ขสมก.เผยเช่ารถเมล์ EV 1,520 คัน ลดต้นทุนค่าซ่อม-เชื้อเพลิง 1,442 ล้านบาท/ปี รัฐจัดงบ 1.5 หมื่นล้านบาทจุดเริ่มต้นแก้หนี้ 1.5 แสนล้าน พลิกฟื้นองค์กร หวังปี 75 เลิกขาดทุน
นายกิตติกานต์ จอมดวง จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ขสมก.มีรถโดยสารให้บริการรถรวม 2,883 คัน แบ่งเป็นรถปรับอากาศ จำนวน 1,363 คัน รถโดยสารธรรมดา (รถร้อน) จำนวน 1,520 คัน รองรับผู้โดยสารเฉลี่ย 5–6 แสนคนต่อวัน โดยมีภาระค่าน้ำมันเชื้อเพลิง 2,090 ล้านบาท /ปี ค่าเหมาซ่อม 1,800 ล้านบาท/ปี ค่าบุคลากร 4,400 ล้านบาท/ปี รวมค่าใช้จ่ายกว่า 8,800 ล้านบาท/ปี
สำหรับการเช่ารถโดยสารปรับอากาศ EV จำนวน 1,520 คัน เป็นการจัดหาเพื่อนำมาทดแทนรถครีมแดง (รถร้อน) จำนวน 1,520 คัน ซึ่งเฉพาะรถกลุ่มนี้ ขสมก.มีภาระค่าเหมาซ่อม 1,400 บาท/คัน/วัน หรือ 777 ล้านบาท/ปี ซึ่งการเช่ารถเมล์ EV จำนวน 1,520 คัน จะทำให้ต้นทุนค่าเหมาซ่อมหายไป ส่วนต้นทุนค่าเชื้อเพลิง จะลดลง 60-70% หรือ ประมาณ 665 ล้านบาท/ปี จากการปรับเปลี่ยนจากดีเซลเป็นไฟฟ้าคิดเป็นเงินที่ประหยัดได้รวมประมาณ 1,442 ล้านบาท/ปี
นายกิตติกานต์กล่าวว่า สำหรับการเช่ารถโดยสารปรับอากาศ EV จำนวน 1,520 คัน รัฐจัดสรรวงเงินงบประมาณ 15,355.60 ล้านบาท ระยะเวลา 7 ปี รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณจ่ายค่าเช่าที่เป็นต้นทุนให้ 100% เพราะเป็นบริการสาธารณะ ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะที่ผ่านมาการจัดหารถ ขสมก.จะต้องกู้เงิน ทำให้เกิดเป็นผลขาดทุนสะสมมากกว่า 1.5 แสนล้านบาท ขณะที่รายได้ จะเป็น ขสมก.โดยตรง ดังนั้น ขสมก.จะไม่มีภาระทางการเงินในรถกลุ่มนี้
“รถเมล์ EV 1,520 คัน จะเป็นแสงสว่างของ ขสมก.เพราะเป็นโครงการที่รัฐจัดสรรงบประมาณสำหรับจ่ายค่าเช่า โดยคาดว่า ในปี 75 ผลดำเนินงาน Ebitda เป็นศูนย์ และจะลดภาระขาดทุนสะสมที่เพิ่มขึ้นประมาณปีละ 8,000 ล้านบาทลงได้ ส่วนค่าโดยสารที่จัดเก็บตอนนี้ อยู่ระหว่างรอนโยบายรัฐบาลในเรื่องการดูแลค่าเดินทางให้ประชาชน”
สำหรับปี 67 ขสมก.มีผลดำเนินงานขาดทุน 2,900 ล้านบาท ลดลงจากปกติขาดทุน 4,000-5,000 ล้านบาท เนื่องจากมีการปรับการเดินรถให้มีความถี่และระยะที่สั้นลง ส่งผลให้ต้นทุนลดลง สำหรับปี 2568 คาดว่าจะดีขึ้น เนื่องจากสามารถนำรถโดยสาร NGV 486 คันมาให้บริการได้เต็มที่ อย่างไรก็ตาม จะพยายามบริหารจัดการคดีที่ขสมก.เป็นโจทย์ ที่มีทุนทรัพย์เกือบ 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีผลต่อผลประกอบการ ทำให้ ขสมก.มีสภาพคล่องดีขึ้น
“เมื่อรถเมล์ EV เข้ามาครบ 1,520 คัน ขสมก.จะทยอยปลดระวาง หรือจำหน่าย รถครีมแดงที่มีสภาพเก่า ส่วนรถที่มีสภาพใช้งานได้อยู่จะนำไปใช้ในกิจกรรมรถเฉพาะกิจขสมก. หรือบริจาคให้หน่วยงานราชการ ต่างจังหวัด”
ผอ.ขสมก.กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าแผนขับเคลื่อน ขสมก.นั้นจะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด ขสมก.) ในวันที่ 29 ก.ย. 2568 ซึ่งปรับปรุงจากแผนฟื้นฟู ขสมก. ซึ่งจะมีการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ มีการเพิ่มประสิทธิภาพการเดินรถ ลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อน และจะมีรถใหม่ปรับอากาศที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเข้าให้บริการ ประมาณ 3,000 คัน ทำให้มีค่าใช้จ่าย ต้นทุนด้านเชื้อเพลิง ค่าซ่อมบำรุงลดลง
นอกจากนี้มีแนวคิดในการปรับปรุงเส้นทางเดินรถใหม่เพื่อให้รถเมล์เป็นฟีดเดอร์ 107 เส้นทาง โดยกลุ่มแรกที่เป็นเส้นทางยาว ซึ่งทำให้รถหมุนเวียนได้น้อย ควรตัดเส้นทางให้สั้นลง, กลุ่มที่เส้นทางที่ไม่เชื่อมต่อระบบราง ปรับให้เชื่อมเพื่อเป็นฟีดเดอร์ ส่งต่อผู้โดยสารได้ และกลุ่มทางเลือกที่ไม่มีเส้นทางรถไฟฟ้าหรือรถที่เข้าจากนอกเมืองเข้าเมือง