คุณริศรา เจริญพานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีอาร์ทีอาร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
• ปัจจัยสำคัญของการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมาของ PRTR คือการปรับตัวเพิ่มศักยภาพพนักงานและมองหาความต้องการแรงงานในตลาดใหม่ๆอยู่เสมอ
• ในยุคที่ AI สามารถทำงานแทนคนได้ PRTR จึงการสร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่หลากหลายภายใต้โปรเจคต์ The Blacksmithเพื่อเพิ่มขีดความสามารถแก่พนักงาน Outsoucing ให้พวกเขายังเป็นที่ต้องการและตอบโจทย์นายจ้าง
• แม้ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวคุณริศราเจริญพานิชมั่นใจว่าผลงานปี 2568 นี้จะทำได้ดีไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมาเนื่องจากมีรายได้จากธุรกิจใหม่ ได้แก่ The Blacksmith, Nexmove, และ PINNO เข้ามาเสริมตัวธุรกิจหลัก
1. ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ PRTR เติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะบทบาทของโมเดล Outsourcing ต่อการสร้างความแตกต่างในตลาด
PRTR ทำเรื่องคนครบทุกเรื่องค่ะและสิ่งที่ทำให้ 5 ปีที่ผ่านมาเรายังเติบโตได้เพราะเราปรับตัวได้ไวในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ต้องยอมรับว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการระบาดของโรคโควิด การมาของ AI และ Chat GPT ตลอดจนล่าสุดประเด็นเรื่อง Geopolitics และภาษีทรัมป์ แต่ไม่ว่าจะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ใด กลยุทธ์ของเราสามารถปรับเปลี่ยนได้เสมอ กรณีตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ ยุคโควิด ซึ่งช่วงก่อนการระบาดของโรค PRTR มีพนักงานขายราว 8,000 คน ที่ให้บริการในห้างสรรพสินค้า แต่เมื่อเกิดการระบาด ประเทศต้องล็อคดาวน์ ห้างสรรพสินค้าปิด พนักงานขายจึงไม่สามารถไปทำงานได้ รายได้เขาก็ลดลง ทางฝั่งลูกค้าเองก็ไม่มีความต้องการเพิ่มคน หรือถึงขั้นต้องลดจำนวนคนทำงาน PRTR ก็ต้องเป็นพาร์ทเนอร์กับลูกค้า อาธิ ในบางโปเจกต์ เราเปิดเทรนการขายของออนไล์ให้แก่พนักงานเพื่อให้เขายังมีรายได้ และลูกค้าก็ยังสามารถจ้างงานเขาต่อไปได้ นอกจากนี้ เราก็ปรับกลยุทธ์การขายและการตลาดของเราเองด้วย โดยมุ่งสู่กลุ่มธุรกิจที่สามารถเติบโตได้ในช่วงโควิด นั่นก็คือ E-Commerce และ Logistics เพราะประชาชนสั่งของออนไลน์จำนวนมาก เขาก็ต้องการเพิ่มพนักงานในคลังสินค้า ไปจนถึงพนักงานส่งสินค้าถึงหน้าบ้าน PRTR จึงเข้าไปเติมเต็มช่องว่างของตลอดแรงงานส่วนนั้นได้ค่ะ
