การตลาด - ตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ไทยมูลค่า 45,000 ล้านบาท ทะยานเติบโตปีละ 20-30% ต่อเนื่อง คนเจน Z ครองอาชีพนี้มากสุด ขณะที่กลุ่มอายุ 45 ปีขึ้นไป กำลังเข้ามาในอาชีพนี้เพิ่มขึ้น “เทลสกอร์” เผยผลวิจัยใน 10ปีข้างหน้า ทิศทางอุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์มีความเป็นไปได้ใน 5 ด้าน แนะตั้งแผนรับมือให้ทัน
อุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ของไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีบทบาทสําคัญในหลายมิติ ทั้งด้านสื่อ ค่านิยม เศรษฐกิจ และสังคม โดยเป็นกลไกสําคัญในการสร้างรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ที่สำคัญสร้างรายได้ให้คนไทยเกือบ 9 ล้านคน ทั้งในฐานะอาชีพหลักและอาชีพเสริม คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 45,000 ล้านบาทต่อปี
ดังนั้นคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์จึงเป็นเครื่องมือทางการตลาดสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจแข่งขันและเติบโต ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ท้าทายและต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
“ครีเอเตอร์ไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิตคอนเทนต์เพื่อความบันเทิง แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจ แหล่งความรู้ พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมที่ทำให้ผู้คนมองเห็นโอกาสใหม่ๆ” นี่คือคำกล่าวของ นางสาวสุวิตา จรัญวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เทลสกอร์ จำกัด
*** ตลาดครีเอเตอร์ไทยมูลค่า 45,000 ล้านบาท
นางสาวสุวิตา กล่าวว่า ตลาดครีเอเตอร์ทั้งในไทยและทั่วโลกยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งทุกปี โดยข้อมูลสถิติ “Influencer Economy Worldwide” จาก Statista.com ระบุว่า มูลค่าตลาดครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ทั่วโลกมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 20-30% ต่อปี ในปี 2567 อยู่ที่ 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในปี 2568 นี้ตลาดครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ทั่วโลกพุ่งถึง 32,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนของไทยนั้นในปี 2569 เชื่อว่าจะเติบโตขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 15% จากปี 2567 มีมูลค่าที่ 45,000 ล้านบาท และในปีนี้จะเติบโตอีก 20%
โดยตลาดครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์จากนี้ จะโตในกลุ่มไมโครมากที่สุด ขณะที่การหารายได้หลักล้านบาทขึ้นไปจะเห็นได้ยากขึ้น เฉลี่ยจะอยู่ที่หลักพันบาทต่อเดือน เพราะการเติบโตของกลุ่มไมโคร บวกกับแบรนด์เองเลือกใช้เงินกับครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ระดับไมโครแทนระดับเมกะที่มีผู้ติดตามหลักล้านขึ้นไป เพราะเห็นถึงประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีกว่า ในราคาที่ถูกกว่า
นอกจากนี้ยังมองว่า กลุ่มครีเอเตอร์ LGBTQ+ จะเติบโตมาก ในบริบท Rainbow Economy ซึ่งสะท้อนสังคมที่เปิดกว้างและยอมรับความหลากหลายชูจุดเด่นของประเทศไทย แบรนด์ที่ร่วมงานกับครีเอเตอร์กลุ่มนี้ไม่เพียงได้ประโยชน์เชิงธุรกิจ แต่ยังสร้าง Emotional Bonding และความเชื่อมั่นกับผู้บริโภค Gen Z และ Millennials ที่ให้ความสำคัญกับ Trust, Authenticity และ Inclusion
