“ชัชชาติ”เผยปรับค่าโดยสาร”สายสีเขียว”ส่วนต่อขยาย 1,2 เชื่อมส่วนสัมปทาน เพดานไม่เกิน 65 บาท บีทีเอสคาดช่วงแรกผู้โดยสารอาจลดลงบ้างแต่ไม่นานจะกลับมา ขณะที่กทม.เตรียมจ่ายหนี้ก้อนใหญ่ 3 หมื่นล้าน ผลดีต่อสภาพคล่อง พร้อมร่วม”คนละครึ่งพลัส”ครบ 4 สาย”เขียว-ทอง -ชมพู-เหลือง”
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ภายในเดือนพ.ย.68 นี้ กทม.บจ.กรุงเทพธนาคม (KT) เตรียมจะปรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 ช่วงอ่อนนุช-แบริ่งและช่วงตากสิน-บางหว้า และส่วนต่อขยายที่ 2 ช่วงแบริ่ง-เคหะสมุทรปราการและช่วงหมอชิต - สะพานใหม่ - คูคต จากเดิมที่เก็บค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย เป็นการจัดเก็บตามระยะทาง เริ่มต้นที่ 17 บาท สูงสุดที่ 45 บาท กรณีโดยสารส่วนต่อขยายเชื่อมต่อกับส่วนสัมปทาน สายสุขุมวิท และสายสีลม ค่าโดยสารเพดานสูงสุดไม่เกิน 65 บาท
ซึ่งได้หารือในหลักการร่วมกับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC แล้ว กรณีมีการเดินทางเชื่อมต่อระหว่างเส้นทางส่วนสัมปทานและส่วนต่อขยาย ระบบคำนวนอัตโนมัติ โดยบีทีเอสจะมีรายได้ค่าโดยสารตามที่กำหนด เหลือเท่าไรจึงจะเป็นของกทม. เพราะหากมีการหักส่วนแบ่งตามการเดินทางจริงแล้วทำให้รายได้บีทีเอสลดลงจากสัมปทาน กทม.ก็ต้องชดเชยให้บีทีเอสอยู่ดี
ด้านนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี กล่าวว่า การปรับค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 1และ 2 หารือในหลักการตรงกันแล้ว หากจะมีการจัดเก็บจะมีการประกาศล่วงหน้า 30 วัน เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ผู้โดยสารรับทราบ และปรับเปลี่ยนป้ายข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับค่าโดยสารทั้งหมดด้วย อย่างไรก็ตามการปรับค่าโดยสารจาก 15 บาทตลอดสายเป็นตามระยะทางนั้น คาดว่า อาจจะทำให้ผู้โดยสารลดลงเล็กน้อยในช่วงแรกๆ จากนั้น เชื่อว่าจะกลับมาเหมือนเดิม และสำหรับผู้ที่ใช้บริการระยะทางยาวจะมีความคุ้มค่า
@รถไฟฟ้า 4 สายพร้อมร่วม”คนละครึ่งพลัส”
นายสุรพงษ์กล่าวว่า บริษัทฯพร้อมเข้าร่วมโครงการ”คนละครึ่งพลัส”แน่นอน สำหรับจ่ายค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีทอง ซึ่งเคยเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง (เฟส 3, 4)” มาแล้ว และเตรียมนำรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี,ศรีรัช-เมืองทองธานี) เข้าลงทะเบียนสมัครเพิ่มเติม ซึ่งได้หารือกับธนาคารกรุงไทย เรียบร้อยแล้ว ในการเชื่อมระบบกับแอปฯเป๋าตัง และพร้อมเริ่มใช้ได้ในวันที่ 29 ต.ค. 68 นี้
“คาดว่า โครงการคนละครึ่งพลัส จะทำให้ประชาชนหันมาใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นเพราะในครั้งนี้ มีการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ว่าสามารถใช้กับรถไฟฟ้าได้”
ปัจจุบันรถไฟฟ้าสายสีเขียวมีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยกว่า 7 แสนเที่ยวคนต่อวัน ซึ่งช่วงเดือนก.ย.-ต.ค. เป็นช่วงปิดเทอมผู้โดยสารอาจจะลดลงบ้าง และเดือนพ.ย. 68 จะเปิดเทอม คาดว่าผู้โดยสารจะกลับมามากกว่า 8 แสนคนต่อวัน ประกอบกับ ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ข้อมูลว่า ตอนนี้นักท่องเที่ยวจีนมเริ่มกลับมาแล้ว มีสัญญาณทางบวกกับการท่องเที่ยวของประเทศไทยเมื่อมีนักท่องเที่ยวก็จะทำให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวได้รับผลดีไปด้วย
ส่วนรถไฟฟ้าสายสีชมพู มีผู้โดยสารเฉลี่ยกว่า 7 หมื่นคนต่อวัน สายสีเหลืองประมาณ 5 หมื่นคนต่อวัน ซึ่งมีการเติบโตแต่ไม่มากนัก โดยค่าเฉลี่ยอัตราการเติบโตของผู้โดยสารเกือบ 18 % ต่อปี
นายสุรพงษ์กล่าวถึงหนี้ค่าจ้างให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ที่ค้างอยู่ 2 ก้อนว่า ล่าสุดสภากรุงเทพมหานคร (สภากทม.) มีมติเห็นชอบกรอบงบประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท เพื่อชำระหนี้ดังกล่าว ภายในสิ้นเดือนต.ค. 68 และตั้งแต่เดือนพ.ย. 68 เป็นต้นไป กทม.จะจ่ายค่าจ้างเดินรถทุกเดือน ซึ่งทำให้มีผลต่อสภาพคล่องของบริษัทฯ อย่างมาก