xs
xsm
sm
md
lg

กรมราง เปิดสูตร”ค่าขนส่งสินค้า-ใช้ประโยชน์ราง“ศึกษาอัตราขั้นสูง สะท้อนต้นทุน เป็นธรรม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมราง รับฟังความคิดเห็น”ศึกษากำหนดอัตราขั้นสูงและหลักเกณฑ์การทบทวนอัตราค่าบริการขนส่งทางราง”เปิดสูตร ค่าขนส่ง -ใช้ประโยชน์ราง สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เป็นธรรม และจูงใจเอกชนเปลี่ยนโหมดใช้รางมากขึ้น

เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 68 นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนารับฟังความคิดเห็นภายใต้ “โครงการศึกษาการกำหนดอัตราขั้นสูงและหลักเกณฑ์การทบทวนอัตราค่าขนส่ง ค่าใช้ประโยชน์จากราง และค่าบริการในการประกอบกิจการขนส่งทางราง” โดย มีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียด้านการขนส่งสินค้าทางราง เข้าร่วม 
นายพิเชฐกล่าวว่า โครงการฯ มีวัตถุประสงค์หลักในการศึกษาโครงสร้างต้นทุนและปัจจัยที่เกี่ยวข้องต่อการกำหนดอัตราขั้นสูงของค่าขนส่ง ค่าใช้ประโยชน์จากราง และค่าบริการในการประกอบกิจการขนส่งทางราง ทั้งในปัจจุบันและอนาคต พร้อมทั้งจัดทำหลักเกณฑ์ วิธีการ ข้อเสนอมาตรการกำกับอัตราค่าขนส่ง ตลอดจนการจัดทำข้อกำหนด กฎระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีความสำคัญ
ต่อการการพัฒนาระบบขนส่งสินค้าทางรางของประเทศ

การดำเนินโครงการกำหนดอัตราค่าบริการขนส่งฯ จึงมีความสำคัญต่อการวางระบบการกำหนดอัตราค่าบริการขนส่งทางรางของไทย ให้มีความเหมาะสม ทันสมัย และตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจและประชาชน โดยจะสามารถช่วยสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงของการเดินรถไฟขนส่งสินค้า การกำหนดอัตราขนส่งทางรางขั้นสูงบนพื้นฐานของต้นทุนและผลตอบแทนที่เหมาะสม เปิดโอกาสให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมในภาคเอกชน และสร้างความเชื่อมั่นด้านโครงสร้างราคาค่าขนส่งที่โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ รวมถึงเอื้อต่อการวางแผนลงทุนและดำเนินธุรกิจอย่างมั่นใจ ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มปริมาณการใช้บริการราง ลดต้นทุนโลจิสติกส์ ส่งเสริมการขนส่งที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม


โดยหลังจากเปิดรับฟังความเห็นแล้วเสร็จจะรวบรวมสรุปข้อมูลก่อนนำมากำหนดในร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การขนส่งทางราง พ.ศ. ….ซึ่งขณะนี้ ผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 2 และ 3 แล้ว เข้าสู่ขั้นตอนอยู่ การพิจารณาจากวุฒิสภา (สว.) คาดใช้ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 30-60 วัน ก่อนมีมติเห็นชอบ จากนั้นจะดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรอง จำนวน 70 ฉบับ และออกกฎกระทรวง ใช้ระยะเวลาอีก 1 เดือน และเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายในเดือนต.ค.นี้ คาดว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะประกาศพร้อมมีผลบังคับใช้ภายในปี 2568 



ปัจจุบันการขนส่งสินค้าทางรางมีสัดส่วนเพียง 2.21% ขณะที่รฟท.ยังขาดทุนในการให้บริการขนส่งสินค้าถึง 5.08 บาทต่อ ตัน-กม. ในการศึกษา นำตัวอย่าง ค่าระวางสำหรับตู้ 20 ฟุต เส้นทาง ท่าเรือแหลมฉบัง-หนองคาย ระยะทาง 718 กม. (ไป-กลับตู้หนัก ) ปัจจุบันรฟท. คิดค่าระวางขนส่งที่ 12,391 บาท ขณะที่ต้นทุนจริงอยู่ที่ 16,172 บาท

