสร้างราว 10,000 ล้านบาท ใช้เงินลงทุนจากกองทุนค่าธรรมเนียมผ่านทางมอเตอร์เวย์ เริ่มก่อสร้างในปี 70 ส่วนระยะที่ 2 ช่วงตลาดจินดา-ปากท่อ ระยะทาง 51.8 กม.ค่าก่อสร้าง 40,162 ล้านบาท เสนอขอใช้งบประมาณเริ่มก่อสร้างในปี 71 ส่วนการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) จะเป็นการให้เอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP คาดว่าจะแล้วเสร็จแล้วเปิดทดลองให้บริการในปี 75
@ 10 ปี ดันสร้าง”วงแหวนมอเตอร์เวย์”ครบโครงข่ายรอบกทม.เชื่อมทุกภูมิภาค
โดย ทล.วางแผนการพัฒนาโครงข่ายวงแหวนมอเตอร์เวย์ รอบกรุงเทพฯ เชื่อมสู่ภูมิภาคต่างๆ ให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ในช่วง 10 ปี โดยแนวเส้นทางประกอบด้วย โครงข่ายด้านเหนือ และอีสาน จะมีมอเตอร์เวย์ M5 ออกไปเชื่อมต่อกับ M6 ด้านตะวันออกจะเป็น M7 ต่อเชื่อมมายัง ด้านตะวันตก ที่มี M9 บางขุนเทียน-บางบัวทอง เชื่อมกับ ช่วงบางบัวทอง-บางปะอิน โดยเส้นทางจะมาต่อกับ M6 ที่บางปะอิน
ส่วนด้านใต้ จะเป็นสาย M 82 ยกระดับบนถนนพระราม 2 จาก บางขุนเทียน-บ้านแพ้ว และ มี M 8 ช่วงนครปฐม-ปากท่อ-ชะอำ ที่สามารถเชื่อมกับ M 81 บางใหญ่-กาญจนบุรี ที่ด่านศีรษะทอง จ.นครปฐม เชื่อมต่อในโซนตะวันตกของกทม.กับ M 9 บางบัวทอง-บางปะอิน อย่างสมบูรณ์
@วางแนว 4 เส้นทางหลัก เชื่อม “เหนือ-ใต้ / ออก-ตก”
นายปิยพงษ์ กล่าวว่า ตามแผนแม่บท MR-MAP จะมีการพัฒนาโครงข่าย มอเตอร์เวย์เส้นทางใหม่ที่สร้าง "กระดูกสันหลัง" (Backbone) เพื่อให้ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ ที่มั่นคงและมีประสิทธิภาพสูง สร้างโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจและกระจายความเจริญไปยังภูมิภาคต่างๆ อีก 4 เส้นทาง ได้แก่
-MR1 เชียงราย - นราธิวาส เชื่อมภาคเหนือและใต้ ผ่านพื้นที่รอบกรุงเทพฯ โดยเป็นส่วนหนึ่งของวงแหวนรอบนอก กทม. รอบที่ 3 ในด้านตะวันตก แบ่งดำเนินการเป็น 2 เส้นทาง คือ
1.เส้นทางขึ้นสู่ภาคเหนือ เส้นทางสุพรรณบุรี-ชัยนาท-นครสวรรค์ ระยะทางประมาณ 129 กม. วงเงินลงทุนรวม 88,019 ล้านบาท ได้รับการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2569 ดำเนินการสำรวจและออกแบบรายละเอียด และจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ในช่วงสุพรรณบุรี - ชัยนาท
2.เส้นทางลงสู่ภาคใต้ เส้นทางนครปฐม - ปากท่อ – ชะอำ – ปราณบุรี ระยะทางประมาณ 169 กม. วงเงินลงทุนรวม 152,106 ล้านบาท ช่วงเริ่มต้นคือ นครปฐม - ปากท่อ ระยะทาง 61 กม. วงเงินลงทุน 54,562 ล้านบาท อยู่ในขั้นตอนเสนอครม ส่วนช่วง ปากท่อ - ชะอำ - ปราณบุรี ระยะทาง 108 กม. กรมทางหลวงได้รับการจัดสรรงบประมาณในปี 2569 ในจัดทำแบบ และรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดเสนอครม. ได้ในปี 2572 เริ่มก่อสร้างปี 2573
-MR2 กรุงเทพฯ/ชลบุรี – หนองคาย เชื่อมภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองรับการเดินทางและการขนส่งสินค้าจากท่าเรือแหลมฉบัง ระยะทางรวม 897 กม. มีจุดเริ่มต้น 2 แห่งคือ กรุงเทพฯ และ จังหวัด ชลบุรี และเส้นทางมาบรรจบรวมกันที่ นครราชสีมา เพื่อมุ่งหน้าสู่ ขอนแก่น และ หนองคาย
