ผู้จัดการรายวัน 360 - ลอนดรี้ ยู หรือ “WASH” เดินหน้าแผนรุกเต็มพิกัด จ่อเข้าตลาด MAI ระดมทุน ปลดล็อกศักยภาพและสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด เปิดแผนขยายสาขาลงทุนเองไม่น้อยกว่า 160 สาขา ในปี 2569 - 2570 เร่งปรับปรุงร้านเดิม เสริมบริการใหม่ ขยายB2B มากขึ้น ชูโมเดลธุรกิจ “Owner-Operator” ที่แข็งแกร่ง
นายกวิน กลองกระโทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ WASH กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ (1) ธุรกิจให้บริการร้านสะดวกซักแบบครบวงจรภายใต้แบรนด์ “WashXpress” (2) ธุรกิจให้สิทธิบุคคลอื่นในการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ และ (3) ธุรกิจจำหน่ายเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า สินค้าอื่น ๆ และบริการที่เกี่ยวข้อง
โดยธุรกิจให้บริการร้านสะดวกซักถือเป็นธุรกิจหลักและสร้างรายได้ของบริษัทฯ ซึ่งเห็นได้จากสัดส่วนรายได้จากการขายและให้บริการผ่านสาขาที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของในงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 ที่สูงถึงร้อยละ 97.40 ของรายได้รวม ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงมุ่งมั่นในการขยายสาขาที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของเป็นหลัก เพื่อสร้างรายได้ที่ต่อเนื่องและการเติบโตอย่างยั่งยืน
WASH มีรากฐานมาจากโมเดลธุรกิจ “Owner-Operator” ที่มุ่งเน้นการลงทุนและบริหารจัดการสาขาด้วยตนเองเป็นหลัก ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 มีสาขาที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ 469 สาขา คิดเป็นสัดส่วน 85.58% ของสาขาทั้งหมด ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการในทุกมิติได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นปัจจัยที่สร้างความแตกต่างจากผู้เล่นรายอื่นในอุตสาหกรรม
ยุทธศาสตร์ของ WASH วางไว้ 3 แกนหลัก คือ (1) การขยายสาขาเชิงรุก โดยตั้งเป้าหมายเปิดสาขาใหม่ที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของจำนวน 80 สาขาในปี 2568 และมีแผนขยายสาขาอีกไม่น้อยกว่า 160 สาขาในปี 2569 - 2570 (2) การพัฒนาและขยายบริการครบวงจร ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายขึ้น พร้อมขยายบริการที่มีอยู่แล้ว เช่น บริการซักอบพับ บริการรับรีด และบริการรับจ้างซักอบรีดในปริมาณมากสำหรับลูกค้ากลุ่มธุรกิจ (B2B) ให้ครอบคลุมสาขามากขึ้น รวมถึงมีแผนพัฒนาบริการใหม่ ๆ เช่น บริการรับ-ส่งผ้าถึงมือลูกค้า และ (3) การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ผ่านแอปพลิเคชัน WashXpress า พร้อมนำข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานมาวิเคราะห์เพื่อต่อยอดทางธุรกิจ และมีแผนจะนำรูปแบบสมาชิก มาใช้ในการให้บริการ
“การจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะช่วยปลดล็อกศักยภาพและเสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน รองรับแผนการขยายธุรกิจเชิงรุก ผ่านการขยายสาขาที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ, ปรับปรุงและยกระดับร้านสะดวกซักสาขาเดิม ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน” นายกวิน กล่าว
นายชิษณุพันธ์ ตั้งเฉลิมกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจ และผู้ร่วมก่อตั้ง กล่าวว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมร้านสะดวกซักในประเทศไทยเป็นหนึ่งในธุรกิจเมกะเทรนด์ที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและมีศักยภาพสูง โดยมูลค่าตลาดขยายตัวจากประมาณ 3,000 ล้านบาท ในปี 2563 เป็น 10,000 ล้านบาทในปี 2565 และคาดว่าจะเติบโตถึง 13,500 ล้านบาท ในปี 2567
ปัจจุบัน ธุรกิจร้านซักผ้าในไทยมี3 กลุ่มหลักคือ ร้านเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ, ร้านซักรีดทั่วไป และร้านสะดวกซัก (Laundromat) ซึ่งร้านสะดวกซักที่ใช้เครื่องจักรอุตสาหกรรมมีแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่นและรวดเร็วที่สุด เนื่องจากสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในด้านความสะดวก รวดเร็ว และมีคุณภาพสูงกว่าการซักผ้าที่บ้าน
การเติบโตอย่างมีนัยสำคัญนี้ได้รับแรงสนับสนุนจากปัจจัยเชิงมหภาคหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น (1) การขยายตัวของสังคมเมือง ที่ทำให้รูปแบบการอยู่อาศัยเปลี่ยนไปสู่คอนโดมิเนียมหรืออพาร์ตเมนต์ที่มีพื้นที่จำกัด โดยเฉพาะเมืองในภูมิภาค และโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ดึงดูดแรงงานจำนวนมาก (2) การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ซึ่งส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น และสร้างความต้องการบริการซักผ้าปริมาณมากจากธุรกิจโรงแรมและบริการที่เกี่ยวข้อง และ (3) แนวโน้มการอยู่อาศัยของคนรุ่นใหม่ ที่ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวเดี่ยว และมีไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ จึงต้องการบริการที่ช่วยประหยัดเวลาและอำนวยความสะดวก
