ผู้จัดการรายวัน 360 - น้ำปลาพิไชยฉลอง 88ปี ชูนวัตกรรม เปิดตัว"น้ำปลาผงตราหอยนางรม สูตรลดโซเดียม ชนิดซองออกสู่ตลาดผู้บริโภคเป็นครั้งแรกของโลก ประกาศชิงส่วนแบ่งตลาดน้ำปลาในประเทศหมื่นล้าน โชว์ครึ่งแรกปี68 ยอดขายโตก้าวกระโดดทุกผลิตภัณฑ์ ทุกเซกเม้นต์และทุกช่องทางการขาย เดินหน้าแคมเปญ“ลดยกแบรนด์”
นายพันธ์ชนะ รัตนประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำปลาพิไชย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำปลาแท้ตราหอยนางรม เปิดเผยว่า บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่คือ "น้ำปลาผงตราหอยนางรม สูตรลดโซเดียม ชนิดซอง" โดยใช้นวัตกรรมในการผลิตเพื่อให้ได้น้ำปลาผงคุณภาพสูง โดยมีคุณสมบัติเด่น คือมีโปรตีนสูงกว่าน้ำปลาเกรด A ทั่วไปเท่าตัวให้คุณค่าของโปรตีนต่อร่างกาย ขณะที่มีรสชาติเค็มน้อยกว่าน้ำปลาปกติ เพราะมีส่วนผสมของเกลือน้อยกว่าปกติ 30 % เพราะทำจากน้ำปลา ไลท์ สูตรลดโซเดียม ที่กลิ่นไม่แรง ที่สำคัญคือเป็นน้ำปลาที่มีรสชาติกลมกล่อมอุมามิจากกรดอะมิโน และมีอายุสินค้ายาวนานกว่าน้ำปลาปกติเท่าตัว การออกผลิตภัณฑ์ชนิดซอง ยังทำให้พกพาสะดวก น้ำหนักเบาเป็นการลดขนาด packaging ถือเป็น Global friendly เพื่อสิ่งแวดล้อม ขณะที่ยังมีรสชาติที่เป็นสากล
"ถือเป็นครั้งแรกของโลก ที่มีผลิตภัณฑ์น้ำปลาผงชนิดซอง ออกวางขายให้ประชาชนหรือผู้บริโภคทั่วไป โดยบริษัทเป็นผู้ผลิตน้ำปลาผงรายแรกและรายใหญ่ในประเทศไทยมานานกว่า 30 ปี เพื่อจำหน่ายให้ลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม เช่น โรงงานผลิตอาหาร โรงงานผลิตบะหมี่สำเร็จรูป โดยส่งออกขายให้ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เพราะน้ำหนักเบาและต้องใช้ในปริมาณมาก จึงทำให้สามารถส่งออกในปริมาณมากกว่าน้ำปลาปกติหลายเท่าตัว" นายพันธ์ชนะกล่าว
นายพันธ์ชนะ กล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของน้ำปลาผงสูตรลดโซเดียมชนิดซองนั้น บริษัทมุ่งเน้นผู้บริโภคสมัยใหม่ ทั้งคนรุ่นใหม่และผู้ที่ใส่ใจต่อสุขภาพ และต้องการความสะดวกสบายในการเก็บและพกพาสินค้า รวมทั้งผู้บริโภคที่ต้องการน้ำปลาที่มีกลิ่นไม่แรง ความเค็มต่ำ ขณะที่ยังมีรสชาติเข้มข้นกลมกล่อม โดยเฉพาะกลุ่มนักเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งสามารถนำไปใช้ประกอบอาหาร หรือเพื่อเสริมรสชาติของอาหารโดยมุ่งเน้นกระจายสินค้าไปยังช่องทาง modern trade และออนไลน์ เพื่อเสริมภาพพจน์ของแบรนด์ ขณะที่ยอดขายหลัก ของน้ำปลาผง ยังคงเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมในประเทศ และส่งออกไปต่างประเทศ
นายพันธ์ชนะยังกล่าวถึง ภาพรวมตลาดอุตสาหกรรมน้ำปลาในประเทศไทยว่า ยังคงมีการแข่งขันกันสูงมากโดยตลาดน้ำปลาในประเทศที่มีมูลค่ารวมกันปีละกว่า 10,000 ล้านบาท พบว่าครึ่งแรกของปี2568 มีอัตราเติบโตอยู่ที่ 5%เทียบกับครึ่งแรกของปี2567 ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตที่ลดลง สาเหตุหลักมาจากกลุ่มซอสและเครื่องปรุงอาหารที่เข้ามาแข่งขันและมีการบริโภคอยู่ในระดับสูง โดยการเติบโตหลักมาจากช่องทาง modern trade ซึ่งเติบโตอยู่ที่ 11% และมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้น ขณะที่ช่องทาง traditional trade เติบโตลดลง 3%
สำหรับพฤติกรรมการบริโภค พบว่า ประชากรไทยมีอัตราการบริโภคน้ำปลาสูง โดยเฉลี่ยบริโภคน้ำปลา ประมาณ 15 มิลลิลิตรต่อคนต่อวัน หรือคิดเป็น 5–6 ลิตรต่อคนต่อปี ขณะที่ตลาดต่างประเทศ จากข้อมูลสถิติการค้าระหว่างประเทศของกรมศุลกากร ระบุว่า ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกน้ำปลาที่มีความสำคัญในตลาดโลก และครึ่งแรกของปีนี้เทียบกับครึ่งแรกของปีก่อนหน้า มีอัตราเติบโต 1.3% โดยประเทศคู่ค้าหลัก อันดับ 1 ยังคงเป็น สหรัฐอเมริกาเติบโต 7.8% อันดับ 2 คือ สปป.ลาว เติบโต 23.6% อันดับ 3 เปลี่ยนมาเป็นญี่ปุ่น เติบโต 22.7% ส่วนอันดับ 4 และ 5 ยังคงเดิม คือ ออสเตรเลีย และเนเธอร์แลนด์ ตามลำดับ แต่ทั้ง 2 ประเทศมีการเติบโตที่ลดลง
