จากจุดเริ่มต้นโครงการฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เมื่อปี2538 ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกับผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าตู้เย็นเป็นครั้งแรกเพื่อยกระดับมาตรฐานอุปกรณ์ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพช่วยประหยัดไฟ ทำให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพได้ง่าย เพียงดูฉลากเล็กๆที่ติดอยู่หน้าตู้เย็น จากนั้นในปีถัดไป ก็มีผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ(แอร์) ติดฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ตามมา
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ตลอดระยะเวลา 30 ปีโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ประสบความสำเร็จ ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า 40,000 ล้านหน่วย และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) 22 ล้านตัน เทียบเท่าปลูกต้นไม้กว่า 1,720ล้านต้น
ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเปิดงานครบรอบ 30 ปี โครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ด้วยรัก(ษ์) และผูกพัน โดยมีนางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ดร.นรินทร์ เผ่าวณิช รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง รักษาการในตำแหน่ง ผู้ว่าการ กฟผ. พร้อมทั้งผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพลังงาน ผู้บริหารหน่วยงานพันธมิตรโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5
ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ 30ปี ฉลากเบอร์ 5 ด้วยรัก(ษ์)และผูกพัน” ว่า ย้อนกลับไปเมื่อปี 2538 ได้เคยถามนายสิทธิพร รัตโนภาส อดีตผู้ว่าการ กฟผ. ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในบุกเบิกโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ถึงเหตุผลทำไม กฟผ. ถึงทำโครงการประหยัดไฟ ทั้งๆที่กฟผ.เป็นผู้ผลิตไฟฟ้า โดยนายสิทธิพรให้คำตอบว่า เป็นสิ่งที่ต้องทำและเป็นความรับผิดชอบของการไฟฟ้า เพราะหากกฟผ.ไม่ทำใครจะทำ และเป็นวิสัยทัศน์ที่มีมาตลอด ทำให้โครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ประสบความสำเร็จ ที่สร้างชื่อเสียง และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคว่า สินค้าที่ติดฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานดี มีประสิทธิภาพ
ไม่เพียงแค่ประเทศไทย ฉลากประหยัดเบอร์5 ยังได้รับการยอมรับจากต่างประเทศด้วย เห็นได้จากสินค้า อุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์อื่นๆที่ติดฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ถูกจัดเป็นสินค้าพรีเมี่ยม และเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคด้วย
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงาน ยังได้ยกระดับและพัฒนาแผนอนุรักษ์พลังงานของประเทศ เน้นมาตรการเชิงเทคโนโลยีและนวัตกรรมสำหรับการอนุรักษ์พลังงาน รองรับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี รูปแบบการใช้พลังงาน ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายและสร้างการมีส่วนร่วมในทุกภาคส่วน เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี ค.ศ. 2050
โดยโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ที่ กฟผ. ดำเนินการตลอด 30 ปี และโครงการฉลากประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูงของ พพ. เป็น 2 โครงการที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง นับเป็นโครงการต้นแบบด้านการอนุรักษ์พลังงาน ทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาคอาเซียน และระดับสากล
ทางกระทรวงพลังงาน มอบนโยบายในการควบรวมฉลากทั้ง 2 ชนิดเป็นรูปแบบเดียวกัน นับเป็นนิมิตหมายใหม่ระหว่างกฟผ. กับพพ. เพื่อสร้างความมั่นใจคูณ 2 ตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการมากขึ้นและผู้ใช้ไฟฟ้าเองก็ไม่ให้เกิดความสับสน โดยฉลากเบอร์ 5 ใหม่จะครอบคลุม 45 ผลิตภัณฑ์ ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เริ่มวางจำหน่าย 16 มกราคม 2569
นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม. ) อนุมัติหลักการลดหย่อนภาษีให้กับผู้ซื้ออุปกรณ์ที่ติดฉลากเบอร์ 5 ระดับ 5 ดาวก่อน โดย พพ. จะปรับปรุงข้อมูลด้านฉลาก เพื่อส่งมอบให้กรมสรรพากรใช้ประกอบการจัดทำหลักเกณฑ์การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีตามอำนาจในประมวลรัษฎากร โดยร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องต้องเสนอครม.พิจารณา และเมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาจึงมีผลบังคับใช้ คาดว่าอย่างเร็วสุดน่าจะประมาณ 3 เดือน นับเป็นความร่วมมือทุกภาคส่วน ช่วยลดภาษีให้กับผู้ประกอบการในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์5 ส่งผลให้แนวโน้มราคาสินค้าปรับลดลงส่งผลดีต่อผู้บริโภค
ดร.นรินทร์ เผ่าวณิช รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง รักษาการในตำแหน่ง ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า กว่า 30 ปีที่ กฟผ. เริ่มดำเนินโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ได้ผ่านการปรับรูปแบบฉลากเบอร์ 5 ให้แสดงประสิทธิภาพมากขึ้นเป็น เบอร์ 5 “3 ดาว” และเบอร์ 5 สูงสุด “5 ดาว” ปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่เข้าร่วมฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ถึง 325ราย และมีผลิตภัณฑ์ที่ติดฉลากเบอร์ 5 ทั้งสิ้น 27 ผลิตภัณฑ์กว่า 520 ล้านดวง
ทั้งนี้ กฟผ. วางแผนดำเนินโครงการฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ไปสู่ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ขยายผลไปยังบ้าน อาคาร รวมถึงโรงเรียน และโรงแรม ล่าสุด มีโรงเรียน เบอร์ 5 ราว 234 โรงเรียน ประหยัดพลังงาน 25 ล้านหน่วย และโรงแรม เบอร์ 5 จำนวน 7แห่ง ช่วยประหยัดพลังงาน 14 ล้านหน่วย ถือเป็นการกระตุ้นให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าอย่างแพร่หลาย โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากพันธมิตรทุกภาคส่วนที่ร่วมผลักดันโครงการฯ และการร่วมมือกับ พพ. ในครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาฉลากเบอร์ 5 ใหม่ ไปสู่การสร้างโลกสีเขียวที่ยั่งยืน
ในงานยังจัดเสวนาในหัวข้อ “ความรัก(ษ์) และผูกพัน ที่มีต่อฉลากเบอร์ 5” จากพันธมิตรโครงการฯ ด้านอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ได้แก่ บริษัท ไทยโตชิบาอุตสาหกรรม จำกัด และ บริษัท สตาร์ (ประเทศไทย) จำกัด รวมถึงชุดนักเรียนประหยัดพลังงาน บริษัท น้อมจิตต์ แมนนูแฟกเจอร์ริ่ง จำกัด
นางกนิษฐ เมืองกระจ่าง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยโตชิบาอุตสาหกรรม จำกัด กล่าวว่า เราตัดสินใจเข้าร่วมโครงการฉลากประหยัดไฟเบอร์5 มีตู้เย็นเป็นผลิตภัณฑ์เริ่มแรกเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ถือเป็นโครงการที่ดีมาก กฟผ.มีหลักเกณฑ์มาตรฐานทดสอบที่ดี และมีการสุ่มตรวจสินค้าฉลากเบอร์ 5 หากพบว่าไม่ผ่านเกณฑ์ก็ต้องดำเนินการแก้ไข เป็นการกระตุ้นผู้ประกอบการต้องยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าให้มีประสิทธิภาพประหยัดไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อยๆ ปัจจุบันลูกค้าต่างประเทศเวลาสั่งซื้อสินค้าจะซื้อสินค้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เท่านั้น
นายไพรัตน์ เอื้อชูยศ ประธานกรรมการ บริษัท สตาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวขอบคุณ กฟผ.ที่ทำโครงการฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ทำให้สินค้าไทยติดปีก เป็นที่ยอมรับในตลาดต่างประเทศ ได้คุณภาพมาตรฐานประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะสินค้าเครื่องปรับอากาศไทยที่ส่งออกมากติดอันดับ 2 ของโลกมาโดยตลอด
นายอานนท์ จิตรมีศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้อมจิตต์ แมนนูแฟกเจอร์ริ่ง จำกัด กล่าวว่า เราได้พูดคุยกับกฟผ.ทำให้รู้ว่าชุดนักเรียนก็ประหยัดไฟเบอร์ 5 จากเดิมที่จะคุ้นชินกับเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำให้เราฉุกคิดขึ้นได้ถึงจุดอ่อนของเสื้อนักเรียนที่มักได้ยินเสมอคือรีดยากและใส่ไม่สบายตัว เมื่อได้มีการหารือกับกฟผ.ที่กำหนดมาตรฐานของผ้าในการตัดเสื้อผ้านักเรียนที่รีดง่ายและใส่สบายขึ้น ทำให้น้อมจิตต์เข้าโครงการชุดนักเรียนประหยัดไฟเบอร์5 ส่งผลให้บริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นดับเบิ้ลทุกปี
นอกจากนี้ ในงานยังมีพิธีมอบโล่ขอบคุณหน่วยงานพันธมิตรโครงการฉลากเบอร์ 5 ของ พพ. และ กฟผ. รวม 54 ราย รวมถึงจัดนิทรรศการผลสำเร็จ 30 ปี ฉลากเบอร์ 5