ผู้จัดการรายวัน 360 - CRG เร่งเครื่องนวัตกรรมอาหารผ่าน “Delicious Lab” เสริมแกร่งธุรกิจร้านอาหารไทย มุ่งสู่ผู้นำเทรนด์อาหารแห่งอนาคต
ในโลกของธุรกิจอาหารที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และเต็มไปด้วยการแข่งขัน “นวัตกรรม” กลายเป็นคำตอบสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะสำหรับ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือ CRG ผู้นำธุรกิจร้านอาหารของประเทศไทย ที่เดินหน้าปักธงในธุรกิจอาหารด้วยหน่วยงานเบื้องหลังอย่าง “Delicious Lab” ศูนย์วิจัย และพัฒนานวัตกรรมอาหาร ภายใต้แนวคิด “Where Innovation Meets Taste – ผสานนวัตกรรม สู่รสชาติที่เหนือกว่า”
นายกณพ ศรีอาวุธ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่าย Food Innovation บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “Delicious Lab” ไม่ได้เป็นเพียงห้องทดลองสูตรอาหารใหม่ แต่เป็น “อาวุธลับ” เชิงกลยุทธ์ที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของแบรนด์ในเครือ CRG อย่างก้าวกระโดด ผ่านการคิดค้น พัฒนา และต่อยอดเมนูใหม่อย่างต่อเนื่อง
โดยมุ่งสู่ 3 เป้าหมายหลัก ได้แก่
1. สร้างการเติบโตทางธุรกิจ ผ่านการพัฒนาสินค้าใหม่เพื่อกระตุ้นยอดขาย
2. เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ด้วยรสชาติที่แตกต่างและความคิดสร้างสรรค์
3. สร้างความยั่งยืนขององค์กร ด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดของเสีย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่
ด้วย 3 กลยุทธ์หลัก คือ Quality = Delicious การยกระดับคุณภาพวัตถุดิบ เช่น หมูสดไม่แช่แข็ง และเบเกอรี่นุ่มสดใหม่, Premium Affordable เมนูพรีเมียมในราคาที่เข้าถึงได้ และ Innovation การสร้าง Taste Profile ใหม่ให้สอดรับกับเทรนด์ผู้บริโภคและสามารถแข่งขันได้จริงในตลาด
โดยในปี 2568 มีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 600 รายการ เพื่อนำเสนอนวัตกรรม และสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ให้กับลูกค้า อาทิ มิสเตอร์ โดนัท กับเมนู “โดนัทมัทฉะ” ที่โดดเด่นด้วยรสชาติชาเขียวอุจิเข้มข้น ทั้งแบบท็อปปิ้ง สอดไส้ และผสมผงชาเขียวลงในเนื้อแป้งไวท์พอนเดอริง, อานตี้ แอนส์ กับ “แซนวิชแฮมชีสเพสโต้” และ “ชิโอะ เพรทเซล” ที่กำลังเป็นกระแสนิยม รวมถึง คัตสึยะ ที่ปรับโฉมร้าน และยกระดับประสบการณ์การทานทงคัตสึคู่กับนาเบะ ทั้งแบบสุกี้ยากี้ และแบล็คทรัฟเฟิลชีสล้น พร้อมมอบความคุ้มค่าในราคาที่เข้าถึงได้
พร้อมทั้งขับเคลื่อนนวัตกรรมอาหารด้วยการผสานข้อมูลเชิงลึก เทคโนโลยี และความเข้าใจผู้บริโภคอย่างแท้จริง โดยอาศัย Big Data และ AI ในการวิเคราะห์เทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ตลาดได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว พร้อมสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งด้วยเมนูที่หลากหลาย เช่น เมนูเพื่อสุขภาพที่ลดโซเดียมและน้ำตาล เมนูเฉพาะทางสำหรับผู้ที่มีข้อจำกัดในการบริโภคอาหาร เมนูทางเลือกอย่าง Plant-based, High Protein และ Low-carb รวมถึงการพัฒนาแป้งโดนัทสูตรใหม่และการสร้าง Taste Profile จากแรงบันดาลใจของขนมญี่ปุ่นให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนสอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กรในระยะยาว
นอกจากนี้ Delicious Lab ยังมีแผนร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำในการพัฒนาเมนู Collaboration เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภค พร้อมเดินหน้าปรับปรุงกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพสินค้า เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และรักษามาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ควบคู่กับการพัฒนาศักยภาพทีมงานร่วมกับองค์กรชั้นนำ ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับเป้าหมายการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
นายกณพ กล่าวว่า ในอีก 3–5 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารขององค์กร ทำหน้าที่เป็นกลไกเชิงกลยุทธ์ในการผลักดันแบรนด์สู่การเป็นผู้นำตลาด ผ่านนวัตกรรมที่สร้างผลลัพธ์ได้จริง ทั้งด้านรสชาติ ประสบการณ์ผู้บริโภค และความยั่งยืน พร้อมเป็นพื้นที่ฝึกอบรม พัฒนา และบ่มเพาะแนวคิดใหม่ให้กับบุคลากร ตลอดจนก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้ขับเคลื่อนเทรนด์การบริโภคของตลาดร้านอาหารไทยในอนาคต