8 ก.ย.68 สอ.กฟผ. จัดงานสัมมนาวิชาการประจำปี 2568 หัวข้อ “ปลดล็อกข้อจำกัดและทางรอดสหกรณ์ยุคใหม่” เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การลงทุนในตลาดตราสารหนี้-ตราสารทุน รวมถึงกฎหมาย คำแนะนำนายทะเบียนสหกรณ์ที่เป็นข้อจำกัดและกระทบการดำเนินงานของสหกรณ์ โดยมีสมาชิก หน่วยงานภาครัฐ ชุมนุมสหกรณ์ สหกรณ์ออมทรัพย์ต่าง ๆ และสื่อมวลชน เข้าร่วมสัมมนากว่า 400 คน โดยได้รับเกียรติจาก คุณนรินทร์ เผ่าวณิช รักษาการ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กล่าวต้อนรับผู้ร่วมสัมมนา ณ หอประชุมเกษมจาติกวณิช 1 - 2 ชั้น 9 อาคาร ต.040 กฟผ.

ในช่วงแรก เสวนาหัวข้อ “ตลาดเงินและตลาดทุนกับสหกรณ์ยุคใหม่ กุญแจสู่การลงทุนที่ยั่งยืน” โดยคุณวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บริษัท หลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) คุณอภิชาต ตั้งเกียรติศิลป์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และคุณฐกร บึงสว่าง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล 3 บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แสดงให้เห็นว่าตลาดหุ้นต่างประเทศมีความผันผวนโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาเนื่องจากเศรษฐกิจ มีแนวโน้มชะลอตัว ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งยังมีความท้าทายจากอัตราเงินเฟ้อ ในทางกลับกันตลาดหุ้นไทยเริ่มมีความหวัง แรงกดดันการเมืองลดลง โครงการคนละครึ่งกลับมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมแนะการจัดพอร์ตการลงทุนของสหกรณ์ ส่วนพอร์ตส่วนตัวของสมาชิก แนะนำให้เน้นกลุ่มค้าปลีกที่ได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับตลาดตราสารหนี้แสดงให้เห็นปริมาณการลงทุนของสหกรณ์ในตราสารหนี้ภาครัฐและภาคเอกชน โดยปี 2568 ภาคเอกชนมีการออกหุ้นกู้ลดลงและส่วนใหญ่เป็นการ Rollover หุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนดเท่านั้น จากปัจจัยที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ไม่สามารถขยายธุรกิจได้ รวมถึงความกังวลของนักลงทุนจากการเลื่อนชำระหนี้ของหลายบริษัท ดังนั้นในการลงทุนหุ้นกู้นอกจากจะพิจารณา Credit Rating แล้ว ต้องดูทิศทางของธุรกิจรวมถึงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนประกอบการพิจารณาลงทุนด้วย

ช่วงที่ 2 เสวนาหัวข้อ “ปลดล็อกข้อจำกัดและทางรอดสหกรณ์ยุคใหม่” โดย ดร.มะณู บุญศรีมณีชัย ประธานกรรมการ ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด คุณนิธิ มาวิเลิศ ประธานกรรมการ สหรณ์ออมทรัพย์การสื่อสารแห่งประเทศไทย จำกัด และ คุณชาติชาย โรจนรัตนางกูร ประธานกรรมการ สอ.กฟผ. ประเด็นแรกกล่าวถึงผลกระทบด้านการลงทุนจากกฎกระทรวงการฝากเงินและการลงทุนของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน พ.ศ. 2567 ซึ่งกระทบต่อความสามารถสร้างผลตอบแทนเพื่อนำมาจัดสวัสดิการสมาชิกในระยะยาว พร้อมทวงถามความคืบหน้าผลสรุปจากการประชุมเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อพิจารณาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาภายใน 6 เดือน ที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ประชุมร่วมกับผู้แทนสหกรณ์ ออมทรัพย์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำกัด ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด และสหกรณ์ออมทรัพย์สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง จำกัด ซึ่งขณะนี้ได้ล่วงเลยระยะเวลามาพอสมควรแล้ว อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือผลกระทบ ด้านการให้สินเชื่อจากร่างกฎกระทรวงการบริหารจัดการและการกำกับดูแลทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน รวมถึงคำแนะนำนายทะเบียนสหกรณ์ เรื่องหลักเกณฑ์การให้เงินกู้แก่สมาชิกอย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม ซึ่งสร้างข้อจำกัดเรื่องงวด การผ่อนชำระ รายได้คงเหลือของสมาชิกหลังหักชำระหนี้ต้องไม่ต่ำกว่า 30% ตลอดจนการบังคับตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญกรณีสหกรณ์ มีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสมาชิก รวมทั้งหากสหกรณ์สามารถติดตามหนี้ได้บางส่วนไม่ให้นำมาเป็นรายได้หรือลดค่าใช้จ่าย ดังนั้น ข้อจำกัดเหล่านี้ส่งผลให้สมาชิกเข้าถึงสินเชื่อยากขึ้น และสหกรณ์ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนทางการเงินของสมาชิก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งที่สหกรณ์ออมทรัพย์ต่าง ๆ รู้จักสมาชิกของตนเองเป็นอย่างดีแตกต่างจากสถาบันการเงิน
