xs
xsm
sm
md
lg

เริ่มแล้ว! รัฐ-เอกชน ผนึกกำลังเปิดฉาก 2 งานใหญ่ Thailand Smart City - Secutech Thailand 2025 มหกรรมเทคโนโลยีสมาร์ทซิตี้ใหญ่สุดในอาเซียน ดันเศรษฐกิจกว่า 1,200 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กระทรวงดีอี-ดีป้า-N.C.C.-เมสเซ่ แฟรงก์เฟิร์ต จับมือจัดงาน “Thailand Smart City Expo 2025 - Secutech Thailand 2025” จัดแสดงสินค้าเทคโนโลยีสมาร์ทซิตี้ใหญ่ที่สุดในอาเซียน พร้อมเพิ่มพื้นที่จัดงานอีก 80% รองรับเทคโนโลยีรุ่นล่าสุดกว่า 800 รายการ ประเทศชั้นนำ คาดมีผู้เข้าชมงานกว่า 15,000 ราย และสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 1,200 ล้านบาท


นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า หนึ่งในภารกิจสำคัญของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ก็คือ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลและโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลมาเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เพิ่ม ประสิทธิภาพการบริการภาครัฐ และเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทยให้สามารถแข่งขันได้ในยุคดิจิทัล เพื่อให้สังคมไทยเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

รวมทั้งยังมุ่งผลักดันนโยบายของรัฐบาลในการ “เร่งรัดการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล” โดยส่งเสริมให้เทคโนโลยีดิจิทัลกลายเป็นเครื่องมือหลักของภาครัฐในการให้บริการที่สะดวก รวดเร็ว โปร่งใส และเข้าถึงทุกกลุ่มประชาชน พร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และส่งเสริมการใช้ข้อมูลเปิด (Open Data) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการภาครัฐ และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในทุกระดับ

นอกจากนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ ยังให้ความสำคัญกับการยกระดับทักษะ ดิจิทัลของประชาชน เพราะเชื่อว่าการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืน จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคนในเมืองมีทักษะดิจิทัลที่พร้อม ดังนั้นการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ หรือ Smart City จึงถือเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยไม่เพียงเพื่อสร้างเมืองที่ทันสมัย แต่เพื่อสร้างเมืองที่เข้าใจคน เมืองที่ใช้เทคโนโลยีอย่างมีเป้าหมาย เพื่อให้ประชาชนใช้ชีวิตได้สะดวกขึ้น ปลอดภัยขึ้น และมีโอกาสในการพัฒนาอาชีพและมีรายได้เพิ่มมากขึ้น

โดยที่ผ่านมา ดีป้า ได้พัฒนาให้เกิดเมืองอัจฉริยะในประเทศไทยไปแล้วถึง 37 เมือง และจะไปให้ถึง 105 เมืองในปี 2570 รวมถึงการเตรียมความพร้อมให้หน่วยงานระดับท้องถิ่นมี Cloud ภาครัฐในการ ให้บริการประชาชน ตลอดจนการการบูรณาการข้อมูลเมืองเพื่อการตัดสินใจเชิงนโยบาย การนำเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง เช่น AI และ IoT มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเมือง และการส่งเสริมให้ประชาชนในท้องถิ่นมี ทักษะดิจิทัล เพื่อเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นผู้สร้างเมืองอัจฉริยะด้วยตนเอง

“หากผสานพลังระหว่างเทคโนโลยี นวัตกรรม และคนเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว เมืองอัจฉริยะของประเทศไทยจะไม่ใช่เพียงเมืองที่ทันสมัยแต่จะเป็นเมืองที่เติบโตไปพร้อมกับคน เมืองที่สร้างโอกาสใหม่ และยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนอย่างแท้จริง โดยงาน Thailand Smart City Expo 2025 ในวันนี้ ถือเป็นเวทีสำคัญที่รวมพลังของทุกภาคส่วน และพันธมิตรจากนานาประเทศ มาร่วมกันแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และนำเสนอแนวคิด เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ ๆ ยกระดับจากเมืองที่อยู่อาศัย ไปสู่เมืองอัจฉริยะที่เติบโตอย่างยั่งยืน” นายไชยชนก กล่าว

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ depa กล่าวว่า depa มีภารกิจที่สำคัญในการขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาเมืองอัจฉริยะประเทศไทย ผ่านการบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และ ท้องถิ่น เช่น การกำหนดนโยบาย การสร้างกลไกกระตุ้นการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ เพื่อยกระดับศักยภาพของ เมืองให้พร้อมก้าวสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะในทุกมิติ ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 6 ปี

โดยในปัจจุบัน depa ได้จัดทำแผนแม่บทการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลระยะที่ 2 โดยกำหนดเป้าหมายของการสนับสนุนการ พัฒนาเมืองอัจฉริยะไว้ในยุทธศาสตร์ที่ 3 ด้านการสร้างโอกาสใหม่กระจายความเจริญอย่างเท่าเทียมผ่านการพัฒนาเมือง อัจฉริยะ เพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริการของเมืองผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น Smart Living / Smart Living Plus: ยกระดับทักษะดิจิทัลให้ชุมชนและเกษตรกรทั่วประเทศ Thailand Smart City Competitiveness Index: เชิดชูเมืองที่มีศักยภาพด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะ (Smart City Logo): สร้างแรงจูงใจให้เมืองยกระดับสู่ Smart City อย่างยั่งยืน depa mini–Transformation Voucher (ภาครัฐ): สนับสนุนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ในบริการสาธารณะ Smart City Accelerator: พัฒนาและผลักดัน Digital Startup ด้านเทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะ และ Thailand Digital Catalog: รวมผู้ให้บริการเทคโนโลยีมาตรฐาน dSURE ให้หน่วยงานภาครัฐ–เอกชนเลือกใช้ได้ สะดวก โปร่งใส

