น.ส.พิมพ์พิชชา ชัยศุภกิจเจริญ ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย ออกโรงจวกนายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี ว่าหยุดทำตัวเป็น“นายกฯยกมือไหว้แต่ไร้น้ำใจ” ไม่ควรนิ่งเฉยต่อความทุกข์ยากของประชาชน หลังพายุ “บัวลอย” ถล่ม ชาวบ้าน ส่งผลให้มวลน้ำมหาศาลไหลทะลักเข้าท่วม อ.บางระกำ และ อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก สถานการณ์ลากยาวตั้งแต่ปลาย ก.ค. จนถึงวันนี้กว่า 2 เดือน ประชาชนกว่า 30,000 คนถูกน้ำโอบล้อม บ้านเรือนจมน้ำกว่า 3,000 หลัง หลายครอบครัวติดอยู่ในบ้านเพราะมีผู้ป่วยติดเตียง ชีวิตเต็มไปด้วยความเสี่ยงและความสิ้นหวัง
“ตอนนี้บางระกำไม่ต่างอะไรจากเกาะกลางน้ำ ชาวบ้านติดอยู่ท่ามกลางมวลน้ำกว่า 470 ล้านลูกบาศก์เมตร เกินขีดความสามารถที่รัฐเคยประกาศว่าจะรองรับได้ที่ 400 ล้านลูกบาศก์เมตร พื้นที่เกษตรกว่า 200,000 ไร่จมบาดาล การยังชีพถูกตัดขาด ชาวบ้านไม่มีรายได้ ไม่มีทางเลือก เหลือเพียงการรอความช่วยเหลือที่ไม่เคยมาถึงรายได้ไม่เหลือแม้แต่บาทเดียว — แต่รัฐบาลกลับทำเหมือน “ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ใส่ใจ”” น.ส.พิมพ์พิชชา กล่าว
ช่วงตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ประชาชนในพื้นที่โครงการ “บางระกำโมเดล” ได้เสียสละแปลงนาและที่ดินของตนเองเพื่อเป็นแก้มลิงหน่วงน้ำ ช่วยลดผลกระทบให้พื้นที่จังหวัดสุโขทัยและลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับกลับมาคือ “น้ำท่วมขัง 3-4 เดือน” และ “การทอดทิ้งขาดการเหลียวแลจากรัฐ” หลายครอบครัวถึงขั้นอดอยาก ไม่มีเงิน ไม่มีงาน ไม่มีแม้แต่ความหวังจะเอาตัวรอด
น.ส.พิมพ์พิชชา ได้กล่าวประณามรัฐบาลต่อไปว่า
“นายกฯอนุทิน อย่าใจดำ! อย่าปล่อยให้ชาวบ้านถูกลืมเหมือนคนไร้ค่า ถ้ายังปล่อยปละละเลยเท่ากับคุณกำลังผลักประชาชนให้ตายไปต่อหน้าต่อตา การถูกทิ้งให้จมน้ำ ตกงาน อดตาย และยังนิ่งเฉย เท่ากับคุณกำลังฆ่าประชาชน“
พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งจ่ายเงินเยียวยาโดยด่วน โดยขอให้เพิ่มจากเกณฑ์เดิมที่รัฐบาลก่อนเคยให้ครัวเรือนละ 9,000 บาท เป็น 15,000 บาทต่อหลังคาเรือน สำหรับผู้ที่ถูกน้ำท่วมเกิน 1 เดือนขึ้นไป เพื่อประทังชีวิตให้อยู่รอด
“อย่าหลบ อย่าเลี่ยง อย่าประวิงเวลา! ทุกวันที่นายกฯดึงเรื่องคือทุกวันที่ชาวบ้านต้องหิวโหย รอวันตาย นายกฯที่ปล่อยให้ประชาชนอดตายกลางน้ำ ย่อมสูญสิ้นศรัทธาและความชอบธรรมในการนำประเทศ”
ดังนั้นรัฐบาลต้องตัดสินใจเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนจมหายไปกับสายน้ำ น.ส.พิมพ์พิชชา กล่าว