ขณะที่ ในปี 2566 พบว่า มีปริมาณการขนส่งสินค้า 2,904.50 ล้านตัน- กม. โดยมีต้นทุนการคิดค่าใช้ประโยชน์ราง (Access Charge) รวม 510.23 ล้านบาท คิดเป็นค่าเฉลี่ยต้นทุนอยู่ที่ 0.1757 ล้านตัน-กม. ประกอบด้วย 1.ค่าบำรุงรักษารางรถไฟและระบบสัญญาณ 257.20 ล้านบาท 2.งานควบคุมการเดินรถฝ่ายโยธาและอื่นๆ 14.64 ล้านบาท 3. งานควบคุมและบริหารจุดตัด 1 .24 ล้านบาท 4. ค่าใช้จ่ายสถานี 129.99 ล้านบาท 5. ค่าซ่อมบำรุงอื่นๆ (สถานีและโรงซ่อม) 60.10 ล้านบาท 6.ค่าใช้จ่ายอื่นๆในการเดินรถ 47.06 ล้านบาท

มีต้นทุนค่าใช้หัวรถจักรและแคร่ (Locomotive Charge) รวมที่ 1,043.10 ล้านบาท คิดเป็นค่าเฉลี่ยต้นทุนที่ 0.3591 ล้านตัน-กม. ประกอบด้วย 1. ค่าจ้างประจำปีของพนักงานขับรถไฟและเจ้าหน้าที่ประจำขบวน (เงินเดือน เบี้ยเลี้ยง ค่าใช้จ่ายควบคุม และบริหารงานของฝ่ายเดินรถ ฯลฯ) 633.36 ล้านบาท 2.ค่าใช้จ่ายประจำปี (ค่าทำความสะอาด ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดสถานี ค่าเปลี่ยนหัวรถจักร ค่าอุบัติเหตุ) 45.07 ล้านบาท 3. ค่าบำรุงใช้จ่ายรักษาหัวรถจักรรายปี 363.88 ล้านบาท 4. ค่าดำเนินการสำหรับเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่น 7.6 แสนบาท 


สำหรับสูตรอัตราค่าขนส่งสินค้าทางราง ประกอบด้วย ต้นทุนการคิดค่าใช้ประโยชน์ราง (Access Charge) บวก ต้นทุนค่าใช้หัวรถจักรและแคร่ (Locomotive Charge) บวก อัตราค่าธรรมเนียมการใช้น้ำมัน (Fuel Charge ) อัตราค่าน้ำมัน 1 เดือนก่อนหน้า

จากการศึกษา อัตราขั้นสูงของการขนส่งสินค้าทางราง มี 6 ประเภท ดังนี้ 1.การขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ ปริมาณ 62 ตัน ด้วยตู้ขนาด 20 ฟุต ระยะทาง 1-100 กม. เที่ยวเปล่าอยู่ที่ 348 บาทและเที่ยวรถบรรทุกอัตรา 521 บาท ตู้ขนาดมากกว่า 20 ฟุต ระยะทาง 1-100 กม. เที่ยวเปล่าอยู่ที่ 487 บาทและเที่ยวรถบรรทุก อัตรา 730 บาท

2.การขนส่งปูนซีเมนต์ ระยะทาง 1- 100 กม. อัตรา 78 บาทต่อตัน

3.การขนส่งน้ำมันดิบและน้ำมันใส ระยะทาง 1- 100 กม. อัตรา 65 บาทต่อกิโลลิตร

4.การขนส่งแก๊ซ LPG ระยะทาง 1- 100 กม. อัตรา 41 บาทต่อกิโลลิตร

5.การขนส่งสินค้าอื่นๆ ระยะทาง 1- 100 กม. อัตรา 78 บาทต่อตัน

6.การขนส่งวัตถุอันตราย Class 9 ระยะทาง 1- 100 กม. รถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ไม่เกิน 62 ตัน อัตรา 1,738 บาทต่อตู้ และรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ปริมาณสินค้ามากกว่า 62 ตัน อัตรา 2,260 บาทต่อตู้

และมีอัตราค่าบริการยกขนตู้คอนเทนเนอร์ 753 บาทต่อตู้


นอกจากนี้ มีการสนับสนุน ในมาตรการการทดลองใช้รางครั้งแรก โดยมอบเงินคืน (Rebate) ให้แก่เอกชนในอัตรา 20% ของค่าระวาง สำหรับการขนส่งสูงสุด 60 ตู้คอนเทนเนอร์ (ทีอียู) หรือ 324,300 ตันต่อ-กม. ภายในเวลา 1 ปี เพื่อเพิ่มแรงจูงใจทางการเงิน ลดต้นทุนการเปลี่ยนผ่าน โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ที่ปัจจุบันขนส่งสินค้าเฉพาะทางถนนและยังไม่เคยใช้บริการขนส่งสินค้าทางรางมาก่อน




กำลังโหลดความคิดเห็น