เมื่อเข้าสู่ยุคหลังโควิด หลายบริษัทก็เริ่มมีความต้องการแรงงานกลุ่ม IT เพิ่มขึ้น เพื่อมาพัฒนาระบบ PRTR เองก็มีทีมงานที่เชี่ยวชาญด้านการจัดหาบุคลากรด้านITมาดูโดยตรงค่ะ จนมายุคนี้ ต้องยอมรับว่า เศรษฐกิจชะลอตัวลง แทบทุกอุตสาหกรรมแลดูโตช้าๆ PRTR ก็ปรับกลยุทธ์โดยมองหาอุตสาหกรรมใหม่ๆที่เรายังไม่ได้ดำเนินไป จึงเป็นที่มาของการทำ M&A สำหรับกลุ่มลูกจ้างพนักงานขับรถและแม่บ้าน เพราะฉะนั้น เรียกได้ว่าหากคุณเดินเข้าไปในออฟฟิศแห่งหนึ่ง PRTR สามารถซัพพอร์ตได้ตั้งแต่ตำแหน่งแม่บ้านไปจนถึงระดับ C level นี่จึงเป็นเสน่ห์เป็นกลยุทธ์ของ PRTR ที่ทำให้เรายังครองใจลูกค้าได้อย่างยาวนาน ที่สำคัญ PRTR ไม่ได้ทำแค่การจัดหาคน และทำเงินเดือน แต่เรายังเพิ่มศักยภาพแก่พนักงานในองค์กรของเขาได้ด้วย เช่น ปัจจุบันเราช่วยบริหารยอดขายของพนักงาน เป็นต้นค่ะ
ตัวแนนเองสอนน้องๆเสมอว่าถ้าลูกค้าใช้บริการเราแล้วเขาต้องไม่ Worry เรื่องคนเราต้องไปแก้ปัญหาให้เขาเขาต้องไม่ตื่นมากลางดึกแล้วคิดว่าอีกเดือนนึงอยากได้คนร้อยคนจะมีคนมาทำงานให้เขาไหมล่าสุดแคมเปญ 9 เดือน 9 ลูกค้าต้องการพนักงาน 200 คนให้เวลาหา 1 เดือนแนนบอกน้องๆเลยว่าถ้าเรารับปากว่าทำแล้วยังไงเราก็ต้อง Deliver งานให้ได้อันนี้ก็เป็นสิ่งที่แนนคิดว่าทำให้เราแตกต่างจากคู่แข่งของเราค่ะ
2. ในยุคที่ AI มีบทบาทมากขึ้น PRTR มองการผสมผสานระหว่าง “คน” และ “เทคโนโลยี” อย่างไร เพื่อสร้างคุณค่าและความแตกต่างให้กับลูกค้า
แนนขออธิบายเป็น 2 ส่วนนะคะ เริ่มจากในส่วนของ กลุ่มพนักงาน Outsource ที่เราบริการให้กับลูกค้า ซึ่งไม่ได้มีแค่พนักงานขาย แต่ยังมีพนักงานออฟฟิศ และอื่นๆ อีกหลากหลาย Job Functions สิ่งที่เราเข้าไปซัพพอร์ตลูกค้าทุกวันนี้คือการจัด Training ให้พนักงานกลุ่มนี้ ภายใต้โปรเจคต์ที่เรียกว่า AI Ready คือ เราต้องเข้าใจก่อนว่า AI ไม่สามารถเข้ามาแทนที่คนทุกคนได้แต่มันจะเข้ามาแทนที่คนที่ใช้ AI ไม่เป็นอย่างแน่นอนค่ะ เพราะฉะนั้น ถ้าหากเรายังทำงานเหมือนเดิม ไม่รู้จักประยุกต์ใช้ AI เราก็จะได้ Productivity เท่าเดิม นี่จึงเป็นเหตุผลที่ PRTR ต้องช่วยเสริมทักษะการใช้ AI แก่พนักงานของเรา เพื่อให้เขายังเป็นที่ต้องการของตลาดค่ะ นี่จึงเป็นที่มาของ The Blacksmith แพลตฟอร์ม Offline และ Online ที่เราสร้างขึ้นเพื่อพัฒนาพนักงาน Outsource นั่นเอง ในทํานองเดียวกัน หากลูกค้ามีความประสงค์จะพัฒนาคนในองค์กรของเขาเองด้วย เขาก็สามารถใช้บริการ The Blacksmith ได้เช่นกันค่ะ
สำหรับส่วนที่สอง คือ พนักงานในองค์กรของ PRTR เราก็ให้ความสำคัญต่อการนำ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน อาธิ แผนก Recruitment เราได้นำ AI มาช่วยคัดกรองคนจำนวนมหาศาลในฐานข้อมูลของเรา เพื่อจับคู่บุคลากรที่ตรงกับ Job description ต้องยอมรับว่าการเข้ามาของ AI ช่วยลดระยะเวลาและปริมาณงานของทีม Consult ลงอย่างมาก เพราะเขาก็จะได้เป้าหมายที่เเม่นยำและตรงตามความต้องการของลูกค้าจริงๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาติดต่อหา Candidate จำนวนมากเหมือนสมัยก่อน
