เคยสังเกตหรือไม่ว่า การตัดแต่งเนื้อเป็นรูปแบบต่างๆ จากฝีมือของ “บุตเชอร์” มีผลในการจุดประกายความคิดสร้างสรรค์เมนูอาหารให้กับผู้พบเห็น ไม่ว่าจะเป็น ผู้ประกอบการ เชฟ หรือคนทั่วไป
“หนึ่งในความสามารถของบุตเชอร์ที่สำคัญคือ ตัดแต่งเนื้อออกมาแล้ว ต้องทำให้ลูกค้าที่มาเห็น มองออกได้ทันทีว่า จะเอาไปทำเมนูอะไร นำไปสู่การตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น ดังจะเห็นได้จากหน้าเคาน์เตอร์ของแผนกเนื้อสัตว์ของโก โฮลเซลล์ ที่มีชิ้นส่วนต่างๆ ให้เลือกมากมาย เพื่อรองรับความต้องการที่แตกต่างกัน” นายนิธิวัฒน์ พึ่งเจริญ ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้ออาหารสด เนื้อวัวและเนื้อสัตว์อื่นๆ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด โฮลเซลล์ จำกัด กล่าว
เขาคนนี้ และ นายพุฒิพงศ์ อิ่นใจ พนักงานปฏิบัติการอาวุโสแผนก สินค้าเนื้อสัตว์ โก โฮลเซลล์ สาขาเชียงใหม่ เป็นตัวแทนบุตเชอร์จาก โก โฮลเซลล์ ที่ไปคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จากรายการแข่งขัน The Ultimate Butcher Challenge2025 ที่ประเทศมาเลเซีย ท่ามกลางการประชันฝีมือตัดแต่งเนื้อ จาก 16 ทีมในอาเซียน ซึ่ง โก โฮลเซลล์ เป็นทีมจากประเทศไทยเพียงทีมเดียวที่เข้าแข่งขันรายการนี้
“รายการนี้ทาง MLA (Meat & Livestock Australia) แนะนำให้เราเข้าร่วมการแข่งขัน หลังจากเห็นศักยภาพ เนื่องจาก MLA ได้เข้ามาทำหน้าที่จัดอบรมพัฒนาฝีมือให้กับพนักงานแผนกเนื้อสัตว์ของทุกสาขาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางผู้บริหารได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในทุกด้าน ทั้งการฝีกซ้อมฝีมือตัดแต่ง และการทำอาหารมาตรฐานเชฟ ที่ได้ The Food School Bangkok ชี้แนะแนวทางอย่างมืออาชีพ” นิธิวัฒน์ บอกเล่า
แม้จะมีเวลาฝึกซ้อมเพียง 8 วัน แต่ทั้งคู่ก็ทุ่มเทอย่างเต็มที่ ก่อนบินไปมาเลเซียเข้าสู่เวทีแข่งขัน ซึ่งแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ การตัดแต่งเนื้อ ที่มีหลักเกณฑ์การให้คะแนน คือ ความสะอาด การใช้มีด ความคิดสร้างสรรค์ การตัดแต่งให้เกิดความหลากหลาย การพรีเซนต์ และ ส่วนของการทำอาหารจากชิ้นส่วนเนื้อที่ตัดมาแล้ว โดยเลือกใช้เนื้อหลากหลาย ทั้งเนื้อวัว ส่วนหลัก ส่วนรอง และเนื้อแกะ ที่สร้างสรรค์ออกมาเป็นเมนู “Beef Curry Delight of Siam” หรือ “สเต็กเนื้อ ซอสพะแนงตำรับสยาม” ได้อย่างลงตัว
สิ่งที่ทำให้บุตเชอร์ชาวไทยทั้งสอง โดดเด่นเข้าตากรรมการก็คือ ทักษะการใช้มีด การตัดแต่ง และการใช้ชิ้นส่วนเนื้อที่หลากหลายในการสร้างสรรค์อาหาร
