นางสาวทิพวรรณ พุ่มบ้านเซ่า หุ้นส่วนสายงานด้านการตรวจสอบบัญชี ฟอร์วิส มาซาร์ส โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกร่างแนวทางการบริหารความเสี่ยงด้านปัญญาประดิษฐ์ ( AI) ในภาคการเงิน ครอบคลุมผู้ให้บริการทางการเงินทุกประเภท โดยกฎระเบียบที่กำหนดขึ้น จะนำไปสู่การปฏิบัติจริง ส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงของระบบการเงินในประเทศไทย ที่จะได้รับการจัดระเบียบมากขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการด้านการเงิน ต้องปรับตัวไปพร้อม กับการเฝ้าระวังความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น โดยแบ่งออกเป็น 8 เรื่องหลัก ดังนี้ คือ
1.AI Governance หรือกฎระเบียบใหม่ ในการกำกับดูแล AI อย่างจริงจัง ซึ่งมีความจำเป็นต้องลงทุนในเครื่องมือ และบุคลากร เพื่อให้สามารถชี้แจงต่อหน่วยงานกำกับดูแลได้ ผู้ประกอบการด้านการเงินจึงต้องเร่งดำเนินการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมารองรับโดยเฉพาะ พร้อมทดลองใช้งาน เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
2.ภาษีขั้นต่ำสากล (OECD Global Minimum Tax)ซึ่งเป็นการจัดการภาระภาษีข้ามชาติที่ซับซ้อน การดำเนินงานของบริษัทข้ามชาติ โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ที่เคยได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก BOI ต้องทบทวนและปรับปรุงกระบวนการทางภาษี และการเปิดเผยข้อมูลทางการเงิน ภายใต้กฎเกณฑ์ใหม่ที่กำหนดให้ต้องมีการจัดทำรายงานที่ซับซ้อน ตามข้อกำหนด รวมทั้งการวางแผนเชิงรุกจะช่วยบริหารจัดการเครดิตภาษี และสิทธิประโยชน์ที่ยังคงมีอยู่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
3.การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดย ธปท. ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.75% เป็น 1.50% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราเงินเฟ้อที่ติดลบอย่างต่อเนื่อง หนี้ครัวเรือนสูงขึ้น การท่องเที่ยวที่ลดลง รวมถึงการเพิ่มอัตราภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ประกอบกับความไม่แน่นอนทางการเมือง ส่งผลให้องค์กรต่าง ๆ เริ่มประเมินการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ กลยุทธ์การระดมทุน และความต้องการสินเชื่อใหม่ ในสภาวะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำซึ่งคาดว่าจะยังคงยืดเยื้อต่อไป
4. ธนาคารเสมือน (Virtual Banks) ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจที่คล่องตัว และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเต็มรูปแบบ สถาบันการเงินเดิมจึงต้องเร่งผลักดันลูกค้าให้ใช้บริการผ่านช่องทางดิจิทัลมากขึ้น พร้อมสร้างกลยุทธ์ในการรักษาฐานลูกค้าไว้ เพื่อลดผลกระทบ พร้อมเตรียมปรับแผนจากเดิมให้เหมาะสมกับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
5. หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2568 ลูกหนี้ NPL ทั้งระบบธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 548,000 ล้านบาท สัดส่วนหลักมาจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อ SMEs ทั้งนี้ ฟอร์วิส มาซาร์ส แนะนำให้ตรวจสอบความเสี่ยงด้านสินเชื่ออย่างเข้มงวด ตามมาตรฐานการอนุมัติสินเชื่อ พร้อมตรวจสอบนโยบายการตั้งสำรองหนี้ ตามวิธีการคำนวณผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
6. ด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ จากปริมาณธุรกรรมดิจิทัลที่เพิ่มสูงขึ้น มาพร้อมกับภัยคุกคามที่สร้างความเสียหายมากขึ้นตามไปด้วย ผู้ประกอบการจึงต้องตรวจสอบรายการ และเตรียมความพร้อมด้วยการจำลองสถานการณ์การโจมตีที่อาจจะเกิดขึ้น พร้อมแผนรองรับที่มีความยืดหยุ่น
7. ด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีความเสี่ยงสูง ขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลได้เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น เพื่อต่อต้านการฟอกเงิน (AML/KYC) รวมทั้งข้อกำหนดด้านการดูแลสินทรัพย์ ตลอดจนการตรวจสอบความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับคริปโต ดังนั้นควรทดสอบความสมบูรณ์ของกรอบการบริหารความเสี่ยงสินทรัพย์ดิจิทัล ตั้งแต่การรับลูกค้าใหม่ การติดตาม ไปจนถึงการรายงานการปฏิบัติตามข้อกำหนด ฝ่ายตรวจสอบภายในจะต้องมีความเชี่ยวชาญเพียงพอที่จะท้าทายการควบคุมเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
8. มาตรฐานใหม่การรายงานทางการเงินไทย ฉบับที่ 17 (TFRS 17) ในปีภาษี 2568 ถือเป็นปีแรกของการส่งรายงานภาษีตามมาตรฐานใหม่ ซึ่งต้องเปิดเผยข้อมูลและรายละเอียดที่เพิ่มขึ้น จึงจำเป็นต้องขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ ที่มีการให้บริการอย่างครบวงจร ทั้งด้านการเงิน ภาษี ไอที และอื่น ๆ เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานที่สอดคล้องกัน พร้อมจัดทำเอกสารอย่างชัดเจนเพื่อรองรับการตรวจสอบทั้งภายในและภายนอก
นางสาว ทิพวรรณ ยังกล่าวอีกว่า ขณะที่ภาคบริการทางการเงินของประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของปี 2568 สภาพแวดล้อมของความเสี่ยงมีความเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าที่สถาบันการเงินหลายแห่งคาดการณ์ไว้ การปฏิรูปกฎระเบียบ ท่ามกลางปัจจัยทางเศรษฐกิจที่เผชิญกับภาวะชะลอตัว ต้องอาศัยการนำระบบดิจิทัลมาใช้อย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้อย่างเท่าทัน ทั้งนี้ ฟอร์วิส มาซาร์ส มีความสามารถในการให้คำปรึกษาแนะนำด้านการจัดการภาษี และการบริหารจัดการอย่างบูรณาการโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับมือความท้าทายที่เกิดขึ้นใหม่เหล่านี้