นอกจากฝั่ง Recruiter แล้ว PRTR ยังนำ AI เข้ามาช่วยจัดการงาน Routine สำคัญอื่นๆ เช่น การทำเงินเดือน และการคำนวณคอมมิชชั่นพนักงาน Outsource ซึ่งก็ทำให้มีประสิทธิภาพ และแม่นยำขึ้นด้วยค่ะ เมื่อเราทำงานได้ไวและมีประสิทธิภาพขึ้น เราก็ Control Cost ได้ดี ส่งผลให้ราคาบริการของ PRTR ค่อนข้าง Competitive เมื่อเทียบกับเจ้าอื่นๆ ลูกค้าของเราก็รู้สึกพึงพอใจและคุ้มค่าค่ะ
3. ในมุมมองของคุณ AI คือ อุปสรรค (Threats) หรือ โอกาส (Opportunity)
แนนมองว่าเหรียญมี 2 ด้านค่ะ AI เข้ามาแน่นอนว่าบริษัทที่รู้จักนำ AI มาประยุกต์ใช้ยอมจ้างคนน้อยลงถูกไหมคะแต่ในทำนองเดียวกันมันก็เป็น Opportunity ในมุมของแนนถ้าเราสามารถนำ AI เข้ามาใช้ในองค์กรได้และสามารถทำให้พนักงาน Outsource ใช้ AI เป็นก็ย่อมส่งผลให้พวกเขายังเป็นที่ต้องการของลูกค้าต่อไปดังนั้นเราต้องเรียนรู้และปรับตัวให้ได้ค่ะ
4.วิสัยทัศน์การเติบโตของ PRTR ในอีก 3 - 5 ปีข้างหน้าคืออะไร ทั้งในมิติการขยายธุรกิจ การควบรวมกิจการ และการออกสู่ตลาดต่างประเทศ
ต้องบอกว่า PRTR เราพยายามจะขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้เราเป็น Total HR Solution ที่แท้จริง แรกเริ่มเดิมทีเราคือธุรกิจจัดหาพนักงาน และต่อมาเราก็ขยายเข้าสู่การให้บริการ Outsourcing ซึ่งกลายเป็นรายได้หลักของบริษัท จนกระทั่งวันนี้ เราก็มีธุรกิจใหม่ ไม่ว่าจะเป็น The Blacksmithที่เป็นแพลตฟอร์มด้าน HR Development เรามี PINNO Solution เเอพพลิเคชั่นสำหรับบริหารงาน HR นอกจากนี้ก็ยังมี Nexmove ที่เป็นแพลตฟอร์มช่วยจัดหาพนักงานทางออนไลน์ ทั้งหมดที่เราทำ คือการพิสูจน์ให้ลูกค้าเห็นว่าใช้บริการ PRTR ที่เดียว ตอบโจทย์ครบทุกเรื่องที่เขาต้องการ
อย่างไรก็ตาม เราก็ยังไม่ได้ขยายฐานแรงงานไปครบทุก Job Function ค่ะ ยังมีบางอุตสาหกรรมที่เรายังไม่ได้ดำเนินไป ฉะนั้นการเติบโตที่ผ่านมาของเราจึงค่อนข้างเป็น Organic Growth และเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันเราก็พยายามสร้างการเติบโตอีกด้านนะคะ นั่นคือการสร้างโปรเจกต์ M&A ในอุตสาหกรรมใหม่ๆ รวมถึงการขยายออกสู่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งวิธีการไปตลาดต่างประเทศของเเนนคือ เราต้องมีพันธิตรไปด้วยค่ะ เราจะได้ไม่เจ็บตัวมาก แนนก็เริ่มจากตามลูกค้าที่เรามีความสัมพันธ์ที่ดีด้วย ว่าเขามีสาขาอยู่ในประเทศใดบ้าง เเละเราจะเข้าไปเติมเต็มเขาได้อย่างไร ภาพรวมปัจจุบันนี้ยังอยู่ในช่วง R&D และการพูดคุยกับลูกค้าค่ะ
