xs
xsm
sm
md
lg

เปิดนโยบาย "พิพัฒน์" ลุย Quick Win 4 เดือน คลอดแพกเกจลดค่าเดินทาง ดันประมูล 10 โครงการ 1.72 แสนล้านกระตุ้น ศก.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หลังจบการแถลงนโยบายช่วงเย็นวันที่ 30 ก.ย. 2568 ถือเป็นการนับหนึ่งการทำงานอย่างเป็นทางการของรัฐบาล "อนุทิน ชาญวีรกูล" พร้อมคำมั่นจะมีการยุบสภาในวันที่ 31 มกราคม 2569 อย่างแน่นอน ด้วยเวลาเพียง 4 เดือนจึงรอช้าไม่ได้ ดังนั้น คณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงมีการประชุมเห็นชอบจัดสรรงบกลางฯ ปี 2568 วงเงิน 22,780 ล้านบาท เติมเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และเคาะค่ารถไฟฟ้า 20 บาท ”สีแดง-สีม่วง" โดยทบทวนมติ ครม.ของรัฐบาลที่แล้ว เพื่อขยายการใช้ออกไปจนถึงวันที่ 30 พ.ย. 2568 ระหว่างรอแพกเกจลดค่าเดินทางขนส่งสาธารณะทั้งระบบ

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มีการมอบนโยบายการดำเนินงานกับหน่วยงานกระทรวงคมนาคมอย่างเป็นทางการ ว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไว้เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ว่าจะให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของประเทศ ควบคู่ไปกับการวางรากฐานของประเทศ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน โดยมีนโยบายที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงคมนาคม ประกอบด้วย

1. สร้างรายได้ และลดรายจ่ายให้พี่น้องประชาชนในการใช้ชีวิตประจำวัน

2. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้รองรับกับการพัฒนาประเทศ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในโครงการขนาดใหญ่

3. ส่งเสริมและสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและระบบขนส่งสาธารณะ

4. ส่งเสริมบทบาทภาคเอกชนในการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเพื่อส่งเสริมการลงทุน และลดภาระหนี้สาธารณะของประเทศในระยะยาว

“เนื่องด้วยรัฐบาลมีเวลาเพียง 4 เดือน รวมกับระยะเวลาที่รักษาการอีกประมาณ 4 เดือน ดังนั้น ในภาพรวมของการดำเนินการ ตนและรัฐมนตรีช่วยฯ จึงได้กำหนดนโยบายเพื่อเร่งดำเนินการในภารกิจที่มีความจำเป็นและสำคัญ โดยคำนึงถึงความรวดเร็ว และเร่งดำเนินการให้สำเร็จเป็นรูปธรรม เพื่อให้บริการแก่ประชาชน ลดภาระค่าครองชีพของประชาชน รวมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐ เพื่ออัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ”


ซึ่งเรื่องลดค่าเดินทางให้ประชาชนนั้น ครม.ได้ให้กระทรวงคมนาคมประเมินผลการดำเนินมาตรการโดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ปริมาณผู้โดยสารและรายได้ ซึ่งจะส่งผลต่อภาระการชดเชยจากภาครัฐ โดยต้องไม่ลดเรื่องคุณภาพ ซึ่งจะมีแพกเกจรถไฟฟ้า รถไฟ และรถเมล์ เพื่อให้ครอบคลุมการเดินทาง ซึ่งจะมีการตั้งคณะทำงานร่วมกับกระทรวงการคลังเพื่อกำหนดมาตรการต่อไป

ทั้งนี้ ได้แบ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชน ได้แก่

1. ให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี 2569 ของกระทรวงคมนาคมตามระเบียบและกฎหมาย เพื่อกระตุ้นพื้นฐานเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ

2. ให้ทุกหน่วยงานเพิ่มความใส่ใจในการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนและการขนส่งสินค้า ให้มีความปลอดภัย ตรงต่อเวลา และมีราคาที่สมเหตุสมผล

3. ให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญสูงสุดต่อมาตรฐานความปลอดภัยทั้งระหว่างการก่อสร้าง และการให้บริการ ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

โดยผลักดันให้มีการจัดระเบียบผู้รับเหมา โดยให้เร่งประสานกรมบัญชีกลางเพื่อกำหนดมาตรการและวิธีปฏิบัติที่ชัดเจน, ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านความปลอดภัย ที่สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว เช่น สีตีเส้นถนนต้องมีความชัดเจนตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน ไฟถนนต้องส่องสว่าง เป็นต้น

ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยเฉพาะที่ผ่านย่านชุมชนที่มีการเปิดให้บริการประชาชนอยู่ ให้กวดขัน กำกับดูแลผู้รับจ้างให้ปฏิบัติตามมาตรฐานทางวิศวกรรมและความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด

สำหรับเหตุถนนทรุดที่บริเวณการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงบนถนนสามเสน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ให้แต่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากหน่วยงานด้านวิชาชีพ หน่วยงานกลาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจหาสาเหตุด้วยความโปร่งใส เพื่อถอดบทเรียนและกำหนดมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก

4. เน้นอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว บนพื้นฐานของความปลอดภัย ควบคู่กับการเพิ่มคุณภาพการให้บริการในทุกขั้นตอน ปรับปรุงสถานีขนส่ง สถานีรถไฟ สนามบิน ให้มีความสะดวกและความปลอดภัยในการใช้บริการเพื่อสร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว

5. พิจารณาลดภาระค่าโดยสารและค่าผ่านทาง ในอัตราที่เป็นธรรมทั้งต่อประชาชนและผู้ให้บริการ โดยไม่เป็นภาระการเงินของรัฐบาล และถูกต้องตามหลักนิติรัฐและนิติธรรม

6. เตรียมการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้พี่น้องประชาชน ในการเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ในทุกมิติ

7. เร่งแก้ไขปัญหาที่ได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชน โดยให้ยึดหลักความถูกต้อง ความซื่อสัตย์สุจริต และหลักนิติรัฐ นิติธรรม อย่างเคร่งครัด ประกอบด้วย โดยเฉพาะปัญหาที่ดินเขากระโดง ของการรถไฟฯ โดยต้องดำเนินการให้เป็นไปตามข้อกฎหมายและความถูกต้อง โดยฟ้องผู้ครอบครองที่ดินเป็นรายแปลง และ ปัญหาสัญญาสัมปทาน King Power


@เปิด Quick Win 4 เดือน "เร่งสร้าง-เร่งประมูล-เร่งอนุมัติ"

สำหรับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ นั้น จะมีการผลักดันโครงการระยะเร่งด่วน (Quick Win) โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

1. เร่งรัดโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ให้สามารถเปิดให้บริการได้ตามแผน ซึ่งมีไฮไลต์สำคัญคือ งานก่อสร้างบนถนนพระราม 2 คือ ทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกฯ ระยะทาง 18.70 กม. ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ล่าสุดคืบหน้า 91.02% และมอเตอร์เวย์ M82 สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว วงเงิน 31,457 ล้านบาท ของกรมทางหลวง โดยช่วงต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทาง 8.3 กม. งานเสร็จ 100% แล้ว เตรียมเปิดทดลองให้บริการภายในเดือน ต.ค. 2568 ส่วนช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ระยะทาง 16.3 กม. งานโยธาคืบหน้า 88.43% ล่าช้าช่วงสัญญา 4,7 ตั้งเป้าเปิดบริการให้ทันเทศกาลสงกรานต์ 2569 เพื่อช่วยให้การจราจรลงสู่ภาคใต้มีความคล่องตัว

เร่งรัดการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ M6 สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา เพื่อเปิดทดลองให้บริการเพิ่มเติมจากบางปะอิน-ปากช่องในช่วงปีใหม่ 2569, มอเตอร์เวย์ M81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี เร่งรัดเปิดให้บริการได้ทุกวัน ในปี 2568 นอกจากนี้ ยังมีโครงการสะพานมิตรภาพ ไทย-สปป.ลาว แห่งที่ 5 (บึงกาฬ-บอลิคำไซ) คาดว่าจะเปิดใช้เดือน ธ.ค. 2568 ส่วนรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 ที่ล่าช้าคือ ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ และช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ให้ รฟท.เร่งแก้ปัญหาเวนคืนและก่อสร้าง

@ลุยประมูล 10 โครงการ 1.72 แสนล้านบาท

2. เร่งรัดประกวดราคาโครงการที่ได้รับอนุมัติแล้ว ให้ได้ตัวผู้รับจ้างภายใน 4 เดือนนี้เพื่อลงนามสัญญาและเริ่มก่อสร้างโดยเร็ว ได้แก่ มอเตอร์เวย์ M5 ส่วนต่อขยาย รังสิต-บางปะอิน วงเงิน 31,358 ล้านบาท เอกชนร่วมลงทุนในการก่อสร้างงานโยธา งานระบบ ดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ในรูปแบบ PPP Gross Cost โดยเอกชนจัดเก็บรายได้ส่งภาครัฐทั้งหมด คาดประมูลเดือน ก.พ. 2569

มอเตอร์เวย์ M9 วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก บางขุนเทียน-บางบัวทอง วงเงินลงทุน 56,035 ล้านบาท เอกชนร่วมลงทุนในการก่อสร้างงานโยธา งานระบบ ดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ในรูปแบบ PPP NET Cost คาดประมูลเดือนก.ค. 2569

ส่วนต่อขยายทางยกระดับบรมราชชนนี ระยะทาง 4.630 กม. วงเงินค่าก่อสร้าง 4,490 ล้านบาท , ทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 (Double Deck) ช่วงงามวงศ์วาน-พระราม 9 วงเงินลงทุน 34,800 ล้านบาท อยู่ในขั้นตอนเสนอ คกก. PPP เห็นชอบการแก้ไขสัญญาฯ ตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562