ทั้งนี้ กลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์ที่เข้าร่วมงานสัมมนา ต่างให้การตอบรับและให้ความสนใจเป็นอย่างดี สะท้อนถึงความมุ่งมั่น ในการร่วมกันพัฒนาสหกรณ์ให้มีเสถียรภาพ เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่สมาชิกอย่างยั่งยืน
ในช่วงแรก เสวนาหัวข้อ “ตลาดเงินและตลาดทุนกับสหกรณ์ยุคใหม่ กุญแจสู่การลงทุนที่ยั่งยืน” โดยคุณวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บริษัท หลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) คุณอภิชาต ตั้งเกียรติศิลป์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายธุรกิจตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และคุณฐกร บึงสว่าง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุนส่วนบุคคล 3 บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด แสดงให้เห็นว่าตลาดหุ้นต่างประเทศมีความผันผวนโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาเนื่องจากเศรษฐกิจ มีแนวโน้มชะลอตัว ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งยังมีความท้าทายจากอัตราเงินเฟ้อ ในทางกลับกันตลาดหุ้นไทยเริ่มมีความหวัง แรงกดดันการเมืองลดลง โครงการคนละครึ่งกลับมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมแนะการจัดพอร์ตการลงทุนของสหกรณ์ ส่วนพอร์ตส่วนตัวของสมาชิก แนะนำให้เน้นกลุ่มค้าปลีกที่ได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับตลาดตราสารหนี้แสดงให้เห็นปริมาณการลงทุนของสหกรณ์ในตราสารหนี้ภาครัฐและภาคเอกชน โดยปี 2568 ภาคเอกชนมีการออกหุ้นกู้ลดลงและส่วนใหญ่เป็นการ Rollover หุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนดเท่านั้น จากปัจจัยที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ไม่สามารถขยายธุรกิจได้ รวมถึงความกังวลของนักลงทุนจากการเลื่อนชำระหนี้ของหลายบริษัท ดังนั้นในการลงทุนหุ้นกู้นอกจากจะพิจารณา Credit Rating แล้ว ต้องดูทิศทางของธุรกิจรวมถึงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนประกอบการพิจารณาลงทุนด้วย
ช่วงที่ 2 เสวนาหัวข้อ “ปลดล็อกข้อจำกัดและทางรอดสหกรณ์ยุคใหม่” โดย ดร.มะณู บุญศรีมณีชัย ประธานกรรมการ ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด คุณนิธิ มาวิเลิศ ประธานกรรมการ สหรณ์ออมทรัพย์การสื่อสารแห่งประเทศไทย จำกัด และ คุณชาติชาย โรจนรัตนางกูร ประธานกรรมการ สอ.กฟผ. ประเด็นแรกกล่าวถึงผลกระทบด้านการลงทุนจากกฎกระทรวงการฝากเงินและการลงทุนของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน พ.ศ. 2567 ซึ่งกระทบต่อความสามารถสร้างผลตอบแทนเพื่อนำมาจัดสวัสดิการสมาชิกในระยะยาว พร้อมทวงถามความคืบหน้าผลสรุปจากการประชุมเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อพิจารณาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาภายใน 6 เดือน ที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ประชุมร่วมกับผู้แทนสหกรณ์ ออมทรัพย์การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำกัด ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด และสหกรณ์ออมทรัพย์สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง จำกัด ซึ่งขณะนี้ได้ล่วงเลยระยะเวลามาพอสมควรแล้ว อีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือผลกระทบ ด้านการให้สินเชื่อจากร่างกฎกระทรวงการบริหารจัดการและการกำกับดูแลทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน รวมถึงคำแนะนำนายทะเบียนสหกรณ์ เรื่องหลักเกณฑ์การให้เงินกู้แก่สมาชิกอย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม ซึ่งสร้างข้อจำกัดเรื่องงวด การผ่อนชำระ รายได้คงเหลือของสมาชิกหลังหักชำระหนี้ต้องไม่ต่ำกว่า 30% ตลอดจนการบังคับตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญกรณีสหกรณ์ มีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของสมาชิก รวมทั้งหากสหกรณ์สามารถติดตามหนี้ได้บางส่วนไม่ให้นำมาเป็นรายได้หรือลดค่าใช้จ่าย ดังนั้น ข้อจำกัดเหล่านี้ส่งผลให้สมาชิกเข้าถึงสินเชื่อยากขึ้น และสหกรณ์ไม่สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนทางการเงินของสมาชิก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งที่สหกรณ์ออมทรัพย์ต่าง ๆ รู้จักสมาชิกของตนเองเป็นอย่างดีแตกต่างจากสถาบันการเงิน
ทั้งนี้ กลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์ที่เข้าร่วมงานสัมมนา ต่างให้การตอบรับและให้ความสนใจเป็นอย่างดี สะท้อนถึงความมุ่งมั่น ในการร่วมกันพัฒนาสหกรณ์ให้มีเสถียรภาพ เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่สมาชิกอย่างยั่งยืน