ปัจจุบัน ช่วง M6 บางปะอิน-นครราชสีมา ก่อสร้างใกล้เสร็จคาดเปิดทดลองปี 2569 และเปิดบริการเต็มรูปแบบในปี 2571
ส่วนช่วงชลบุรี (แหลมฉบัง) – ปราจีนบุรี - นครราชสีมา หรือ M61 เป็นการพัฒนาเพื่อเชื่อมโยงโครงข่าย โลจิสติกส์ พื้นที่ EEC กับภาคอีสาน ให้มีประสิทธิภาพ มีระยะทางประมาณ 315 กม. แบ่งการพัฒนาเป็น 2 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 ชลบุรี (ท่าเรือแหลมฉบัง)-ปราจีนบุรี(ทล.359) ระยะทาง 125 กม. อยู่ระหว่างการสำรวจและออกแบบ และทบทวนรายงาน EIAคาดแล้วเสร็จในปี 2570
ระยะที่ 2 ปราจีนบุรี-นครราชสีมา ระยะทาง 190 กม. ได้รับงบปี 2569 ศึกษาความเหมาะสมทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ รวมทั้งออกแบบกรอบแนวคิดเบื้องต้น เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ในการพัฒนาเส้นทางและจัดทำรายงาน EIA ช่วงที่ผ่านพื้นที่อุทยานแห่งชาติ และรายงาน HIA แหล่งมรดกโลก ช่วงเขาใหญ่และทับลาน ซึ่งคิดเป็นระยะทางประมาณ 60 กม.
-MR9 สุราษฎร์ธานี - พังงา - ภูเก็ต ระยะทางรวมประมาณ 227 กม. เป็นเส้นทางเชื่อม 2 ฝั่งทะเล (ฝั่งอ่าวไทยกับฝั่งอันดามัน) แนวเส้นทางเริ่มต้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ผ่านจังหวัดพังงาและสิ้นสุดที่จังหวัดภูเก็ต ระยะทางประมาณ 227 กิโลเมตร ช่วงหนึ่งของเส้นทางจะพัฒนาถนนเดิม คือ ทางหลวงหมายเลข 44 เส้นกระบี่-ขนอม เป็นมอเตอร์เวย์ ปัจจุบัน ได้รับงบประมาณปี 2568 ในการสำรวจและออกแบบ ในจุดเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดพังงา ระยะทางประมาณ 9 กม.
-MR10 วงแหวนรอบนอก กทม. รอบที่ 3 ระยะทางรวมประมาณ 331 กม. วงเงินลงทุน 418,828 ล้านบาท เป็นโครงข่ายที่กรมทางหลวง รับผิดชอบ 252 กม. ในด้านตะวันตกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวเส้นทาง MR1 ระยะทาง 70 กม และส่วนที่เหลือ ด้านเหนือและด้านตะวันออก เป็นแนวเส้นทาง MR 10 ระยะทาง 182 กม.ระยะแรกจะเร่งดำเนินการในด้านตะวันออกและด้านเหนือ ระยะทาง 158 กม. เพราะเป็นพื้นที่มีการพัฒนาและขยายตัวของเมืองรวดเร็ว อยู่ระหว่างออกแบบรายละเอียดและจัดทำรายงาน EIA คาดแล้วเสร็จภายในปี 2569 เริ่มก่อสร้าง ปี 2571
ส่วนที่เหลืออีก 79 กม. เป็นโครงข่ายทางด่วนในความรับผิดชอบของ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)
การพัฒนามอเตอร์เวย์ ใช้เงินลงทุนจำนวนมาก ที่ผ่านมา กรมทางหลวงใช้ทั้งงบประมาณ และเงินจากกองทุนมอเตอร์เวย์ ซึ่งมีรายได้จากค่าผ่านทาง M 7 ,M9 ประมาณ 9,000 ล้านบาทต่อปี แต่ก็มีภาระค่าใช้จ่ายในการบริหารและบำรุงรักษา หรือ O&M มากเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อมอเตอร์เวย์สายใหม่ทั้ง M6 ,M81, M82 เริ่มเปิดบริการเต็มรูปแบบ กองทุนฯ จะมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ขณะเดียวกัน จะมีภาระในการจ่ายคืนค่าก่อสร้างและค่างานระบบ ด้วยเช่นกัน ดังนั้น ในระยะยาว มอเตอร์เวย์สายใหม่ จะเน้นใช้รูปแบบ PPP เพื่อแบ่งเบาภาระงบประมาณ และ เป็นการลงทุนพื่ออนาคตของประเทศ!!!