ทางพิเศษสายกะทู้-ป่าตอง วงเงิน 16,757 ล้านบาท และทางแนวใหม่ จังหวัดภูเก็ต ช่วงบ้านเมืองใหม่-สายแยกเข้าสนามบินภูเก็ต วงเงิน 1,300 ล้านบาท, สะพานเชื่อมเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ วงเงิน 1,800 ล้านบาท, สะพานข้ามทะเลสาบสงขลา วงเงิน 4,700 ล้านบาท, รถไฟสายสีแดง ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต วงเงิน 6,473 ล้านบาท และช่วงศิริราช-ตลิ่งชัน-ศาลายา วงเงิน 15,176 ล้านบาท


@ดัน "ทางด่วน-มอเตอร์เวย์-ทางคู่เฟส 2-ขยายสนามบิน" อีกกว่า 3.46 แสนล้านชง ครม.

3. เร่งรัดโครงการที่มีความพร้อมเสนอ ครม.ขออนุมัติในช่วง 4 เดือน มีมูลค่าลงทุนรวมกว่า 3.46 แสนล้านบาท ได้แก่ ทางพิเศษสายฉลองรัช-วงแหวนรอบนอก กทม.ด้านตะวันออก วงเงิน 13,665 ล้านบาท, โครงการพัฒนาโครงข่ายพื้นที่บางปะอิน ทั้งในส่วนที่เชื่อมกับมอเตอร์เวย์สาย M6 ถนนสายเอเซีย และมอเตอร์เวย์ M9 วงเงิน 9,621 ล้านบาท, มอเตอร์เวย์สาย M9 วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก บางบัวทอง-บางปะอิน วงเงิน 15,862 ล้านบาท, มอเตอร์เวย์สาย M8 นครปฐม-ปากท่อ วงเงิน 61,154 ล้านบาท, ทางพิเศษสายศรีนครินทร์-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วงเงิน 20,811 ล้านบาท

รถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กม. วงเงิน 30,422.53 ล้านบาท, ช่วงสุราษฎร์ธานี-ชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กม. วงเงิน 66,270.51 ล้านบาท, ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กม. วงเงิน 7,772.90 ล้านบาท, ส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วงเงิน 13,829 ล้านบาท, ท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 วงเงิน 36,830 ล้านบาท,ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ระยะที่ 1 วงเงิน 24,000 ล้านบาท


นายพิพัฒน์กล่าวว่า การวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐาน และการบริการด้านคมนาคมก็เพื่ออนาคต จึงขอให้ทุกหน่วยงานขับเคลื่อนการลงทุน และกำกับดูแลการก่อสร้างให้สามารถเปิดให้บริการได้ตามแผนงาน และเริ่มศึกษา ออกแบบ จัดทำแผนแม่บท สำหรับการพัฒนาโครงข่ายการคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานอย่างยั่งยืน โดยให้พิจารณาความเป็นไปได้และความเหมาะสมที่จะใช้กลไกการให้เอกชนร่วมลงทุนเป็นลำดับแรก

โดยจะเดินหน้าปรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเพื่อรองรับอนาคต โดยมีโครงการสำคัญ เช่น โครงการ LANDBRIDGE ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเชื่อมการคมนาคมทางราง ถนน ท่อ และท่าเรือ เพื่อยกระดับไทยสู่ศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค พร้อมทั้งพัฒนาระบบ Feeder เชื่อมต่อระบบคมนาคม ล้อ ราง เรือ อย่างเป็นระบบ เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางเชื่อมต่อได้อย่างไร้รอยต่อ ,พิจารณาทบทวนกฎหมาย ให้มีความทันสมัย ยืดหยุ่น ส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม และรองรับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง ส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมของประเทศ โดยเฉพาะการขนส่งทางรางที่มีต้นทุนต่ำ พิจารณาแนวทางเพิ่มขีดความสามารถทางการค้า


ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ต้องการการลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศทั้งระบบ กระทรวงคมนาคมภายใต้นโยบายรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มุ่งเน้นในการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน และยกระดับการแข่งขันของประเทศไทยในเวที ภายใต้แนวคิด “เดินทางสะดวก ปลอดภัย ลดภาระประชาชน วางโครงสร้างพื้นฐานสมัยใหม่ จึงได้กำชับให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโครงการต่างๆ ที่มีงบดำเนินการและมีความพร้อมเพื่อเร่งสร้างงาน กระตุ้นการใช้จ่ายทั้งในอุตสาหกรรมรับเหมา ก่อสร้าง แรงงาน ซึ่งจะส่งต่อไปถึงผลผลิตทางการเกษตรเพื่อการบริโภคที่เพิ่มขึ้น ให้เศรษฐกิจหมุนเป็นวงจร!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น