“สิ่งที่ได้รับมันเกินคาด รางวัลครั้งนี้น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับน้องพนักงานในแผนกเนื้อสัตว์ และการมองอาชีพ บุตเชอร์ เป็นอาชีพที่มีเกียรติ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นแล้วกับประเทศอื่นๆ ในโลกนี้ที่มีอุตสาหกรรมเนื้อวัวที่ใหญ่ แต่บ้านเรายังไม่รับรู้อาชีพนี้มากนัก” นิธิวัฒน์ กล่าว
ด้าน พุฒิพงศ์ เสริมว่า “สำหรับผมแล้ว บุตเชอร์ เป็นอาชีพที่ เท่ เพราะการแล่วัวก็คือ ศิลปะอย่างหนึ่ง เราต้องรู้สรีระของวัว ลงลึกถึงการเลี้ยง มัดกล้ามเนื้อ ต้องรู้ว่า วัวหนึ่งตัวสามารถทำได้กี่เมนู แล่ออกมาได้กี่ชิ้นส่วน ถ้าคนไม่รักจริง ไม่สามารถทำได้ รางวัลจากเวทีนี้ ทำให้ผมฝันว่าอยากไปยืนเวทีโลกสักครั้ง หรือ อยากแล่วัวญี่ปุ่นเป็นสไตล์ไทยๆ อาชีพนี้ทำแล้วสนุก ท้าทายมาก”
ความท้าทายของพุฒิพงศ์ ถูกหลอมรวมอยู่ในผลงานการตัดแต่งเนื้อที่เขาใส่ใจในรายละเอียดความต้องการของผู้ใช้งาน
“ผมใช้ทักษะการตัดแต่งแบบลัคชูรี่มาผสมผสานกับแบบคอมเมอร์เชียล ทำให้เนื้อที่แล่ออกมาดี ผนวกกับเข้าใจความต้องการของลูกค้าชาวเชียงใหม่ สาขาที่ผมทำงานอยู่ อย่าง เนื้อดรายเอจ ทุกสาขาอาจจะเลาะขายแบบ สันแหลม แต่ผมเน้นเลาะติดกระดูก นำเสนอลูกค้าชาวเชียงใหม่ที่นิยมรับประทานกัน” พุฒิพงศ์ กล่าว
การเป็นบุตเชอร์ จึงไม่ได้มีหน้าที่ตัดแต่งให้เกิดความหลากหลายเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องมองในเรื่อง การขาย ควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่างๆ ที่มีความนิยมบริโภคเนื้อเป็นจำนวนมาก พุฒิพงศ์ ยกตัวอย่าง ช่วงไฮด์ซีซั่นภาคเหนือ คนชอบเที่ยวดอย เนื้อสเต๊กที่ขายก็ต้องหั่นให้พอดี นำไปใช้ได้ง่าย
นอกจากนี้ บุตเชอร์ ยังสามารถให้คำแนะนำ ให้ความรู้เกี่ยวกับสายพันธุ์วัวและกล้ามเนื้อที่มีผลกับความนุ่มเหนียวและการนำชิ้นส่วนต่างๆ ไปใช้กับเมนูอะไรถึงจะอร่อยลงตัว
สำหรับเวทีนี้ ทีมบุตเชอร์ของโก โฮลเซลล์ ไม่ได้คว้าแค่รางวัลกลับมาเท่านั้น พวกเขายังได้เปิดโลก ค้นพบไอเดียแปลกใหม่ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการตัดแต่ง เทคนิคใหม่ๆ และการจัดดิสเพลย์เนื้อเพื่อขาย ที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับสาขาของโก โฮลเซลล์ ได้อีก
ตอกย้ำการเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจค้าส่งวัตถุดิบอาหาร ที่ไม่หยุดพัฒนาและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ สู่วงการธุรกิจอาหารของไทย เพิ่มหมุดหมายแหล่งจำหน่ายเนื้อวัวที่สายคนรักเนื้อพลาดไม่ได้!