“พิพัฒน์” ลุยอ่าวบ้านดอน สุราษฎร์ธานี ปลดล็อกอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทางทะเลทั่วประเทศ กรมเจ้าท่า เตรียมออกประกาศอนุญาตสร้าง “ขนำเฝ้าแปลง” ได้ถูกต้องตามกฎหมายภายใน 60 วัน
วันที่ 10 ตุลาคม 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจติดตามการบริหารจัดการพื้นที่ อ่าวบ้านดอน ซึ่งเป็นแหล่งเพาะเลี้ยงหอย ที่สำคัญของประเทศ โดยมีนายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม นายกริชเพชร ชัยช่วย อธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ร่วมรับฟังปัญหาและข้อเสนอของเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงหอยและสัตว์น้ำชายฝั่ง ซึ่งได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดทางกฎหมายมานานกว่า 10ปี
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า หลังจากรับฟังปัญหาของเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างบริเวณแปลงเพาะเลี้ยงหอยและสัตว์น้ำทางทะเล รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายให้ กรมเจ้าท่า เร่งหาทางออกที่ถูกต้องตามกฎหมายและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
โดยกรมเจ้าท่าจะออก “ประกาศภายใน 60 วัน ”เพื่ออนุญาตให้เกษตรกรสามารถ สร้างสิ่งปลูกสร้างชั่วคราว (ขนำ) สำหรับเฝ้าดูแลและเก็บอุปกรณ์ในแปลงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทางทะเลได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยเงื่อนไขของสิ่งปลูกสร้างที่อนุญาตเบื้องต้น ดังนี้
• ขนาดไม่เกิน 25 ตารางเมตรต่อ 1 แปลง
• ใช้เพื่อ “เฝ้า–เก็บ–ดูแลอุปกรณ์” เท่านั้น
• ต้องยื่นขออนุญาตผ่าน คณะกรรมการสิ่งล่วงล้ำลำน้ำจังหวัดสุราษฎร์ธานี
สำหรับมาตรการนี้จะช่วยเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่อ่าวบ้านดอน 1,701 แปลง และจะเป็น “ต้นแบบแนวทางเดียวกันทั่วประเทศ” เพื่อให้ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในจังหวัดชายฝั่งอื่น ๆ เช่น จันทบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ สามารถประกอบอาชีพได้อย่างมั่นใจ ถูกต้องตามกฎหมาย และไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือการเดินเรือ
“ผมเข้าใจดีว่าพี่น้องเกษตรกรที่ทำงานสุจริตและเลี้ยงชีพด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น ต้องการเพียงโอกาสในการทำอาชีพอย่างถูกต้อง วันนี้ผมยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ปล่อยให้ประชาชนเดือดร้อน เพียงเพราะข้อจำกัดทางกฎหมายภายใน 60 วันนี้ พวกเขาจะกลับมาทำมาหากินได้อย่างสบายใจอีกครั้งหนึ่ง ในการดำเนินการครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือของกรมเจ้าท่า กรมประมง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อกำหนดแนวเขตและหลักเกณฑ์ในการใช้พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง ให้สมดุลระหว่างการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการสร้างรายได้ให้ประชาชน”นายพิพัฒน์กล่าว
อ่าวบ้านดอน ถือเป็น “หัวใจเศรษฐกิจทะเลของภาคใต้” มีเกษตรกรกว่า 1,700 แปลงเพาะเลี้ยงหอยนางรมและหอยแครง รวม7 อำเภอ กว่า 85,608 ไร่ สร้างรายได้หมุนเวียนกว่า 8,000 ล้านบาทต่อปี
โดยในอดีตเกษตรกรประสบปัญหาข้อจำกัดทางกฎหมาย ทำให้ไม่สามารถสร้างสิ่งปลูกสร้างเฝ้าแปลงได้อย่างถูกต้อง
ครั้งนี้ถือเป็น “ข่าวดีของชาวสุราษฎร์ธานี”และยังเป็น “ข่าวดีของเกษตรกรชายฝั่งทั่วประเทศ”เพราะรัฐบาลสามารถปลดล็อกอาชีพเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทางทะเลได้จริงโดยใช้แนวทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย และสอดคล้องกับนโยบาย“คมนาคมเพื่อพี่น้องประชาชน”ที่มุ่งให้ทุกอาชีพสามารถดำรงชีวิตและทำมาหากินได้อย่างมั่นคง