**** Gen Z หลั่งไหลเข้าวงการครีเอเตอร์
ในภาพรวมกลุ่มครีเอเตอร์ที่เข้ามาใหม่ หลักๆ ยังเป็นกลุ่มเจน Z รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุ 45 ปีขึ้นไป และเซกเม้นท์ที่มองว่าเป็นโอกาสคือ ด้านข่าว เป็นต้น
ส่วนด้านภูมิทัศน์แพลตฟอร์มออนไลน์ นางสาวสุวิตา ระบุว่า TikTok ยังคงมาแรงต่อเนื่อง ขณะที่ YouTube พลิกเกมด้วย Long-form Content ตลอดจนจับมือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรุกตลาด Social Commerce และ Instagram ยังคงเหมาะกับคอนเทนต์ Trend Setter โดยเฉพาะฟอร์แมตคอนเทนต์ประเภท Story ที่สร้าง Engagement ได้สูง
ส่วนแพลตฟอร์มน่าจับตา คือ Lemon8 ที่ถูกใจ Gen Z ด้วยรูปแบบคอนเทนต์ง่ายและเร็ว และ XiaoHongShu ซึ่งกำลังเติบโตในไทยและอาเซียน ครีเอเตอร์ที่ใช้ภาษาอังกฤษและจีนได้จะมีโอกาสขึ้นแท่นผู้ชนะ
อย่างไรก็ตาม จากการเข้ามาของ AI เพื่อรับมือกับ AI แบรนด์ควรต้องทำ Branding via Creators ที่ไม่ใช่แค่การสร้างความแตกต่าง แต่ต้อง “บอกเล่าอย่างมี Human Connection” ว่าแบรนด์นำเสนออะไร สร้างคุณค่าด้านใดให้ผู้บริโภค และอินฟลูเอนเซอร์ ครีเอเตอร์ที่มาร่วมสร้างคุณค่าดังกล่าวคือใคร กำลังทำอะไร มีความเชื่อมโยงอย่างไรในคอมมูนิตี้ที่ตนอยู่ ซึ่งจำเป็นต้องผสานกลยุทธ์ O2O Marketing (Online-to-Offline) ผ่านกิจกรรมจริง เช่น อีเวนต์ เวิร์กชอป หรือคอนเสิร์ต เพื่อทำให้แบรนด์ดิ้งแข็งแรงและเชื่อมโยงกับผู้ติดตามได้ลึกกว่าเดิม
ดังนั้นทางรอด คือ การอยู่ร่วมกับ AI อย่างสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง AI Avatar ของตัวอินฟลูเอนเซอร์เองเพื่อทำคอนเทนต์สั้นๆ สัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง หรือใช้ AI เป็นแรงเสริมในการสร้างแบรนด์ แต่สิ่งสำคัญคือต้องสื่อสารอย่างโปร่งใส ระบุชัดเจนว่าเป็นคอนเทนต์จาก AI เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคสับสน ซึ่งจะช่วยเพิ่มคุณค่าและความน่าเชื่อถือในสายตาแบรนด์และผู้ติดตาม
“ตลาดครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ยังโตแน่นอน แม้เศรษฐกิจโลกจะผันผวน แต่การเติบโตจะไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ครีเอเตอร์และแบรนด์ต้องปรับตัวอย่างยิ่งยวด ต้องมองทั้ง Geopolitics ระดับโลกและโอกาสในภูมิภาค โดยเฉพาะอาเซียน และควรเริ่มสร้างคอนเทนต์ภาษาอังกฤษหรือจีนเพื่อเจาะตลาดต่างประเทศ เพราะความต้องการเปลี่ยนเร็วมาก จาก Awareness ไป Conversion และ KPI ที่ซับซ้อนหลากหลายขึ้น ใครปรับตัวได้คือผู้ที่จะอยู่รอด ที่สำคัญการทำคอนเทนต์ยุคใหม่ไม่ใช่แค่ตามแผนสื่อสาร แต่ต้องสร้าง Meaningful Impact ต่อสังคมและผู้คน” นางสาวสุวิตา กล่าว
***อนาคตเศรษฐกิจคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไทย พ.ศ. 2578
แม้ภาพรวมตลาดครีเอเตอร์และอินฟลูเอ็นเซอร์ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่วงการนี้ยังคงเผชิญกับประเด็นด้านนิยามและความชัดเจนในบริบทของสื่อมวลชนและการยกระดับสู่การเป็นอาชีพอย่างเป็นทางการ การกําหนดกรอบนิยามที่เป็นระบบ พร้อมกับกลไกเชื่อมโยงกับสื่อหลัก และแนวทางการกํากับดูแลที่เหมาะสม จะช่วยยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ทั้งยังช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันและความยั่งยืนของทั้งคอนเทนต์ครีเอเตอร์ และผู้ประกอบการที่พึ่งพาคอนเทนต์ครีเอเตอร์เป็นเครื่องมือหลักทางการตลาด อีกทั้งยังเป็นโอกาสในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคสังคมโดยรวม
ทั้งนี้บริษัท เทลสกอร์ จํากัด (Tellscore) ศูนย์วิจัยอนาคตศึกษาฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ (FutureTales LAB) และสถาบันวิชาการเพื่อความยั่งยืนทางสุขภาพจิตคนไทยทั่วประเทศ (TIMS) ได้ดําเนินโครงการวิจัยหัวข้อ “อนาคตเศรษฐกิจคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไทย พ.ศ. 2578 (Futures of Content Creators in Thailand 2035)” เพื่อนําเสนอองค์ความรู้ด้านการขับเคลื่อนวงการคอนเทนต์ครีเอเตอร์ สถานการณ์ปัจจุบัน ความท้าทาย สัญญาณการเปลี่ยนแปลง ปัจจัยขับเคลื่อน ภาพอนาคต ตลอดจนข้อเสนอแนะเชิงนโยบายสู่การปฏิบัติต่อทุกภาคส่วน นําเสนอเป็นบทวิจัยออกสู่สาธารณะ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการเตรียมความพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลง ทั้งในมิติสังคม เทคโนโลยี เศรษฐกิจ กฎหมาย นโยบาย และค่านิยม เพื่อออกแบบอนาคตที่ยั่งยืนของเศรษฐกิจคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไทยในอนาคต
จากปัจจุบันคอนเทนต์ครีเอเตอร์ต้องแข่งขันกันเพื่อดึงดูดความสนใจและสร้างการมีส่วนร่วมจากผู้ชม ส่งผลให้ภาพรวมตลาดยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีคอนเทนต์ครีเอเตอร์หน้าใหม่เข้ามาเป็นจํานวนมาก โดยพบว่า
1. จำนวนคอนเทนท์ครีเอเตอร์ในไทยมี 9 ล้านคน : ผู้ที่ผลิตคอนเทนต์เป็นรายได้หลักมีประมาณ 2 ล้านคน และหากรวมคนที่ผลิตคอนเทนต์เป็นแหล่งรายได้เสริมจะอยู่ที่ 9 ล้านคน
2. จำนวนคอนเทนท์ครีเอเตอร์ทั่วโลกมี 200 ล้านคน จากจำนวนประชากรโลกมากกว่า 7,000 ล้านคน คิดเป็นประมาณ 2.5% ของประชากรทั้งหมด สะท้อนถึงบทบาทที่เติบโตของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ในเศรษฐกิจดิจิทัลและอุตสาหกรรมสื่อ ซึ่งมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคและแนวโน้มทางสังคมอย่างมีนัยสำคัญ
3. ขนาดตลาดคอนเทนท์ครีเอเตอร์ในไทย ปี 2567 มีมูลค่า 45,000 ล้านบาท : ที่ผ่านมาตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์มีความเป็นเอกเทศจากตลาดโฆษณาดิจิทัลมากขึ้นทุกปี ในขณะที่ขนาดตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์ทั่วโลกปี พ.ศ. 2568 ประมาณการที่อยู่ที่ 5.5 ล้านล้านบาท หรือ $156.37 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
จากข้อมูลความร่วมมือของ AIS ประเทศไทยกับนักวิชาการด้าน Creator Economy ศาสตราจารย์ David Craig จากสหรัฐอเมริกา เผยข้อมูลระบุว่า ขนาดตลาดคอนเท้นต์ครีเอเตอร์ทั่วโลกอาจใหญ่ถึง 16 ล้านล้านบาท หรือ 5,480 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี พ.ศ. 2573 โดยไม่ได้รวมตลาดจีน
4. จำนวน 69% ของแบรนด์มีการเพิ่มงบ Influencer Marketing หรือการตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์ต่อเนื่องมาจากปีก่อน