สำหรับ การจัดงาน Thailand Smart City Expo 2025 ถือเป็นเวทีสำคัญในการรวมพลังความร่วมมือ ระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรนานาชาติ เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยี และแนวทางการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน พร้อมเปิดโอกาสให้เกิดการจับคู่ธุรกิจ สร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ปัญหาของเมืองจริง เพื่อให้การพัฒนาสมาร์ทซิตี้ของไทยก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว

นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการบริหาร บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า การจัดงาน Thailand Smart City Expo ในครั้งนี้จัดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด และ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 4 และถือเป็นปีแรกที่ได้จัดควบคู่กับงาน Secutech Thailand 2025 งานแสดงเทคโนโลยีความปลอดภัยอาเซียน โดยได้รับความร่วมมือจาก บริษัท เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต จำกัด สำนักงานไต้หวัน ซึ่งการผนึกกำลังของทั้งสองงานในครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะของประเทศไทยให้ก้าวกระโดดไปอีกขั้น

การจัดงาน Thailand Smart City Expo 2025 ถือเป็นงานที่รวบรวมเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะใน 7 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ประกอบด้วย SMART Telecom, SMART Energy, SMART Living, SMART Industry & Retail, SMART Mobility, SMART Environment และ SMART Healthcare เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาเมืองในทุกมิติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมโครงการพัฒนาเมืองในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ผ่านการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีอัจฉริยะ งานนิทรรศการไทยแลนด์เมืองอัจฉริยะ หรือ Thailand Smart City Expo มีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี โดยในปีนี้ได้ขยายพื้นที่จัดแสดงงานเพิ่มขึ้นกว่า 80% เพื่อรองรับการจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีรุ่นล่าสุดกว่า 700 รายการ จากประเทศชั้นนำทั่วโลก อาทิ ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ เกาหลี เนเธอร์แลนด์ จีน และอีกหลายประเทศ รวมถึงเวทีสัมมนาแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขากว่า 80 หัวข้อตลอด 3 วัน โดยงาน Thailand Smart City Expo 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 – 7 พฤศษจิกายน ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และคาดว่าการจัดงานครั้งนี้จะมีผู้เข้าร่วมชมงานจากภาครัฐ และภาคเอกชน ทั้งในและต่างประเทศไม่น้อยกว่า 15,000 ราย และสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 1,200 ล้านบาท

คุณเรจินา ไช่ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เมสเซ่ แฟรงก์เฟิร์ต จำกัด สำนักงานไต้หวัน กล่าวว่า เมสเซ่ แฟรงก์เฟิร์ต ได้ร่วมกับ N.C.C. จัดงาน Secutech Thailand 2025 ภายใต้วิสัยทัศน์ร่วมกันในการสร้างเมืองที่ปลอดภัย ฉลาด และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น โดยในปีนี้งาน Secutech Thailand ได้จัดขึ้นร่วมกับ Thailand Smart City Expo ระหว่างวันที่ 5 – 7 พฤศษจิกายน ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อแสดงนวัตกรรมล่าสุดด้านระบบความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย และโซลูชันสมาร์ทซิตี้ ที่จะกำหนดทิศทางของเมืองในอนาคต

โดยในปีนี้ มีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้ากว่า 400 ราย จาก 10 ประเทศทั่วโลก ซึ่งการตอบรับที่ดีนี้สะท้อนถึงความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นต่อโซลูชันแบบบูรณาการ ที่เชื่อมโยงระหว่างความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย และการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ โดยในการจัดงานครั้งนี้ได้สร้างระบบนิเวศครบวงจรให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนได้มาพบปะ แลกเปลี่ยน และตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของเมือง อุตสาหกรรม และชุมชน รวมทั้งภายในงานยังมีกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

นอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและสมาคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ได้ร่วมจัด สัมมนาและการเสวนาวิชาชีพกว่า 27 หัวข้อ ตลอด 3 วันของการจัดงาน ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ที่เข้ามาร่วมชมงานได้ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง สร้างแรงบันดาลใจ และร่วมกำหนดทิศทางใหม่ของอุตสาหกรรมนี้ไปด้วยกัน

ดร.ดวงเด็ด ย้วยความดี ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้านานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า การสนับสนุนงาน Thailand Smart City Expo และ Secutech Thailand เป็นการขับเคลื่อนนโยบายสร้างระบบนิเวศอุตสาหกรรมไมซ์ไทยให้เป็นรูปธรรม ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนสะท้อนความแข็งแกร่งของไทย สร้างความเชื่อมั่นในระดับนานาชาติว่าไทยคือจุดหมายที่พร้อมสร้างความสำเร็จทั้งในเชิง Return on Investment และ Return on Experience

ทีเส็บยังใช้เวทีงานแสดงสินค้าเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมแห่งอนาคตตามนโยบายรัฐบาล โดยอุตสาหกรรมดิจิทัลคือหนึ่งในเป้าหมายหลัก งานทั้งสองจึงมีนัยสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

การผนวกรวมสองงานยังช่วยสร้างงานแสดงสินค้าที่มีมูลค่าสูง (High Value) และผลกระทบสูง (High Impact) โดยเป็นการแสดงศักยภาพของไทยสู่สากล (Inside Out) และดึงดูดความเชี่ยวชาญระดับโลกเข้าสู่ประเทศ (Outside In) ทีเส็บเชื่อมั่นว่างานนี้จะขับเคลื่อน Smart City ของไทย และผลักดันประเทศสู่การเป็น High Value Destination


















กำลังโหลดความคิดเห็น