ท่ามกลางความท้าทายของโลกที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทุกวัน การ “เติบโตไปด้วยกัน” คือพลังที่แท้จริงของสังคมไทย “เอสซีจี” มองเห็นคุณค่าผู้ประกอบการท้องถิ่น (Micro Entrepreneur) ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ มุ่งสร้าง“สังคมแห่งการมีส่วนร่วม” หรือ Inclusive Society ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เติบโตไปด้วยกัน โดยริเริ่มโครงการ “ประโยชน์สุข” ด้วยแรงบันดาลใจจากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ทรงสอนให้ทำงาน “เพื่อส่วนรวม” เพื่อให้เกิดทั้ง “ประโยชน์” และ “ความสุข” แก่ผู้คนในสังคม
พลังความรู้ส่องทางสร้างชุมชนประโยชน์สุข
คงไม่ผิดนักหากจะพูดว่า พลังความรู้จากโครงการ “ประโยชน์สุข” เป็นเหมือนโคมทองส่องทาง แม่ดารี - จิตตานันท์ พรรณา ผู้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์วิธีวังชิ้น อ.วังชิ้น จ.แพร่ เพื่อสร้างประโยชน์และความสุขให้กับชุมชน ด้วยสมุนไพรนวดน้ำตาแม่หม้าย แบรนด์ “ดารีสมุนไพรออแกนิก” โดยมีจุดเริ่มต้นจากอาการ “ปวดเมื่อย” ที่เป็นปัญหาสุขภาพทั้งในผู้สูงอายุ คนทำงานในไร่นา และเด็ก ๆ นักกีฬา ทำให้ต้องจ่ายเงินซื้อยานวดราคาแพง และบางคนก็ไม่มีเงินซื้อ ซึ่งแพร่เป็นจังหวัดที่มีผู้สูงอายุจำนวนมากเป็นอันดับ 3 ของประเทศ
เมื่อเห็นว่านี่ไม่ใช่ปัญหาเล็ก ๆ “แม่ดารี” จึงชักชวนกลุ่มปราชญ์ชาวบ้าน และหมอพื้นบ้าน มาร่วมกันคิดค้นยานวดคลายอาการปวดเมื่อยจากสมุนไพรในท้องถิ่น และโฟกัสว่าต้องเป็นออแกนิค ไม่ใช้สารเคมี ซึ่ง อ.วังชิ้นมีพื้นที่สวนเกษตรอินทรีย์เป็นอันดับหนึ่งของภาคเหนือ จนสุดท้ายมาลงตัวที่สูตร “น้ำตาแม่หม้าย” มีส่วนผสมหลักจาก “ไพล” และ “น้ำตาแม่หม้าย” สมุนไพรพื้นถิ่นของ อ. วังชิ้น โดยจะใช้เฉพาะที่มาจากสวนป่าสักทองเท่านั้น เนื่องจากปลอดสารพิษ และมีคุณภาพดี
สร้างแบรนด์ เพิ่มมูลค่าสมุนไพรอัตลักษณ์ท้องถิ่น
“น้ำตาแม่หม้าย” เป็นเถาวัลย์ชนิดหนึ่งมีความเหนียวมาก ชาวบ้านจึงมักนำมาสานเป็นตระกร้า จนเป็นอีกหนึ่งสินค้าอัตลักษณ์ของวังชิ้น โดยเรื่องเล่าของชื่อนี้มีสองนัย หนึ่งคือ เวลาไปเก็บมาใช้ต้องไปเป็นคู่ เพราะเหนียวมากดึงคนเดียวไม่ได้ แต่แม่หม้ายไม่มีคู่ ทำให้ต้องไปคนเดียว ซึ่งดึงอย่างไรก็ไม่ขาดจึงได้แต่นั่งร้องไห้ ส่วนอีกนัยหนึ่ง เพราะแม่หม้ายไร้คู่ ไม่มีคนนวดให้เวลาปวดเมื่อย ทำได้แค่นั่งดื่มน้ำต้มเถาวัลย์ เพื่อคลายปวดเมื่อย
ปรากฎการณ์ “ของดีบอกต่อ” เกิดขึ้นทันที หลังจากแม่ดารีได้นำยานวดไปแจกครั้งแรกในวันกตัญญู ที่จะมีการนำผู้สูงอายุมาดำหัว ช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยชาวบ้านสอบถามวิธีการทำยานวดเข้ามาจำนวนมาก ศูนย์เรียนรู้ฯ จึงเปิดสอนและสาธิตการแปรรูปสมุนไพรให้กับชาวบ้าน แต่อุปสรรคคือ ชาวบ้านไม่มีเวลาทำ สุดท้ายจึงตัดสินใจผลิตขายในราคาถูก เพื่อช่วยเหลือชุมชน พร้อมทั้งนำกระบวนการเรียนรู้จากโครงการ “ประโยชน์สุข” มาต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์สู่แบรนด์ “ดารีสมุนไพรออแกนิค” ที่ได้รับการยอมรับในงานออกร้านระดับจังหวัด พร้อมทั้งขายหมดภายในไม่กี่วัน
สร้างรายได้ ลดรายจ่าย ประโยชน์สุขยั่งยืน
แม่ดารีกล่าวทิ้งท้ายว่า “ขอบคุณเอสซีจีที่มองเห็นคุณค่าของคนตัวเล็ก ๆ ซึ่งโครงการ “ประโยชน์สุข” ได้ช่วยส่องทางคนในวังชิ้นให้มองเห็นสิ่งใกล้ตัว มองเห็นประโยชน์ของสมุนไพรในท้องถิ่น รู้จักนำมาเพิ่มมูลค่าเป็นสินค้าอัตลักษณ์ของวังชิ้น และยังช่วยแก้ปัญหสุขภาพของทั้งผู้สูงอายุ คนทำงาน และนักกีฬา ที่ประสบกับอาการปวดเมื่อย สามารถประหยัดเงินจากการซื้อยานวดในราคาแพง นอกจากนี้ ชาวบ้านในชุมชนยังมีรายได้จากการนำน้ำตาแม่หม้ายมาขาย รวมถึงสร้างอาชีพและชุมชนได้รับความสุข สนุกสนานในการทำผลิตภัณฑ์ร่วมกัน”
เอสซีจีเชื่อว่าความยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้จริง ก็ต่อเมื่อทุกภาคส่วนร่วมมือกันขับเคลื่อน โดยเฉพาะผู้ประกอบการท้องถิ่นและผู้นำชุมชน ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โครงการ “ประโยชน์สุข” จึงมุ่งเน้นสร้างองค์ความรู้ และทักษะที่จำเป็นในการพัฒนาศักยภาพ โดยเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทาง และสร้างประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืน


