xs
xsm
sm
md
lg

“ลามายา-ลาโค่กรุ๊ป” รุกหนัก 5 ปี ลุย “โรงแรม-ร้านอาหาร-จัดโชว์”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 – “ลามายา-ลาโคกรุ๊ป” เดินเกมแผน 5 ปี เตรียมผุดหลายโครงการ ทั้งโรงแรม ร้านอาหารเครื่องดื่ม สันทนาการแนวแอทแทรคชั่น คอมมูนิตี้มอลล์ในกรุงเทพ พร้อมซุ่มจัดโชว์ระดับโลก


นายอริยะ ก่อเกียรติเสถียร ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ ลามายา กรุ๊ป และ ลาโคกรุ๊ป (Lamaya Group – Lacol Group ) เปิดเผยว่า ทางกลุ่มมีแผนดำเนินการ 5 ปีนับจากนี้ ที่จะลงทุนขยายธุรกิจทางด้านฮอสพิทัลลิตี้ โรงแรม อสังหา ร้านอาหารเครื่องดื่มและสันทนาการในรูปแบบต่างๆ หลายโครงการต่อเนื่อง กระจายไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะในหัวเมืองหลักๆด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของฟันเฟืองที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยวของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม โครงการต่างๆ ส่วนใหญ่ยังอยู่ในช่วงของการเริ่มต้น ทั้งการศึกษาความเหมาะสม การตลาด บางโครงการก็เริ่มทำการก่อสร้างบ้างแล้ว ซึ่งทางกลุ่มเองมีธุรกิจรากฐานอยู่ที่เขาใหญ่เป็นหลัก

โดยธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารในปัจจุบันทั้ง 9 แบรนด์ ได้แก่ เครือโรงแรมและร้านอาหารลาโค่ เขาใหญ่ ( Lacol Khaoyai) ที่มีบริการครบครันทั้ง ฮิลไซด์ เรสซิเดนซ์ เขาใหญ่ วาริน เวลเนส แอนด์ ออนเซ็น เขาใหญ่ และร้านอาหารมีเอกลักษณ์สไตล์ บาหลี-ซาฟารีชนเผ่า “ลามายา เขาใหญ่” (Lamaya Khaoyai) ร้านอาหารไทยระลึก เขาใหญ่ ร้านข้าวมันไก่จิตรลดา ร้านซาฟารี มัทฉะ บาร์ เขาใหญ่ นอกจากนั้นยังมีกระจายในจังหวัดอื่น เช่น ลามายา แบงคอก และลาโค่ แบงคอก ย่านสุขุมวิท


ทั้งนี้ โครงการใหญ่ เช่น การก่อสร้างโครงการบ้านอิสระ คอมมูนิตี้มอลล์ ตั้งอยู่ที่ซอยโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว ใกล้เมกาบางนา ลงทุนประมาณ 60 ล้านบาท พื้นที่ประมาณ 5 ไร่ เป็นที่ดินเช่า ซึ่งจะมีร้านค้าในเครือของเราเองไปเปิดบริการ และมีพื้นที่ให้เช่าด้วย คาดว่าจะเปิดบริการได้ปีหน้า

นอกจากนี้ก็ยังมีแผนที่จะพัฒนาพื้นที่ที่เหลืออีก 22 ไร่ ของโครงการโรงแรมลาโค่เขาใหญ่ ซึ่งที่เขาใหญ่นี้มีพื้นที่รวม44 ไร่ เป็๋นส่วนโรงแรมเดิม 22 ไ่ร่ ยังเหลืออีก 22 ไร่มีแผนร่วมมือกับพาร์ทเนอร์สร้างเป็นธีมปาร์ก ขนาดใหญ่ พื้นที่ 22 ไร่ที่เขาใหญ่ พร้อมกับตั้งใจที่จะยกระดับการจัดงานช่วงเทศกาลที่เขาใหญ่ อาทิ เทศกาลสงกรานต์ ในลักษณะที่รวมผู้ประกอบการในพื้นที่ทั้งหมด รวมถึงเตรียมจะสร้างสรรค์โชว์ระดับโลก โดยฝีมือคนไทยขึ้นในจังหวัดแม่ 4 จังหวัดในแต่ละภาค

นอกนั้นก็มีโครงการสร้างโรงแรมที่ขอนแก่น ชื่อ อิสระ เป็นระดับ3 ดาว คาดว่าจะเปิดบริการได้กลางปีหน้า คอนเซ็ปท์จะคล้ายบัดเจ็ทโฮเต็ล ส่วนที่เชียงใหม่มีที่ดินประมาณ 20 ไร่ ที่แม่ริม กำลังศึกษาตลาดว่าเหมาะสมที่จะพัฒนาเป็นอะไรดี ซึ่งมีหลายแนวทางที่เป็นไปได้เช่น สร้างโรงแรม หรือพัฒนาเป็นแหล่งแอทแทรคชั่นต่างๆ อีกทั้งมีแผนที่จะสร้างโรงแรมแบรนด์ลาโค่ไปเปิดเป็นบูทีคโฮเต็ล ตามหัวเมืองท่องเที่่ยวต่างๆ


