xs
xsm
sm
md
lg

เศรษฐกิจโลกพลิกขั้ว เอเชียผงาดท่ามกลางแรงเสียดทานมะกัน กูรูเศรษฐศาสตร์ชี้ ไทย-อาเซียนเนื้อหอม ฮับผลิตสินค้ารักษ์โลก-เท็คดิจิทัลโตยั่งยืน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรุงเทพฯ – เวทีฟอรัมใหญ่แห่งปี ITD Southeast Asia Trade and Development Forum 2025 เวทีสัมมนาระดับภูมิภาคของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) หรือ ITD ร่วมกับ กระทรวงพาณิชย์ และ UN Trade and Development (UNCTAD) ปีนี้จัดขึ้นในธีม "The Changing Realities of International Trade" เพื่อระดมความคิดจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลก นักเศรษฐศาสตร์ ผู้กำหนดนโยบาย และภาคธุรกิจไทย-อาเซียน ร่วมถกประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจโลก และแนวทางการรับมือที่ยั่งยืนสำหรับภูมิภาคอาเซียน ย้ำชัดไทย-อาเซียนต้องเร่งเสริมภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจ รับมือความเสี่ยงบนเวทีการค้าโลก พร้อมร่างแผนยุทธศาสตร์สร้างความยั่งยืนให้ระบบเศรษฐกิจไทย

นายสุภกิจ เจริญกุล ผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) หรือ ITD กล่าวถึงความสำเร็จของการจัดประชุมสัมมนาในครั้งนี้ว่า “ฟอรัมประจำปีของ ITD ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้นำทางความคิด นักวิชาการ ผู้ประกอบการ และภาคประชาสังคมกว่า 300 คนเข้าร่วมงาน ร่วมกันวิเคราะห์ความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของการค้าโลก และออกแบบแนวทางใหม่ให้ไทยและอาเซียนก้าวทันความท้าทายที่เกิดขึ้น ในมุมมองของเหล่ากูรูด้านเศรษฐศาสตร์การเงินระดับโลกที่ให้เกียรติมาร่วมในงานนี้”

โดยไฮไลท์สำคัญของฟอรัมปีนี้ คือ ศาสตราจารย์ ดร.เจฟฟรีย์ แซคส์ (Prof. Dr. Jeffrey D. Sachs) นักเศรษฐศาสตร์ระดับโลกจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ได้ร่วมปาฐกถาพิเศษผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจร่วมรับฟังกว่า 300 คน โดยได้วิเคราะห์ว่าแม้โลกกำลังอยู่ในภาวะความวุ่นวายซึ่งส่วนใหญ่มีต้นกำเนิดจากนโยบายที่ไม่แน่นอนของสหรัฐฯ แต่เหตุผลที่แท้จริงของความวุ่นวายกลับเป็นสิ่งดี นั่นคือการที่ประเทศกำลังพัฒนาโดยเฉพาะในเอเชียกำลังไล่ตามประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งเป็นกระบวนการลู่เข้าทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นตลอด 75 ปีที่ผ่านมา

“สัดส่วน GDP ของประเทศพัฒนาแล้วลดลงจากร้อยละ 64 ในปี 1980 เหลือเพียงร้อยละ 39 ในปี 2025 ขณะที่ประเทศในเอเชียที่กำลังเติบโต ซึ่งรวมจีน อินเดีย ไทย และอาเซียน เพิ่มสัดส่วนจากร้อยละ 8.5 เป็นร้อยละ 35.3 โดยจีนเติบโตเกือบร้อยละ 10 ต่อปีเป็นเวลากว่า 40 ปี อาเซียนเติบโตร้อยละ 5-6 ต่อปี และอินเดียเติบโตร้อยละ 6-7 ต่อปี เทียบกับสหรัฐฯ ที่เติบโตเพียงร้อยละ 2 และยุโรปประมาณร้อยละ 1 ต่อปี” ศาสตราจารย์แซคส์กล่าว

นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ ดร.เจฟฟรีย์ แซคส์ ยังชี้ให้เห็นว่าสหรัฐฯ และยุโรปกำลังหันมาใช้นโยบายกีดกันทางการค้าเพราะเห็นว่าสถานะของตนกำลังลดลง อย่างไรก็ตาม นโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ จะไม่ประสบความสำเร็จ เพราะสหรัฐฯ มีสัดส่วน GDP อยู่เพียงร้อยละ 14 ของโลกเท่านั้น และไม่มีจุดคอขวดสำคัญใดๆ ในเศรษฐกิจโลก พร้อมยกตัวอย่างเมื่อสหรัฐฯ เปิดสงครามการค้ากับจีน แต่จีนตอบโต้ด้วยการขู่จำกัดการส่งออกแม่เหล็กแร่หายากซึ่งจำเป็นต่ออุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯ ทำให้สหรัฐฯ ต้องระงับสงครามการค้าในทันที

"ผมเชื่อว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วของเอเชียจะดำเนินต่อไปในทศวรรษหน้า ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีการมีส่วนร่วมของสหรัฐฯ ก็ตาม" ศาสตราจารย์แซคส์กล่าวพร้อมเน้นว่าการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวและดิจิทัลเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยจีนได้กลายเป็นผู้นำโลกด้านรถยนต์ไฟฟ้า และยังหวังว่าการผลิตจะขยายไปทั่วภูมิภาค "ผมหวังว่าพวกเขาจะลงทุนผลิตในกรุงเทพฯ ในกัวลาลัมเปอร์ ทั่วอินโดนีเซีย และในเวียดนาม" เพื่อให้อาเซียนกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตเทคโนโลยีที่โลกต้องการ

สำหรับแนวทางความสำเร็จของอาเซียน ศาสตราจารย์แซคส์ได้เสนอ 3 ยุทธศาสตร์สำคัญ ได้แก่ 1) การยกระดับคุณภาพการศึกษาโดยเน้นทักษะวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และการอ่าน ซึ่งกล่าวเน้นว่า "การลงทุนที่สำคัญที่สุดในประเทศ คือการลงทุนในคุณภาพทักษะของเยาวชน" 2) การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวและดิจิทัล และ 3) การบูรณาการทางการเมืองในภูมิภาคเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน เช่น โครงข่ายไฟฟ้าอาเซียน (ASEAN Power Grid) และรถไฟความเร็วสูง

โดยศาสตราจารย์แซคส์ยังได้กล่าวทิ้งท้ายถึงกลุ่ม RCEP ทั้ง 15 ประเทศว่าจะเป็นกลุ่มการค้าที่สำคัญและมีพลวัตมากที่สุดในโลก และหวังว่าอินเดียจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกรายที่ 16 "ผมเชื่อว่าไทยและอาเซียนอยู่ในตำแหน่งที่ดีมากสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืนในรุ่นต่อไป เรามีศักยภาพที่จะบรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง นั่นคือ ความรุ่งเรืองร่วมกัน ความยุติธรรมทางสังคม และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งหมดจะต้องผสมผสานกัน"

นายสุภกิจ เจริญกุล ผู้อำนวยการ ITD กล่าวสรุปว่า “บทสรุปจาก ITD Southeast Asia Trade and Development Forum 2025 และบทวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญชั้นนำ จะถูกพัฒนาเป็นแผนยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจที่จะส่งต่อไปยังหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเพื่อนำไปเป็นข้อมูลและปรับใช้เป็นนโยบายที่ปฏิบัติได้จริง "ฟอรัมนี้ไม่ใช่แค่การนำเสนอทฤษฎี แต่เป็นการระดมสมองเพื่อหาทางออกที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้ไทยและอาเซียนไม่เพียงอยู่รอดท่ามกลางวิกฤติต่างๆ แต่ยังเติบโตได้อย่างยั่งยืน"


















กำลังโหลดความคิดเห็น