xs
xsm
sm
md
lg

ผลิตรถยนต์เดือน ส.ค. 68 ร่วงต่อ 6.11% ลุ้นยอดขายรถงวด 9 เดือนปีนี้พลิกเป็นบวก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ส.อ.ท.เผยเดือนสิงหาคม 2568 ผลิตรถยนต์รวม 112,366 คัน ลดลงร้อยละ 6.11 ขณะที่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 7,512 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2,034.09 ส่วนยอดขายรถยนต์ 47,622 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.38 มาจากการขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ส่วนการส่งออกรถยนต์ 71,179 คัน ลดลงร้อยละ 17.30  ส่วนงวด 8 เดือนแรกของปี 68 (ม.ค.-ส.ค.) มียอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปรวม 602,975 คัน ลดลงร้อยละ 12.44 โดยมีมูลค่าการส่งออกอยู่ที่ 581,307.35 ล้านบาท ลดลง 10.58% พร้อมลุ้นยอดขายรถยนต์งวด 9 เดือนแรกปีนี้พลิกเป็นบวกอีกครั้ง

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า จำนวนการผลิตรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนสิงหาคม 2568 มีทั้งสิ้น 112,366 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2568 ร้อยละ 1.58 แต่ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 6.11 จากการผลิตเพื่อส่งออกที่ลดลงร้อยละ 10.67 จากการเลิกผลิตรถยนต์นั่งบางรุ่นเพราะความเข้มงวดในการติดตั้งอุปกรณ์ช่วยขับในด้านความปลอดภัยของประเทศคู่ค้า รวมทั้งผลิตรถกระบะส่งออกลดลงร้อยละ 6.36 จากการเข้มงวดในการปล่อยคาร์บอนของประเทศคู่ค้า ส่วนการผลิตเพื่อขายในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.11 จากการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชดเชยรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้ามาขายในปี 2565-2566

ส่วนจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในรอบ 8 เดือน (มกราคม-สิงหาคม) ปี 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 947,697 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 5.77

โดยเดือนสิงหาคม 2568 รถยนต์นั่งผลิตได้ 43,172 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 7.68 โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่ง เครื่องยนต์สันดาป (ICE) มีจำนวน 21,777 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 31.75, รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle (BEV) มีจำนวน 7,456 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 2,018.18, รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) มีจำนวน 1,971 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 336.06, รถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle(HEV) มีจำนวน 11,968 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 14.83

โดยยอดผลิตของรถยนต์นั่งงวด 8 เดือนปี 2568 มีจำนวน 346,240 คัน ลดลงร้อยละ 7.92 เป็นการลดลงของรถยนต์นั่ง ICE ถึงร้อยละ 32.76 ส่วนรถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนสิงหาคม 2568 ผลิตได้ทั้งหมด 68,410 คัน ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 4.95 และตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2568 ผลิตได้ทั้งสิ้น 595,559 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.40


สำหรับยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนสิงหาคม 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 47,622 คัน ลดลงจากเดือนกรกฎาคม 2568 ร้อยละ 3.01 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 5.38 จากการขายรถยนต์นั่งไฟฟ้าที่มีถึง 9,246 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.62 จากปีที่แล้ว รถกระบะขายได้ 10,960 คัน ลดลงร้อยละ 10.92 ซึ่งรถกระบะยังคงขายลดลงต่อเนื่องกว่าสองปีจากการเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินเพราะเศรษฐกิจขยายตัวในอัตราต่ำ หลักฐานการเงินของผู้ซื้ออ่อนแอ ส่วนรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 30,797 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 10.96

ส่วนงวด 8 เดือนแรกปี 2568 รถยนต์รวมมียอดขาย 399,619 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 จำนวน 8 คัน โดยยอดขายรถยนต์นั่งไฟฟ้าเติบโตขึ้น แยกเป็นรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 256,669 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 6.96, รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 88,222 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วที่ร้อยละ 16.96, รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 72,274 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 51.69, รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 6,136 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 321.43 รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ REEV (Range-Extended Electric Vehicle) 431คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 100
และรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 89,606 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีที่แล้วร้อยละ 5.89 และคาดว่าเดือนกันยายน 2568 ยอดขายรถยนต์งวด 9 เดือนแรกปีนี้จะพลิกเป็นบวกอีกครั้ง


อย่างไรก็ดี รัฐบาลใหม่ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความตั้งใจที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตมากขึ้น ดังนั้นจึงขอเสนอการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลจะได้เก็บภาษีมากกว่าเงินที่จะจ่าย เป็นข้อเสนอของ กกร.เมื่อปีที่แล้วที่เสนอรัฐบาลตั้งกองทุน 5 พันล้านบาทเพื่อค้ำประกันผลขาดทุนจากการยึดรถกระบะแล้วขายขาดทุน โดยจ่ายผลขาดทุนตามจริงแต่ไม่เกินคันละ 5 หมื่นบาทให้กับสถาบันการเงินโดยมีข้อแลกเปลี่ยนหรือเงื่อนไขว่า สถาบันการเงินต้องปล่อยกู้ให้มียอดขายรถกระบะมากขึ้นจากปีที่ผ่านมาอย่างน้อย 30% โดยรัฐบาลจะค้ำประกันผลขาดทุนจากการยึดรถคันละไม่เกิน 5 หมื่นบาท ซึ่งนอกจากจะช่วยกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์แล้ว ช่วยเพิ่มการจ้างงานเพิ่ม ทำให้แรงงานมีรายได้มากขึ้นเพื่อชำระหนี้ได้มากขึ้นลดปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างแท้จริงทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น

สำหรับการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป
ในเดือนสิงหาคม 2568 ส่งออกได้ 71,179 คัน ลดลงจากเดือนที่แล้วร้อยละ 1.74 และลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 17.30 จากการส่งออกรถกระบะใช้น้ำมันลดลงร้อยละ 14.65 และรถยนต์นั่งที่ใช้น้ำมันลดลงร้อยละ 35.09 เพราะการเข้มงวดในการปล่อยก๊าซคาร์บอนของบางประเทศ

สำหรับมูลค่าการส่งออกรถยนต์ 45,553.26 ล้านบาท ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 24.50 แต่เครื่องยนต์และชิ้นส่วนส่งออกเพิ่มขึ้น รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนสิงหาคม 2568 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 67,917.28 ล้านบาท ลดลงจากเดือนสิงหาคม 2567 ร้อยละ 18.07

งวด 8 เดือนแรกปี 2568 การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 602,975 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 12.44 แบ่งเป็นรถกระบะ 378,555 คัน ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 3.93, รถกระบะ BEV 169 คัน ในปี 2567 ไม่มีการส่งออก, รถยนต์นั่ง ICE 101,494 คัน ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 39.99, รถยนต์นั่ง BEV 2,156 คัน ในปี 2567 ไม่มีการส่งออก, รถยนต์นั่ง PHEV 317 คัน ในปี 2567 ไม่มีการส่งออก, รถยนต์นั่ง HEV 33,698 คัน ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 2.92 เป็นต้น มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 406,777.31 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 15.29


กำลังโหลดความคิดเห็น