“ในส่วนของธุรกิจร้านอาหาร เรากำลังศึกษาที่จะแตกไลน์ F&B ให้มีมาตรฐานมากขึ้น ที่ผ่านมา ร้านอาหารในเครือของเราที่เขาใหญ่ได้รับการจัดอันดับเรตติ้งมากที่สุดในเขาใหญ่สูงสุดทุกร้าน ในระดับ 4.8 ขึ้นไปทั้งหมด (จาก 5) ของ google review และเราเตรียมจะขยายแบรนด์ที่เขาใหญ่ มากทม. ทั้งแบรนด์ ซาฟารี มัทฉะ ร้านข้าวมันไก่จิตรลดาที่กำลังจะเปิดอีก 3-4 สาขา รวมถึงทำ cloud kitchen ด้วย ส่วนร้านอาหารไทย แบรนด์ระลึก กำลังจะเปิดในกรุงเทพ เร็วๆนี้ ในย่านบางนา ซึ่งจะมีคอมมูนิตี้ สเปซของเครือเราเอง”นายอริยะ กล่าว

ทั้งนี้ ทางกลุ่มคาดว่าปีหน้ารายได้รวมจะเติบโตประมาณ 20%-30% จากปีนี้ ซึ่งปีนี้คาดว่าจะอยู่ในระดับ 400 กว่าล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่ทำได้ 400 กว่าล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตมากถึง 300% ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา

“เดิมมีประสบการณ์ในการทำงานด้านออแกไนเซอร์และโปรโมเตอร์งานอีเวนท์ เฟสติวัลคอนเสิร์ตมาตั้งแต่สมัยยังเรียนวิทยาลัยดุสิตธานี (เรียนด้านเชฟ) ควบคู่ไปกับการช่วยธุรกิจครอบครัว กระทั่งได้เข้ามารับช่วงต่อธุรกิจโรงแรมของครอบครัวอย่างเต็มตัวร่วมกับพี่ชาย ได้ทำการรีแบรนด์โรงแรมรุ่นพ่อเดิมที่เขาใหญ่ โรแมนติก รีสอร์ท แอนด์ สปา ซึ่งเป็นโรงแรมสไตล์ฟังก์ชั่นสำหรับองค์กร เน้นจัดการประชุมสัมมนา ให้เป็นชื่อ ลาโค่ เขาใหญ่” นายอริยะ กล่าวย้อนความ


โดยได้เข้ามาสร้างแบรนด์ใหม่และเปลี่ยนฐานลูกค้าใหม่ทั้งหมดในปีพ.ศ. 2565 (ค.ศ. 2022) ทำหน้าที่ในการบริหาร ดูแลแบรนดิ้งและทำ R& D เองด้วย

ชื่อดังกล่าวเป็นการเล่นคำอ่านกลับหลังมาจากคำว่า โลโค่ จากชื่อ จะสื่อสารถึงการเป็นโลโค่ในแต่ละพื้นที่ที่เราจะเปิดให้บริการ ซึ่งลาโค่ในที่นี้ หมายถึง สื่อถึงทั้งวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ของจังหวัดนั่นๆ และภาษาการสื่อสาร

“เราเริ่มโปรโมทสถานที่ให้เป็นที่รู้จักจากการทำลานชมภาพยนตร์แบบเอาท์ดอร์ชื่อ Lacol Cinema จนกลายเป็นไวรัลตั้งแต่แรกเปิดให้บริการ คนเริ่มจำได้ จากนั้น จึงครีเอทไอคอนนิก สปอทให้ร้านอาหารของโรงแรม ลาโค่ เขาใหญ่ ให้เป็นโดม เรามองเห็นช่องว่างธุรกิจ เราอยู่เขาใหญ่ เรารู้ว่า ที่นี่ยังไม่มีอะไรเลย คนมาล้นจนเกิดการ turn over จากเดิมที่เขาใหญ่ในช่วงก่อนโควิด มีโรงแรมเกิดเยอะ มีกระแสคาเฟ่ ฮอปปิ้ง เกิดขึ้นเยอะ เราอยากสร้าง Destination Space ที่เขาใหญ่ ที่ไม่อิงกับซีซั่น มีสปา มีโรงแรม มีที่พักให้เลือกที่ตอบโจทย์กลุ่ม Gen z และ y กลุ่มคู่รัก ครอบครัว ซึ่งตั้งแต่รีแบรนด์ ทำยอดได้เดือนละ 10 ล้านบาท รายได้เติบโตกว่า 300% ซึ่งปัจจุบัน ร้านลาโค่ กลายเป็นหนึ่งในเดสทิเนชั่นยอดฮิตติดอันดับที่คู่รักมาขอแต่งงานมากที่สุด มีคู่รักเดินทางมาจากทั่วโลกเพื่อจองคิวที่ร้าน ซึ่งเรามีบริการช่างภาพถ่ายรูปแบบไพรเวทเพื่อมอบประสบการณ์ดีๆ ให้แก่ลูกค้าตลอดช่วงเวลาสำคัญ” นายอริยะ กล่าว

นอกจากปั้นแบรนด์ลาโค่จนประสบความสำเร็จแล้ว แบรนด์ร้านอาหารลามายา ยังกลายเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายชื่อดัง ที่มอบประสบการณ์แปลกใหม่ไม่ซ้ำใครทั้งกลางวันและกลางคืน ด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวของคอนเซปท์ร้านแบบชนเผ่าที่ตกแต่ง Tribal Zone นำเสนอเมนูอาหารฟิวชั่นแบบ Farm to Table ตลอดจนมีโชว์แสงสีเสียงสร้างความตื่นตาในรูปแบบ World Class Lighting Show และ Jungle Sky Bar (สาขากรุงเทพ) ทำให้หลังจากเปิดให้บริการได้เพียง 3 ปี ลามายา ก็สามารถครองใจ เป็นเดสทิเนชั่นใหม่ หนึ่งในบัคเก็ตลิสต์ดึงดูดนักท่องเที่ยว


ทั้งนี้ นายอริยะ กล่าวว่า ร้านลามายามองว่าลูกค้าจะเป็นใครตั้งแต่ต้น เป็นกลุ่มคู่รัก ครอบครัว และรองรับกลุ่มต่างชาติ เราถึงนำเสนอออกมาเป็นชนเผ่า นำอะไรที่เล่าได้ไม่เบื่อ ให้ลูกค้าเสพในความหลากหลายได้ รวมถึงนำความรู้จากการเป็นโปรโมเตอร์คอนเสิร์ตมาครีเอทร้าน ทำในสิ่งที่แตกต่าง มีเราทำเจ้าเดียว เราสามารถขยายธุรกิจให้รับกับสถานที่ เนื่องด้วยปกติ กลุ่มต่างชาติ อาจจะไม่เข้าเขาใหญ่ เราสามารถโปรโมทแบรนดิ้งของร้านให้เป็นจุดขายของเขาใหญ่ได้ เราเห็นโอกาส และต้องการยกระดับ เน้นย้ำความเป็นเดสทิเนชั่นของเครือลาโค่และลามายา ซึ่งสเกลในการทำร้านลามายา เทียบเท่ากับการทำร้านอาหารถึง 10 ร้าน เป็นร้านขนาดใหญ่ที่รองรับลูกค้ายืนได้ถึง 2,000 คน นั่ง 500 คน เราเปิดที่เขาใหญ่ เดือนพ.ย. 2566 และเปิดที่กรุงเทพเดือนพย. 2567 ซึ่งสาขานี้ เราให้บริการตั้งแต่อาฟเตอร์นูน ที ในช่วงบ่ายไปจนถึงไลฟ์ แจ๊ซ แบนด์ exclusive club จากดีเจ Lamaya fire show , Lamaya mapping show ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของลามายาที่รู๊ฟ ท็อป บาร์

ผู้บริหารลา มายา กรุ๊ปและลาโค่ กรุ๊ป กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า หลักในการทำธุรกิจของเรา คือ มอบประสบการณ์ที่หาไม่ได้ที่ไหน โชว์ที่กทม.กับเขาใหญ่ก็จะไม่เหมือนกัน เป็น Journey experience ที่เข้ามาแล้วคนได้ผจญภัย ด้วยธีมของร้าน vibes ที่เปรียบเทียบไม่ได้ เราทำให้ร้านลามายา รองรับในแต่ละเวลา อาหาร การบริการ โชว์ คอนเซปท์ด้านนอกร้านเล่นดีเจอยู่ แต่ข้างในร้านเป็นดนตรีแจ๊ซ ถ้าร้านสาขาที่เขาใหญ่ เราจะทำ bundle ได้กับทุกร้านในเครือโรงแรมลาโค่ สามารถนำมาเป็นส่วนลดได้ 10% เรามองว่า ลามายา ต่อยอดได้หลายเรื่อง เราตั้งเป้าเป็นหนึ่งในผู้สร้าง destination experience ของแวดวง F&B ในไทย และคาดว่าจะเปิด ลามายา เพิ่มอีก1-2 สาขา ที่จ.เชียงใหม่และภูเก็ต อยากให้แบรนด์เป็น global brand

















กำลังโหลดความคิดเห็น