5. จำนวน 82% ของแบรนด์ระบุว่าได้ผลลัพธ์ทางการตลาดที่ดี เช่น ด้านยอดลูกค้าลงทะเบียน (Lead generation) ดีกว่าจากวิธีการโฆษณา หรือวิธีทําการตลาดอื่นๆ
6. จำนวน 63% ของผู้บริโภคมีแนวโน้มจะซื้อสินค้าหรือบริการจากคำแนะนำของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ตนรู้จักและเชื่อใจ
7. จำนวน 80% ของผู้บริโภคในเอเชีย ที่มีการติดตามคอนเทนต์ครีเตอร์ มีแนวโน้มจะซื้อสินค้าที่แนะนำโดยครีเอเตอร์เหล่านั้น
8. จำนวน 55% ของผู้บริโภคระบุว่า ส่วนลด และโปรโมชั่น ทำให้พวกเขาติดตามคอนเทนท์ครีเอเตอร์
9. ตลาดคอนเทนท์ครีเอเตอร์เติบโต 20-30% ต่อปี เฉลี่ยทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย
10. จำนวนผู้ใช้โซเชียลมีเดียในไทยมีอยู่ 50 ล้านคน จากจำนวนประชากร 70 กว่าล้านคน หรือคิดเป็น 71.5% ของประชากรไทย
11. ประเทศไทยมีพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดีย และการใช้เวลาในโลกออนไลน์สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยประชาชนทั่วไปใช้เวลา ในอินเทอร์เน็ตต่อวันอยู่ที่ 7 ชั่วโมง 25 นาที และการจ้างงานธุรกิจดิจิทัลสูงถึง 35.96%
12. จำนวน 67% ของคนไทยวัยทำงาน ส่วนใหญ่ทำงานเงินเดือนชนเงินเดือน เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ ดังนั้นแหล่งรายได้เสริมจึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับพวกเขา
13. จำนวน 30-40% ของคนรุ่นใหม่ ระบุว่าตนเองก็เป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์คนหนึ่ง จากการศึกษา 30% ของคนอายุ 18 - 24 ปี และ 40% ของคนอายุ 25 - 34 ปีคิดเช่นนั้น
14. ปี พ.ศ. 2567 เป็นปีที่คอนเทนต์ครีเอเตอร์ทั่วโลก หันมาเป็นอาชีพ Full-time (รายได้หลัก) กันมากขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ หนึ่งในเหตุผลหลัก คือ การ Lay-off หรือเลิกจ้างจากบริษัทยักษ์ใหญ่ส่วนใหญ่เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยี สื่อ และยานยนต์สันดาป
15. ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา Google รายงานว่า มีคนค้นหาคำว่า Influencer Marketing เพิ่มขึ้น 1,500 %
จากสถานการณ์โลกที่เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวและมีการปลดพนักงานในบริษัทใหญ่ทั่วโลกและในไทยช่วงระยะ 2 - 3 ปีที่ผ่านมา ทําให้หลายคนหันมามองหารายได้เสริม ส่งผลให้จํานวนคอนเทนต์ครีเอเตอร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในประเทศไทยอาชีพคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์กลายเป็นอาชีพที่มีความสําคัญต่อรายได้และปากท้องของคนจํานวนมากและยังเป็นเครื่องมือสําคัญทางการตลาด และการสร้าง Soft Power ที่วัดผลเป็นรายได้ทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตามการแข่งขันในการดึงดูดความสนใจจากผู้รับชมก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน นักการตลาดมีตัวเลือกในการทํางานกับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์ และนักขายออนไลน์ที่หลากหลายขึ้น ตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง สะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นของดิจิทัลคอนเทนต์ ทุกฝ่ายควรให้ความสําคัญกับคอนเทนต์ที่ได้ผลลัพธ์การการสื่อสารหรือการตลาด มากกว่าการเน้นเพียงยอดวิวหรือยอดไลก์ ควรเน้นความโปร่งใสเกี่ยวกับที่มาของข้อมูล (Transparency) ตัวตนของผู้ผลิตคอนเทนต์ (Authenticity) และการเปิดเผยว่าใช้เทคโนโลยี AIในการสร้างคอนเทนต์ (AI Governance) เหล่านี้จะเป็นสิ่งที่สําคัญมากขึ้นทุกวัน ทั้งในฝั่งของผู้จ้างตลอดจนคอนเทนต์ครีเอเตอร์และประชาชนผู้รับสาร
*** ภาพอนาคตอุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไทย
โครงการวิจัยชุดนี้ได้ฉายภาพอนาคตของอุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ไทย ในปี พ.ศ. 2578 ออกมาได้ 5 ด้าน คือ
1.การสร้างสรรค์ไร้ขีดจำกัด สู่ความสำเร็จระดับโลก
2. ไทยสร้างไทยในอุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์
3.การเติบโตบนเส้นทางที่ไม่มั่นคง
4. วิกฤตความน่าเชื่อถือในวงการคอนเทนท์ไทย
5. ซากปรักหักพังของอุตสาหกรรมคอนเทนท์
กล่าวได้ว่าใน10 ปีข้างหน้า จะเป็นยุคทองของครีเอเตอร์ ภาพรวมอุตสาหกรรมจะเติบโตอย่างมั่นคงและได้รับการสนับสนุนในทุกมิติ รวมถึงฉากทัศน์ที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน มีทั้งโอกาสและอุปสรรค และฉากทัศน์สุดท้ายซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่ที่สุด อุตสาหกรรมซบเซา ครีเอเตอร์ขาดโอกาสและการสนับสนุนทางเศรษฐกิจและนโยบาย การมองเห็นความเป็นไปได้ที่หลากหลายเหล่านี้ ช่วยให้เราสามารถเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างรอบด้าน.
***อนาคตเศรษฐกิจคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไทย พ.ศ. 2578
แม้ภาพรวมตลาดครีเอเตอร์และอินฟลูเอ็นเซอร์ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่วงการนี้ยังคงเผชิญกับประเด็นด้านนิยามและความชัดเจนในบริบทของสื่อมวลชนและการยกระดับสู่การเป็นอาชีพอย่างเป็นทางการ การกําหนดกรอบนิยามที่เป็นระบบ พร้อมกับกลไกเชื่อมโยงกับสื่อหลัก และแนวทางการกํากับดูแลที่เหมาะสม จะช่วยยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ทั้งยังช่วยเสริมศักยภาพการแข่งขันและความยั่งยืนของทั้งคอนเทนต์ครีเอเตอร์ และผู้ประกอบการที่พึ่งพาคอนเทนต์ครีเอเตอร์เป็นเครื่องมือหลักทางการตลาด อีกทั้งยังเป็นโอกาสในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคสังคมโดยรวม
ทั้งนี้บริษัท เทลสกอร์ จํากัด (Tellscore) ศูนย์วิจัยอนาคตศึกษาฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ (FutureTales LAB) และสถาบันวิชาการเพื่อความยั่งยืนทางสุขภาพจิตคนไทยทั่วประเทศ (TIMS) ได้ดําเนินโครงการวิจัยหัวข้อ “อนาคตเศรษฐกิจคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไทย พ.ศ. 2578 (Futures of Content Creators in Thailand 2035)” เพื่อนําเสนอองค์ความรู้ด้านการขับเคลื่อนวงการคอนเทนต์ครีเอเตอร์ สถานการณ์ปัจจุบัน ความท้าทาย สัญญาณการเปลี่ยนแปลง ปัจจัยขับเคลื่อน ภาพอนาคต ตลอดจนข้อเสนอแนะเชิงนโยบายสู่การปฏิบัติต่อทุกภาคส่วน นําเสนอเป็นบทวิจัยออกสู่สาธารณะ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการเตรียมความพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลง ทั้งในมิติสังคม เทคโนโลยี เศรษฐกิจ กฎหมาย นโยบาย และค่านิยม เพื่อออกแบบอนาคตที่ยั่งยืนของเศรษฐกิจคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไทยในอนาคต
อบด้าน.