นายพันธ์ชนะ ยังได้เปิดเผยถึง แผนงานและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัทน้ำปลาพิไชยว่า ได้ตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2570 จะสามารถผลักดันรายได้รวมสู่ระดับ 1,000 ล้านบาทและก้าวขึ้นเป็น Top 4 แบรนด์น้ำปลาชั้นนำ ในตลาดน้ำปลาไทย โดยวางสัดส่วนรายได้ 70% จากตลาดในประเทศ และ 30% จากการขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศเป้าหมาย ได้แก่ อินโดนีเซีย แคนาดา ยุโรป ญี่ปุ่น ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ในประเทศอยู่ที่ 60% และส่งออกต่างประเทศอยู่ที่ 40%
ทั้งนี้ หลังจากที่บริษัทได้ดำเนินกลยุทธ์ใหม่ โดยมุ่งสร้างประสบการณ์แบรนด์ครบวงจร และเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย โดยเฉพาะน้ำปลาเพื่อสุขภาพ นอกจากสามารถเพิ่มมูลค่าสินค้า(Value added)ได้แล้ว ยังทำให้ยอดขายในประเทศครึ่งปีแรกของปี 2568 เติบโตได้กว่า 22% ขณะที่ตลาดอุตสาหกรรมน้ำปลาในประเทศเติบโตเพียง 5% โดยยอดขายเติบโตในช่องทาง modern trade มากกว่า 27% เนื่องจากได้ขยายช่องทางการขายให้ครอบคลุมมากขึ้น ส่วนยอดขายช่องทางออนไลน์ ทั้งใน TikTok, Shopee ,Lazada และ facebook ยอดขายโตก้าวกระโดด โดยขยายตัวกว่า 30% ขณะที่ช่องทาง traditional trade ยังคงที่ แต่มีแนวโน้มการเติบโตมากขึ้น เพราะได้รับความร่วมมือจากคู่ค้าช่วยทำการตลาดมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยอดขายของบริษัท ยังเติบโตในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ premium segment มียอดขายที่เติบโตมากที่สุดถึง 30% ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ standard segment เติบโต 14% และกลุ่มผลิตภัณฑ์ economy segment ซึ่งยังเป็นกลุ่มที่มีขนาดเล็กอยู่ แต่เติบโตมากกว่า 160% ส่วนการส่งออกไปต่างประเทศช่วงครั้งปีแรกนั้นยอดขายค่อนข้างคงที่ เนื่องจากได้รับผลกระทบ ช่วงสหรัฐอเมริกาประกาศอัตราภาษีนำเข้าอัตราใหม่ จึงทำให้ลูกค้าต่างประเทศชะลอดูความชัดเจน แต่ปัจจุบันได้ดำเนินการสั่งซื้อเป็นปกติแล้ว
"ถือว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว ดังนั้นหลังจากนี้เราพร้อมเดินหน้าสานต่อการตลาดแบบเต็มรูปแบบ โดยบริษัทฯ ได้นำกลยุทธ์ดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งมาใช้เต็มรูปแบบบนแพลตฟอร์มออนไลน์ พร้อมสร้างประสบการณ์แบรนด์ร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ บล็อกเกอร์ และเชฟแถวหน้าของเมืองไทย และได้มีพรีเซ็นเตอร์เชฟชื่อดังเป็นครั้งแรกในรอบ 88 ปีของแบรนด์ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์และความแข็งแกร่งของน้ำปลาตราหอยนางรม”
นายพันธ์ชนะกล่าวปิดท้ายว่า ปีนี้ซึ่งเป็นปีเฉลิมฉลองครบรอบ 88 ปี บริษัทได้จัดรายการส่งเสริมการขาย "ลดยกแบรนด์" ในราคาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งในช่องทาง modern trade และ traditional trade ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ซึ่งมีส่วนทำให้ยอดขายในประเทศเติบโตกว่า 22% ดังนั้นในครึ่งปีหลังนี้บริษัทยังคงมีรายการส่งเสริมการขาย “ลดยกแบรนด์” ในราคา unseen price ในทุกช่องทางเช่นเดียวกับครึ่งปีแรก เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมและส่งเสริมภาคประชาชนในการลดค่าจ่ายในการประกอบอาหาร รวมทั้งการขยายช่องทางการขายสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้ออกวางตลาดไปก่อนหน้านี้ ได้แก่ น้ำปลากลุ่ม premium segment ทั้งน้ำปลาไลท์ (ลดโซเดียม), น้ำปลาซีเลคเต็ด (อเนกประสงค์ รสกลมกล่อม), น้ำจิ้มซีฟู้ด, กะปิพรีเมียม, ซอสกระเพรา, ซอสต้มยำ และผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสอื่น ๆ
“เราตั้งใจมากกับการลดยกแบรนด์เพราะตระหนักมาเสมอว่าเราอยากเป็นแรงผลักดันให้เกิดโครงการลดภาระต้นทุนในการประกอบอาหารทุกครัวเรือนและร้านค้าทุกขนาด” นายพันธ์ชนะ กล่าว