รฟม.ครบ 33 ปี เตรียมระบบพร้อมรับนโยบาย20 บาทตลอดสายและเดินหน้า ศึกษารถไฟฟ้าสายใหม่ 4 เส้นทาง พร้อมวางแผนหารายได้เพิ่มนอกเหนือจากรายได้ค่าโดยสาร เพื่อความยั่งยืนขององค์กร
วันที่ 21 สิงหาคม 2568 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จัดงานฉลองครบรอบ 33 ปี วันคล้ายวันก่อตั้ง รฟม. ภายใต้แนวคิด “มากกว่าการเดินทาง คือการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน” โดยปัจจุบัน รฟม. มุ่งเน้นภารกิจการกำกับดูแลคุณภาพการให้บริการรถไฟฟ้ามหานครทั้ง 4 เส้นทาง ได้แก่ รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล (MRT สายสีน้ำเงิน) รถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (MRT สายสีม่วง) รถไฟฟ้ามหานคร สายนัคราพิพัฒน์ (MRT สายสีเหลือง) และรถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู (MRT สายสีชมพู) ให้มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย พร้อมรองรับการเข้าถึงของคนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม เป็นระบบขนส่งสาธารณะที่คนเมืองไว้วางใจในการเดินทาง ควบคู่ไปกับการวางแผนการสร้างรายได้ให้องค์กรเพิ่ม นอกเหนือจากการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลและรายได้ค่าโดยสารรถไฟฟ้า เพื่อให้ รฟม. เป็นรัฐวิสาหกิจที่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่าโครงข่ายรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนมีการขยายเส้นทางและกลายเป็นระบบขนส่งสาธารณะหลักของคนเมือง จากสถิติที่กรมการขนส่งทางราง (ขร.) รวบรวม ในเดือนกรกฎาคม 2568 พบว่า ผู้โดยสารรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลสูงถึง 44,162,043 คน-เที่ยว และกระทรวงคมนาคมคาดการณ์ว่า เมื่อเริ่มดำเนินมาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย ของรัฐบาล ในระยะที่ 2 สำหรับรถไฟฟ้าทุกสาย จะส่งผลให้ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยหัวใจสำคัญของมาตรการฯ นี้ จะเป็นการคุมเพดานค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุดไว้ที่ 20 บาท ต่อการเดินทาง 1 เที่ยว ครอบคลุมทั้งเที่ยวเดินทางแบบสายเดียวและเที่ยวเดินทางแบบข้ามหลายสาย สำหรับผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าที่มีสัญชาติไทยและได้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ “ค่ารถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย” ในแอปพลิเคชัน”ทางรัฐ”เท่านั้น (เริ่มลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป ไม่จำกัดจำนวนสิทธิ์ และไม่มีวันปิดลงทะเบียน) ทั้งนี้ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน ส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม
ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนในการแก้กฎหมายของ พ.ร.บ. การขนส่งทางราง พ.ร.บ. ตั๋วร่วม และ พ.ร.บ. รฟม. พร้อมทั้งศึกษาแนวทางการแก้ปัญหา Feeder ในการเชื่อมต่อระบบรางกับรถโดยสารสาธารณะให้เป็นโครงข่ายเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้า และพิจารณาดำเนินการเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้ากับทางเดินผู้โดยสาร หรือทางเข้า - ออก เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะอย่างเท่าเทียมได้รับความสะดวก ปลอดภัย
นายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการ รฟม. เปิดเผยว่า ปัจจุบันรถไฟฟ้า MRT ทั้ง 4 เส้นทาง ในการกำกับดูแลของ รฟม. พร้อมรองรับระบบรับชำระค่าโดยสารด้วยบัตร EMV Contactless ที่จะใช้ในการลงทะเบียนรับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ เพื่อเข้าร่วมในมาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาท ตลอดสาย ซึ่งผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT มีหลายทางเลือกสำหรับการถือบัตร EMV Contactless ดังกล่าว อาทิ เลือกใช้บัตรเครดิต VISA / Mastercard ของธนาคารใดก็ได้ หรือ บัตรเครดิต UnionPay เฉพาะของธนาคารกรุงเทพ, ICBC, AEON, KTC ในการชำระค่าโดยสาร หรือ เลือกใช้บัตรเดบิต VISA / Mastercard เฉพาะของธนาคารกรุงไทย, UOB, กรุงศรีอยุธยา, ไทยพาณิชย์, กสิกรไทย ในการชำระค่าโดยสาร หรือ เลือกใช้บัตรโดยสาร Mangmoom EMV (มีจำหน่ายที่สถานีรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง ในราคาโปรโมชั่น 150 บาท ถึงสิ้นเดือนตุลาคม 2568) และบัตรโดยสาร MRT EMV
และเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรองรับผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT ที่จะเพิ่มเข้ามาในระบบมากขึ้นในระยะอันใกล้นี้ รฟม. ได้กำชับเอกชนผู้รับสัมปทาน/ผู้รับจ้างเดินรถให้มุ่งรักษามาตรฐานการให้บริการและมาตรฐานความปลอดภัยไว้โดยเคร่งครัด โดย รฟม. และผู้รับสัมปทาน/ผู้รับจ้างเดินรถ ตลอดจนพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง มีความตั้งใจที่จะร่วมขับเคลื่อนมาตรการของรัฐบาลให้เกิดขึ้นได้จริงโดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ รฟม. ยังมุ่งเน้นภารกิจกำกับดูแลการให้บริการรถไฟฟ้าในมิติอื่นๆ โดยพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อให้คนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนได้อย่างสะดวกสบายและเท่าเทียม พัฒนาการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ มองหานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อนำมาใช้ยกระดับคุณภาพบริการให้ตอบสนองต่อวิถีชีวิตของคนเมืองมากขึ้นทั้งในด้านความสะดวกสบาย รวดเร็ว และทันสมัย อาทิ MRTA Smart Parking ที่ผู้ใช้บริการที่จอดรถสามารถชำระค่าบริการออนไลน์และตรวจสอบจำนวนที่จอดรถว่างได้ล่วงหน้า และการศึกษาแนวทางการใช้รหัสคิวอาร์ (QR Code) หรือ ระบบจดจำใบหน้า แทนการพกบัตรโดยสารรถไฟฟ้าในอนาคต เป็นต้น
พร้อมกันนี้ รฟม. เตรียมเดินหน้าในการบริหารสินทรัพย์และการพัฒนาเชิงพาณิชย์ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นนำด้านการกำกับดูแลบริการโครงข่ายรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่มีความยั่งยืนและพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น
@ก่อสร้าง”สีม่วงใต้-สีส้ม”ก้าวหน้าตามแผน
ในส่วนของภารกิจกำกับงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า รฟม. ได้มีการเร่งรัดการดำเนินงานของผู้รับจ้างงานโยธาในพื้นที่ที่สามารถทำได้ ภายใต้เงื่อนไขสำคัญคือ ต้องไม่ลดทอนคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนดไว้ ควบคู่ไปกับการติดตามตรวจสอบมาตรการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนของโครงการอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) มีความก้าวหน้างานโยธา 59.49% และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีความก้าวหน้างานโยธา 14.06% ความก้าวหน้างานระบบรถไฟฟ้า 6.38% (ข้อมูล ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2568)
@ผลักดัน รถไฟฟ้าสายใหม่ 4 เส้นทาง
สำหรับโครงการในอนาคตที่ รฟม. ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินการในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลต่อไป ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย - ลำสาลี (บึงกุ่ม) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเงิน ช่วงบางนา - สุวรรณภูมิ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเทา ช่วงวัชรพล - ทองหล่อ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีฟ้า ช่วงดินแดง - สาทร ซึ่งได้รับการออกแบบให้เป็นขนส่งมวลชนระบบรอง (Feeder Line) ทั้งหมด เพื่อเติมเต็มโครงข่ายได้อย่างสมบูรณ์
@ทบทวนการศึกษารถไฟฟ้าเมืองภูมิภาค
สำหรับโครงการระบบขนส่งมวลชนในเมืองหลักภูมิภาค จังหวัดภูเก็ต จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดพิษณุโลก อยู่ในขั้นตอนทบทวนและปรับปรุงผลการศึกษาวิเคราะห์โครงการฯ ให้เป็นปัจจุบัน เนื่องจากปัจจัยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงการกำหนดอัตราค่าโดยสารเพื่อแบ่งเบาภาระประชาชน ย่อมส่งผลต่อการประเมินมูลค่าการลงทุนโครงการ และการคาดการณ์ปริมาณผู้โดยสาร