ไรเดอร์จากหลายจังหวัดทั่วประเทศออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหากฎหมายและระบบที่ล้าสมัย โดยเฉพาะขั้นตอนการจองคิวทำใบขับขี่สาธารณะ และการจดทะเบียนรถยนต์/รถจักรยานยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (รย.18/รย.17) ของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งยังไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง
หากไม่แก้ไขทันเวลา เมื่อประกาศของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2568 ผู้ขับจำนวนมากอาจถูกระงับบัญชีจากแพลตฟอร์ม สูญเสียรายได้ และเสี่ยงต่อการเป็นหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทั้งยังอาจก่อให้เกิดปัญหาสังคมและอาชญากรรมจากการขาดช่องทางหารายได้
ปัญหาเชิงระบบที่ผู้ขับเผชิญ
• การจองคิวทำใบขับขี่: หลายจังหวัดต้องรอคิวยาวนับเดือน ขณะที่การ walk-in ยังเจออุปสรรคด้านจำนวนเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ไม่เพียงพอ หากผู้ขับทำขั้นตอนเสร็จก่อนวันนัด ระบบกลับไม่ตัดคิวอัตโนมัติ ทำให้คิวถูกทิ้งโดยเปล่าประโยชน์
• การตรวจสอบประวัติอาชญากรรม: ใช้เวลาหลายสัปดาห์ ต่างจากอดีตที่เคยเชื่อมระบบกับกรมราชทัณฑ์จนทำได้ภายในวันเดียว
• การจัดการเอกสาร: ระบบปัจจุบันยังต้องใช้เอกสารจริง ผู้ขับต้องนำไปยื่นเอง ขาดระบบดิจิทัลเชื่อมต่อกับบริษัทลีสซิ่ง ทำให้เสี่ยงตกหล่นและซ้ำซ้อน
เสียงสะท้อนจากผู้แทนไรเดอร์
มณฑิตา ประดิษฐผล ตัวแทนไรเดอร์จากกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “พวกเราอยากทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ระบบที่มีอยู่ไม่เอื้อต่อการปฏิบัติตามจริง รัฐควรเพิ่มโควต้า ปรับปรุงระบบการจองคิว และทำให้ขั้นตอนการจดทะเบียนง่ายขึ้น เพื่อให้ทุกคนเข้าสู่ระบบได้โดยไม่ถูกตัดโอกาสในการหาเลี้ยงครอบครัว”
กอปรกิจ ไชยปุริวงศ์ ตัวแทนไรเดอร์จากภูเก็ต กล่าวว่า “ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว หากไรเดอร์ถูกบล็อกออกจากระบบเพราะกฎหมายไม่สอดคล้องกับความจริง จะกระทบทั้งนักท่องเที่ยว ภาคบริการ และเศรษฐกิจท้องถิ่น ขณะนี้การจดทะเบียน รย.18 ยังถูกชะลอ รัฐควรทำงานเชิงรุกกับแพลตฟอร์มและหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อหาทางออกที่สมดุลกว่านี้”
ณัฐดนัย มงคลพงศกร ตัวแทนไรเดอร์จากเชียงใหม่ กล่าวว่า “ข้อจำกัดเรื่องกฎหมายรถจักรยานยนต์ที่จำกัดซีซีไม่เกิน 125cc ทำให้ไรเดอร์จำนวนมากไม่สามารถปฏิบัติตามได้ ทั้งที่รถที่มีความจุเครื่องยนต์สูงกว่านั้นมีความปลอดภัยและเหมาะสมกับการวิ่งงานมากกว่า เราจึงอยากให้มีการปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย เหมือนประเทศเพื่อนบ้านที่ยืดหยุ่นกว่า”
ทศพร คำอ้อ ตัวแทนไรเดอร์จากชลบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในหลายกรณี ผู้ขับรถจักรยานยนต์ไม่ได้เป็นเจ้าของรถเอง แต่กฎหมายกลับไม่อนุญาตให้จดทะเบียนเหมือนกับรถยนต์ 4 ล้อที่สามารถใช้ชื่อผู้เช่าซื้อหรือผู้ครอบครอง หรือบุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดได้ ความเหลื่อมล้ำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น และควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน”
ข้อเสนอเชิงนโยบาย
ไรเดอร์และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเสนอว่า รัฐบาลควรดำเนินการดังต่อไปนี้อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม:
1. เพิ่มประสิทธิภาพระบบการจองคิวทำใบขับขี่สาธารณะ โดยจัดสรรโควต้าให้เพียงพอกับความต้องการ และพัฒนาระบบให้สามารถ ตัดคิวอัตโนมัติ เมื่อมีผู้ขับดำเนินการสำเร็จก่อนวันนัดหมาย เพื่อไม่ให้สิทธิ์ถูกปล่อยทิ้งโดยเปล่าประโยชน์
2. เชื่อมโยงระบบตรวจสอบประวัติอาชญากรรมระหว่างหน่วยงานของรัฐ ให้ดำเนินการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และแม่นยำ รวมทั้งเชื่อมต่อข้อมูลกับระบบของบริษัทลีสซิ่งในรูปแบบดิจิทัลครบวงจร เพื่อเพิ่มความโปร่งใส ลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน และลดปัญหาการตกหล่นของเอกสาร
3. เร่งแก้ไขกฎหมายที่ล้าสมัย เช่น ข้อจำกัดความจุเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์ไม่เกิน 125cc รวมถึงปรับปรุงขั้นตอนการจดทะเบียนรถจักรยานยนต์รับจ้างผ่านแอปพลิเคชันที่ยังล่าช้าและซับซ้อน ตลอดจนข้อจำกัดในการจดทะเบียนกรณีที่ผู้ขับรถจักรยานยนต์ไม่ได้เป็นเจ้าของรถโดยตรง ซึ่งล้วนเป็นอุปสรรคต่อการเข้าสู่ระบบที่ถูกต้องตามกฎหมาย
4. จัดทำมาตรการเยียวยาและกำหนดระยะเวลาการบังคับใช้กฎหมายที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง เพื่อให้ผู้ขับมีโอกาสปรับตัวและเข้าสู่ระบบได้อย่างราบรื่น ก่อนที่จะมีการบังคับใช้กฎหมายเต็มรูปแบบ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบเชิงลบต่อผู้ขับ รวมถึงบรรเทาผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศได้อย่างมีนัยสำคัญ
สรุป
เสียงของผู้ขับครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนความเดือดร้อนเฉพาะกลุ่ม แต่ยังชี้ให้เห็นถึงโอกาสของภาครัฐในการยกระดับระบบสาธารณะและกฎหมายให้ก้าวทันโลกดิจิทัล เมื่อประเทศไทยก้าวสู่ยุค AI และเศรษฐกิจดิจิทัล รัฐบาลควรทำให้กฎหมายและระบบสอดคล้องกับความจริง ลดภาระต้นทุนประชาชน และเปิดโอกาสให้ผู้ขับเข้าสู่ระบบที่ถูกกฎหมายได้อย่างสะดวกและทันสมัย การแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างในครั้งนี้ จึงไม่ใช่เพียงการปกป้องอาชีพของผู้ขับ แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นคงให้เศรษฐกิจไทยโดยรวม