จากปัจจุบันคอนเทนต์ครีเอเตอร์ต้องแข่งขันกันเพื่อดึงดูดความสนใจและสร้างการมีส่วนร่วมจากผู้ชม ส่งผลให้ภาพรวมตลาดยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีคอนเทนต์ครีเอเตอร์หน้าใหม่เข้ามาเป็นจํานวนมาก โดยพบว่า
1. จำนวนคอนเทนท์ครีเอเตอร์ในไทยมี 9 ล้านคน : ผู้ที่ผลิตคอนเทนต์เป็นรายได้หลักมีประมาณ 2 ล้านคน และหากรวมคนที่ผลิตคอนเทนต์เป็นแหล่งรายได้เสริมจะอยู่ที่ 9 ล้านคน
2. จำนวนคอนเทนท์ครีเอเตอร์ทั่วโลกมี 200 ล้านคน จากจำนวนประชากรโลกมากกว่า 7,000 ล้านคน คิดเป็นประมาณ 2.5% ของประชากรทั้งหมด สะท้อนถึงบทบาทที่เติบโตของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ในเศรษฐกิจดิจิทัลและอุตสาหกรรมสื่อ ซึ่งมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคและแนวโน้มทางสังคมอย่างมีนัยสำคัญ
3. ขนาดตลาดคอนเทนท์ครีเอเตอร์ในไทย ปี 2567 มีมูลค่า 45,000 ล้านบาท : ที่ผ่านมาตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์มีความเป็นเอกเทศจากตลาดโฆษณาดิจิทัลมากขึ้นทุกปี ในขณะที่ขนาดตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์ทั่วโลกปี พ.ศ. 2568 ประมาณการที่อยู่ที่ 5.5 ล้านล้านบาท หรือ $156.37 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
จากข้อมูลความร่วมมือของ AIS ประเทศไทยกับนักวิชาการด้าน Creator Economy ศาสตราจารย์ David Craig จากสหรัฐอเมริกา เผยข้อมูลระบุว่า ขนาดตลาดคอนเท้นต์ครีเอเตอร์ทั่วโลกอาจใหญ่ถึง 16 ล้านล้านบาท หรือ 5,480 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี พ.ศ. 2573 โดยไม่ได้รวมตลาดจีน
4. จำนวน 69% ของแบรนด์มีการเพิ่มงบ Influencer Marketing หรือการตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์ต่อเนื่องมาจากปีก่อน
5. จำนวน 82% ของแบรนด์ระบุว่าได้ผลลัพธ์ทางการตลาดที่ดี เช่น ด้านยอดลูกค้าลงทะเบียน (Lead generation) ดีกว่าจากวิธีการโฆษณา หรือวิธีทําการตลาดอื่นๆ
6. จำนวน 63% ของผู้บริโภคมีแนวโน้มจะซื้อสินค้าหรือบริการจากคำแนะนำของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ตนรู้จักและเชื่อใจ
7. จำนวน 80% ของผู้บริโภคในเอเชีย ที่มีการติดตามคอนเทนต์ครีเตอร์ มีแนวโน้มจะซื้อสินค้าที่แนะนำโดยครีเอเตอร์เหล่านั้น
8. จำนวน 55% ของผู้บริโภคระบุว่า ส่วนลด และโปรโมชั่น ทำให้พวกเขาติดตามคอนเทนท์ครีเอเตอร์
9. ตลาดคอนเทนท์ครีเอเตอร์เติบโต 20-30% ต่อปี เฉลี่ยทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย
10. จำนวนผู้ใช้โซเชียลมีเดียในไทยมีอยู่ 50 ล้านคน จากจำนวนประชากร 70 กว่าล้านคน หรือคิดเป็น 71.5% ของประชากรไทย
11. ประเทศไทยมีพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดีย และการใช้เวลาในโลกออนไลน์สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยประชาชนทั่วไปใช้เวลา ในอินเทอร์เน็ตต่อวันอยู่ที่ 7 ชั่วโมง 25 นาที และการจ้างงานธุรกิจดิจิทัลสูงถึง 35.96%
12. จำนวน 67% ของคนไทยวัยทำงาน ส่วนใหญ่ทำงานเงินเดือนชนเงินเดือน เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ ดังนั้นแหล่งรายได้เสริมจึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับพวกเขา
13. จำนวน 30-40% ของคนรุ่นใหม่ ระบุว่าตนเองก็เป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์คนหนึ่ง จากการศึกษา 30% ของคนอายุ 18 - 24 ปี และ 40% ของคนอายุ 25 - 34 ปีคิดเช่นนั้น
14. ปี พ.ศ. 2567 เป็นปีที่คอนเทนต์ครีเอเตอร์ทั่วโลก หันมาเป็นอาชีพ Full-time (รายได้หลัก) กันมากขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ หนึ่งในเหตุผลหลัก คือ การ Lay-off หรือเลิกจ้างจากบริษัทยักษ์ใหญ่ส่วนใหญ่เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยี สื่อ และยานยนต์สันดาป
15. ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา Google รายงานว่า มีคนค้นหาคำว่า Influencer Marketing เพิ่มขึ้น 1,500 %
จากสถานการณ์โลกที่เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวและมีการปลดพนักงานในบริษัทใหญ่ทั่วโลกและในไทยช่วงระยะ 2 - 3 ปีที่ผ่านมา ทําให้หลายคนหันมามองหารายได้เสริม ส่งผลให้จํานวนคอนเทนต์ครีเอเตอร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในประเทศไทยอาชีพคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์กลายเป็นอาชีพที่มีความสําคัญต่อรายได้และปากท้องของคนจํานวนมากและยังเป็นเครื่องมือสําคัญทางการตลาด และการสร้าง Soft Power ที่วัดผลเป็นรายได้ทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตามการแข่งขันในการดึงดูดความสนใจจากผู้รับชมก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน นักการตลาดมีตัวเลือกในการทํางานกับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์ และนักขายออนไลน์ที่หลากหลายขึ้น ตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง สะท้อนถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นของดิจิทัลคอนเทนต์ ทุกฝ่ายควรให้ความสําคัญกับคอนเทนต์ที่ได้ผลลัพธ์การการสื่อสารหรือการตลาด มากกว่าการเน้นเพียงยอดวิวหรือยอดไลก์ ควรเน้นความโปร่งใสเกี่ยวกับที่มาของข้อมูล
(Transparency) ตัวตนของผู้ผลิตคอนเทนต์ (Authenticity) และการเปิดเผยว่าใช้เทคโนโลยี AIในการสร้างคอนเทนต์ (AI Governance) เหล่านี้จะเป็นสิ่งที่สําคัญมากขึ้นทุกวัน ทั้งในฝั่งของผู้จ้างตลอดจนคอนเทนต์ครีเอเตอร์และประชาชนผู้รับสาร
*** ภาพอนาคตอุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์ไทย
โครงการวิจัยชุดนี้ได้ฉายภาพอนาคตของอุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ไทย ในปี พ.ศ. 2578 ออกมาได้ 5 ด้าน คือ
1.การสร้างสรรค์ไร้ขีดจำกัด สู่ความสำเร็จระดับโลก
2. ไทยสร้างไทยในอุตสาหกรรมคอนเทนต์ครีเอเตอร์
3.การเติบโตบนเส้นทางที่ไม่มั่นคง
4. วิกฤตความน่าเชื่อถือในวงการคอนเทนท์ไทย
5. ซากปรักหักพังของอุตสาหกรรมคอนเทนท์
กล่าวได้ว่าใน10 ปีข้างหน้า จะเป็นยุคทองของครีเอเตอร์ ภาพรวมอุตสาหกรรมจะเติบโตอย่างมั่นคงและได้รับการสนับสนุนในทุกมิติ รวมถึงฉากทัศน์ที่ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน มีทั้งโอกาสและอุปสรรค และฉากทัศน์สุดท้ายซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่ที่สุด อุตสาหกรรมซบเซา ครีเอเตอร์ขาดโอกาสและการสนับสนุนทางเศรษฐกิจและนโยบาย การมองเห็นความเป็นไปได้ที่หลากหลายเหล่านี้ ช่วยให้เราสามารถเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร