สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) เปิดมุมมองภาคอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ บนเวที Thailand Climate Action Conference 2025 ชี้นโยบาย กฎหมาย เงินทุน และกลไกขับเคลื่อนตามข้อตกลงปารีสที่ชัดเจน พร้อม ‘ลงมือทำอย่างมีระบบ’ ภายใต้ Public-Private-People Partnership บูรณาพัฒน์ระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน หนทางสู่ความสำเร็จ ทางรอดวิกฤต Climate Change ประเทศไทย และทั่วโลก
ดร.ชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) เปิดเผยแนวคิดและมุมมองของภาคอุตสาหกรรมต่อเวทีเจรจาระดับโลก COP30 ในการประชุม “ภาคีการขับเคลื่อนการปฎิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย” ครั้งที่ 4 (Thailand Climate Action Conference : TCAC 2025) ภายใต้แนวคิด จุดประกายความคิด ร่วมพลิกวิกฤตโลกเดือด (Inspiring Climate Solutions for All) จัดโดย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร
ดร. ชนะ กล่าวว่า ในมุมมองของภาคอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ การจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน และการจะบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สิ่งสำคัญ คือ การสร้างกลไกขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ การร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา (Be Part of Solutions) และการลงมือทำอย่างจริงจัง
ด้านนโยบาย กฎหมาย และแผนงานที่ชัดเจน จะทำให้การขับเคลื่อนจากนโยบายสู่ระดับปฏิบัติงาน ทำงานไปตามแผนที่วางไว้ ที่ผ่านมา TCMA ให้ความสำคัญกับการผลักดันร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ “พ.ร.บ.ลดโลกร้อน” เป็นกฎหมายลดโลกร้อนฉบับแรกของไทย ที่กำหนดกรอบการดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจก การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมาย Net Zero
การขับเคลื่อนการปฎิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยังต้องใช้กลไกกระบวนการผสมผสานหรือเชื่อมโยงส่วนต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างสอดคล้องเป็นระบบ หรือ PPP (Public-Private-People Partnership) การบูรณาพัฒน์ความร่วมมือระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในการผลักดันทุกอย่างให้เดินไปสู่เป้าหมายที่วางไว้
ตัวอย่างเช่น การร่วมมือกันในโครงการสระบุรี แซนด์บ็อกซ์ (SARABURI SANDBOX LOW CARBON CITY) เป้าหมายพัฒนาจังหวัดสระบุรีสู่การเป็นเมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำแห่งแรกในไทย โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์สู่ Net Zero 2050 ปัจจุบันสระบุรี แซนด์บ็อกซ์เป็นคลัสเตอร์กลุ่มอุตสาหกรรมแรกของไทย เข้าร่วมโครงการ Transitioning Industrial Clusters ขององค์กรระดับโลก World Economic Forum ที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ มีการจ้างงาน พร้อมกับลดคาร์บอน ทั้งยังโดดเด่นด้านการประสานพลังความร่วมมือ
ดร.ชนะ เพิ่มเติมว่า การจัดการปัญหาโลกร้อนไม่สามารถทำได้แค่ส่วนใดส่วนหนึ่ง แต่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันไปสู่เป้าหมายที่ได้รับประโยชน์ ทั้งภาคอุตสาหกรรม ชุมชน และประเทศ ภายใต้หลัก 3C ได้แก่ Collaborative Mindset การสร้างความเข้าใจ และร่วมมือกับผู้อื่นในการผลักดันเป้าหมาย Collaborative Action การร่วมลงมือทำจริง และ Collaborative Value เมื่อเกิดการลงมือทำจริง จะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้สามารถตอบโจทย์คุณค่าทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ความร่วมมือกับนานาชาติ ทั้งทวิภาคี และพหุภาคี จะเป็นโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนสีเขียว (Green Fund) ที่มีศักยภาพ ซึ่งเป็นอีกส่วนสำคัญ ในการสร้างโอกาสทางธุรกิจและสนับสนุนไทยพัฒนาสู่เศรษฐกิจสีเขียว ให้บรรลุเป้าหมายลดโลกร้อน ยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ และการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
ตัวอย่างเช่น ที่ผ่านมา TCMA ได้รับการสนับสนุนทุนจากกระทรวงสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแคนาดา (Environment and Climate Change Canada: ECCC) ร่วมกับองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Industrial Development Organization: UNIDO) ทำให้อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงที่ทันสมัย เทคโนโลยีดักจับ-ใช้ประโยชน์-กักเก็บคาร์บอน (CCUS) รวมทั้งการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และความร่วมมือกับองค์กรชั้นนำระดับโลก Global Cement & Concrete Association (GCCA)
“สระบุรี แซนด์บ็อกซ์ เป็นการทดลองดำเนินงานในพื้นที่จริง เป็นต้นแบบบูรณาพัฒน์การทำงานร่วมกัน ระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ขณะเดียวกัน ก็มุ่งเน้นสร้างความเชื่อมโยงกับเครือข่ายระดับโลกมากขึ้น ทั้งในระดับทวิภาคี และพหุภาคี เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ได้ในไทย สามารถสื่อสาร และสะท้อนไปยังระดับโลกได้
TCMA ยังคงมั่นใจว่า ไทยจะใช้เวที COP30 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2568 ณ ประเทศบราซิล ในการยกระดับแผนงานด้านการลดก๊าซเรือนกระจกที่มีอยู่เดิม และผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีความก้าวหน้ายิ่งขึ้น เป็นโอกาสในการเชื่อมโยงสร้างความร่วมมือกับนานาชาติ และการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อสนับสนุนเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกของไทย โดย TCMA พร้อมสนับสนุนดำเนินงานอย่างเต็มที่” ดร.ชนะ กล่าวสรุป