สำหรับเรื่องรายได้ ที่ผ่านมา PRTR เราเติบโตระดับ 2 digit มาโดยตลอดนะคะ และคิดว่าปีนี้เราก็ยังทำได้ แม้ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ในขณะที่ฝั่งธุรกิจใหม่ๆ อย่าง The Blacksmith, Nexmove และ PINNO จากที่ 2-3 ปีที่ผ่านมายังติดลบอยู่ เนื่องจากบริษัทเพิ่งเปิด ปีนี้ก็ควรจะ Break Even ตามที่เราได้ตั้งเป้าไว้ค่ะ เนื่องจากธุรกิจทั้ง 3 นี้ อาธิ PINNO ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม SaaS Model เราทำสัญญากับลูกค้า 3 ปี เราก็จะค่อยๆ ทยอยรับรู้รายได้เข้ามาได้เรื่อยๆ และ Contribute ผลกำไรให้กับรายได้รวมทั้งหมด สำหรับฝั่ง Outsourcing ต้องบอกว่าเศรษกิจจะดีหรือร้าย เราก็ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ปีนี้อาจจะมีชะลอลงเล็กน้อย แต่เเนนเชื่อว่าเราทำได้ดีค่ะ
5.จากประสบการณ์ของ PRTR คนทำงานแบบไหนที่จะเป็นที่ต้องการในอนาคต และพวกเขาควรพัฒนาตัวเองด้านใด เพื่อสร้างความแตกต่าง
แนนคิดว่าก่อนจะพูดถึงการ Re-Skill / Up-Skill ต้องเริ่มจาก Mindset ก่อน คุณต้องมี Growth Mindset และมองทุกสิ่งที่เข้ามาเป็น Challenge ที่เราต้องฝ่าไปให้ได้ เเนนเชื่อว่า ไม่มี Job Function ไหนที่มั่นคงปลอดภัย 100% และก็ไม่มีองค์กรใดที่ปลอดภัยที่สุด แม้แต่บริษัทเทคฯ ชื่อดังในอดีตที่เราคิดว่ามั่นคงก็ยังล่มสลายไปเพราะไม่ปรับตัว หรือบางองค์กรที่เป็นธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ เขาก็กลับสามารถปรับตัวและอยู่รอดมาได้จนถึงปัจจุบัน เพราะฉะนั้น รอบตัวเราเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และเราต้องปรับตัวให้ได้ค่ะ
หากให้พูดถึงงานที่มี Demand อย่างต่อเนื่องก็ต้องตอบว่า งานขายนะคะ ไม่ว่าจะยุคสมัยใด ลูกค้าก็ต้องการพนักงานขาย แต่คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยชอบทำค่ะ นอกจากนี้ อาชีพซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการมากในปัจจุบันก็คืองานด้าน AI ค่ะ โดยเฉพาะงานด้าน AI Training ต้องยอมรับว่าลูกค้าต้องการ Programmer เฉพาะด้านนี้มากขึ้น หรือแม้แต่งาน Developer ลูกค้าก็ต้องการคนที่มีทักษะการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในการทำงานค่ะ
อย่างไรก็เเล้วแต่ ภาพรวมแนนมองว่ามันอาจจะไม่ได้มี Job Function ไหนที่ Hot เป็นพิเศษนะคะ เพราะไม่ว่าจะตำแหน่งใด องค์กรให้ความสำคัญกับ Skill มากกว่าค่ะ วันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า AI เข้ามาแทนคนจริงๆ โดยเฉพาะงาน Routine ซึ่งอาจจะไม่ค่อยมี Value หรือต้องใช้ Skill มาก เพราะนั้น หากต้องการอยู่รอด คุณต้องมี Skill เช่น Critical Thinking หรือ คุณต้องทำงานประเภทที่ต้องใช้ Human Touch เพราะสุดท้ายแล้วงาน Routine AI แทนได้ งานที่ต้องใช้คนเข้ามารับฟัง มาทำความเข้าใจ งานประเภทนี้ยังเป็นที่ต้องการค่ะ ฉะนั้นน้องๆ ที่จบใหม่ หากไม่ค่อยชอบพูดคุยสื่อสาร หรือมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ก็อาจจะทำให้คุณหางานยากกว่า สำหรับคนทำงานในองค์กรต่างๆ นะคะ คุณต้องไม่กลัวความท้าทาย และต้องกล้าสร้างความเปลี่ยนแปลง โดยเริ่มจากตัวคุณเองก่อนค่ะ