นางสาวนันทพร ฤทธินภากร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานบัญชีและการเงิน กล่าวว่า ช่วงปี 2565 - 2567 บริษัทฯมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 464.47 ล้านบาทในปี 2565 เป็น 657.06 ล้านบาทในปี 2566 และ 823.58 ล้านบาทในปี 2567 เติบโตเฉลี่ย33.16% ต่อปี ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจร้านสะดวกซักที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ สัดส่วน92.10% - 96.60% ของรายได้รวม และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น จาก 59.31 ล้านบาทในปี 2565 เป็น 67.28 ล้านบาทในปี 2566 และ 83.47 ล้านบาทในปี 2567 คิดเป็นเติบโตเฉลี่ยของกำไรสุทธิที่ 18.63% ต่อปี ซึ่งมีปัจจัยหนุนจากการขยายสาขาใหม่ และการเติบโตของสาขาเดิมรวมทั้งการเพิ่มบริการใหม่
บริษัทฯ มีกระแสเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานเป็นบวกและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 247.53 ล้านบาทในปี 2565 เป็น 341.60 ล้านบาท ในปี 2566 และ 430.95 ล้านบาทในปี 2567
นางสาวสุธางค์ คนศิลป กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 2 บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า ขณะนี้แบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) ของ บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ WASH ได้รับการอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. และมีผลใช้บังคับแล้ว โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนรวมไม่เกิน 105,882,352 หุ้น ซึ่งประกอบด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม คิดเป็นร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายครั้งนี้
ล่าสุดได้กำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่ 7.50 บาทต่อหุ้น และจะเปิดให้นักลงทุนจองซื้อใน วันที่ 24 และ 27 - 28 ตุลาคม 2568 นี้ คาดว่าจะสามารถนำหุ้น WASH เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ ภายในเดือนพฤศจิกายน 2568 โดย WASH ได้ลงนามแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ พร้อมแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญอีก 4 ราย ประกอบด้วย (1) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) (2) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) (3) บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ (4) บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
นายธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานคณะกรรมการ บริษัทลอนดรี้ ยู จำกัด(มหาชน)หรือWASHเปิดเผยว่า WASH มุ่งมั่นสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจร้านสะดวกซักครบวงจรในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “สะอาด สะดวก สบาย” ซึ่งก่อตั้งขึ้นจากวิสัยทัศน์ของผู้ร่วมก่อตั้ง 4 ท่าน คือ คุณชิษณุพันธ์ ตั้งเฉลิมกุล, คุณกวิน กลองกระโทก, คุณอุไรวรรณ อ่อนเจริญ และคุณพรสิริ ธัญญานุรักษา ที่ต้องการทำให้การซักผ้าเป็นเรื่องง่ายสำหรับชุมชน และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคม จากความตั้งใจดังกล่าวได้ส่งผลให้แบรนด์ WashXpress ประสบความสำเร็จและเป็นที่รู้จักในวงกว้างอย่างรวดเร็ว โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากทีมผู้บริหารซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีทั้งวิสัยทัศน์ ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในธุรกิจร้านสะดวกซัก พร้อมด้วยความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความทุ่มเทของทีมผู้บริหารที่เป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีทั้งความหลงใหล วิสัยทัศน์ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ที่สั่งสมมานานกว่า 7 ปี การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จึงเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้บริษัทฯ สามารถเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน โดยจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการจัดหาเงินทุน ยกระดับภาพลักษณ์องค์กร และเสริมสร้างความน่าเชื่อถือในตลาด เชื่อมั่นว่าด้วยรากฐานที่มั่นคงและความมุ่งมั่นที่ไม่หยุดนิ่ง จะผลักดันให้WASH สามารถขยายธุรกิจและสร้างสรรค์บริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้คนต่อไปในอนาคต