xs
xsm
sm
md
lg

3 อดีตส.ส.เข้าชื่อร้อง”อนุทิน”ตรวจสอบคำสั่ง”ประยุทธ”ปมโฮปเวลล์ ส่อแทรกแซง ละเมิดอำนาจศาล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อดีต ส.ส.”สัญญา สถิรบุตร-วิชิต  ปลั่งศรีสกุล- อันวาร์  สาและ”แทคทีมร้องนายกรัฐมนตรี ตรวจสอบคำสั่ง”ประยุทธ์”ที่ 143/2562 และรายงานการประชุมคณะทำงาน ปม”โฮปเวลล์” ที่อาจมีการหมกเม็ดยัดไส้ข้อมูลเท็จ ละเมิดอำนาจศาล เกิดการก้าวก่ายโครงสร้างอำนาจ ระบบยุติธรรม  
นายสัญญา  สถิรบุตร อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร ในฐานะที่ปรึกษา บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด และเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการพานิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา  สภาผู้แทนราษฎร และคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ตนและนายวิชิต  ปลั่งศรีสกุล นายอันวาร์  สาและ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร ได้ร่วมกันเข้าชื่อทำหนังสือ ยื่นถึงนายอนุทิน  ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2568 เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 143/2562 ที่ลงนามโดยพล.อ.ประยุทธ์  จันทรโอชา และตรวจสอบบันทึกรายงานการประชุมคณะทำงานที่ตั้งขึ้นตามคำสั่งดังกล่าวอย่างละเอียด เนื่องจากมีลักษณะที่อาจเข้าข่ายใช้อำนาจฝ่ายบริหาร เข้าแทรกแซงอำนาจตุลาการ

โดยก่อนหน้านี้ ได้ยื่นหนังสือต่อ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทาประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อขอให้พิจารณาตั้งคณะกรรมาธิกาวิสามัญ เพื่อพิจารณาหาทางป้องกันและแก้ไข มิให้มีขบวนการใดๆ ที่จะเข้ามาแทรกแซง บิดเบือน กลไกกระบวนการอำนาจหลักของประเทศคือ อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ แล้ว


โดยสาระสำคัญในหนังสือยังระบุเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี เร่งรัดดำเนินการสอบสวนความจริงกรณีคณะทำงานตามคำสั่งที่ 143/2562 มีมติอันเป็นเท็จ และแย้งกับคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ซึ่งส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือ ในกระบวนการยุติธรรม และกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ทั้งนี้เนื้อความในหนังสือได้อ้างถึงคดีเขากระโดง ที่มีคำพิพากษาศาลฏีกา ซึ่งเป็นศาลสูงสุดแล้ว แต่กลับมีการใช้กลไกอำนาจฝ่ายบริหารหลีกเลี่ยงการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษา และมีการอ้างถึงคดีโฮปเวลล์ ที่มีคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดไปแล้ว แต่ก็มีการใช้กลไกอำนาจฝ่ายบริหาร บิดเบือนข้อเท็จจริง โดยไม่เกรงกลัวต่อการละเมิดอำนาจศาล

ซึ่งทั้งสองกรณีล้วนทำให้เกิดข้อสงสัยในความศักดิ์สิทธิ์ของระบบยุติธรรมไทย และเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการต้องทำให้เกิดความชัดเจน เพื่อทำให้ประชาชน รวมทั้งนักลงทุนมีความเชื่อมั่นของการตรวจสอบถ่วงดุล โดยไม่แทรกแซงกันระหว่างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ


นายสัญญา กล่าวว่า นอกจากการเข้าชื่อกันร้องต่อนายกรัฐมนตรีแล้ว ในสัปดาห์หน้า จะมีการเข้าชื่อกันทำหนังสือถึงประธานศาลฎีกาเพื่อพิจารณาแก้ไขให้เกิดความเชื่อมั่นต่อประชาชนทั่วไป และนักลงทุน ว่าสัญญาทางธุรกิจในประเทศไทย โดยเฉพาะกับการลงทุนกับภาครัฐจะดำเนินไปตามหลักนิติรัฐ หลักนิติธรรม และพร้อมกันนั้นจะยื่นหนังสือเนื้อหาเดียวกันนี้ถึงประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง รวมถึงประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน และประธานองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญทุกองค์กรเพื่อร่วมพิจารณาหาทางให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อความเชื่อมั่นในระบบยุติธรรมของประเทศต่อไป




กำลังโหลดความคิดเห็น