การตลาด - อยากได้ใจพี่จีน ต้องเข้าให้ถึงโซเชียลมีเดียจีน อีเทอร์นิตี้เอ็กซ์ เปิดผลวิจัยละเอียดผู้ใช้สื่อจีน ชี้ “ผู้ใช้สื่อจีน” เป็นกลุ่มผู้บริโภคกำลังซื้อสูง เป็นกลุ่มที่ชี้ขาดความสำเร็จของการปีนกำแพงเมืองจีนครั้งนี้ได้ หากอยากติดลมบนแบบ “มิสทิน” ต้องขึ้นเทรนด์บนโลกออนไลน์ของจีนให้ได้
นางสาวชาร์ลีน รี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท อีเทอร์นิตี้เอ็กซ์ มาร์เก็ตติ้ง เทคโนโลยี่ จำกัด เปิดเผยว่า EternityX เป็นบริษัทการตลาดชั้นนำระดับโลก ที่มีความเชี่ยวชาญการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคจีนอย่างมาก จึงได้ลงทุนเปิดสำนักงาน EternityX ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจของ EnternityX ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในฐานะบริษัทการตลาดชั้นนำที่ขับเคลื่อนด้วย AI พร้อมความเชี่ยวชาญที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคจีนทั่วโลก ทำให้เรามีความพร้อมในการทำงานร่วมกับแบรนด์ไทย ช่วยปลดล็อกโอกาส และสร้างการเติบโตใหม่ให้กับแบรนด์ ผ่านการกำหนดเป้าหมายที่แม่นยำและกลยุทธ์การตลาดที่ชาญฉลาดทางวัฒนธรรม
ด้านนายเดอริค วอง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจ Global บริษัท อีเทอร์นิตี้เอ็กซ์ มาร์เก็ตติ้ง เทคโนโลยี่ จำกัด กล่าวต่อว่า ทั้งนี้บริษัทมีข้อมูลเชิงลึกจากรายงาน S.E.A of Change | Thailand Edition: The Rise of Chinese Media Users Redefining Modern Living and Consumer Power หรือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งการเปลี่ยนแปลง: การเติบโตของผู้ใช้สื่อจีนที่กำลังนิยามชีวิตสมัยใหม่และอำนาจของผู้บริโภค ด้วยว่า กลุ่มผู้ใช้สื่อจีนไม่ได้หมายถึงคนสัญชาติจีนเท่านั้น แต่หมายถึงทุกคนที่ใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลของจีนอย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในประเทศไทย ผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้กลายเป็น "Aspiration Trailblazers" หรือ “ผู้บุกเบิกไลฟ์สไตล์” ที่ให้ความสำคัญกับไลฟ์สไตล์ เชี่ยวชาญการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เน้นการมีประสบการณ์ และเทรนด์โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลอย่างมากกับผู้บริโภคกลุ่มนี้ ที่สำคัญกลุ่มผู้ใช้สื่อจีนเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่เติบโตรวดเร็ว ใช้จ่ายสูง และมีส่วนเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีอิทธิพลและมีกำลังซื้อสูงที่สุดในประเทศไทย
สำหรับข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญจากรายงานนี้ พบว่า ผู้ใช้สื่อจีนในไทยมีอัตราการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลจีนสูงที่สุดในภูมิภาค โดย 78% เลือกใช้แอปพลิเคชันจีนเป็นประจำทุกวัน สูงสุดเมื่อเทียบกับสิงคโปร์ที่มี 70% และมาเลเซียที่มี 71% นับเป็นการรวมตัวทางดิจิทัลบนแพลตฟอร์มจีนที่แข็งแกร่งที่สุดในภูมิภาค
การศึกษายังพบว่า 47% ของผู้ใช้สื่อจีนในไทยมีกำลังซื้อโดดเด่น ใช้จ่ายมากกว่า 7,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 231,000 บาทต่อคนต่อปีไปกับสินค้าพรีเมียม เมื่อเทียบกับสิงคโปร์42% และ มาเลเซีย 43%
นอกจากนี้ 36% นิยมช้อปปิ้งผ่านอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนและการไลฟ์สดอย่างมาก ขณะที่ 14% ใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงต่อวันบนแพลตฟอร์มสื่อดิจิทัล ซึ่งมากที่สุดใน 3 ประเทศ ซึ่งการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าวได้รับอิทธิพลมาจากโซเชียลมีเดีย KOLs และแคมเปญการตลาดจากแบรนด์เป็นหลัก
ในแง่ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ พบว่า ประเภทสินค้าที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ได้แก่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, เครื่องสำอาง และเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะที่ 45% ใช้บริการผ่าน WeChat Pay กำลัง การใช้จ่ายนี้ได้รับแรงหนุนจากกระแสการลงทุนจำนวนมากของจีนทั้งจากบริษัทสัญชาติจีนและไต้หวัน ในปี 2567 ด้วยมูลค่าการลงทุน 1.09 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.1% สร้างงานมากกว่า 30,000 ตำแหน่ง
ยังพบอีกว่า สัดส่วนการถือครองคอนโดมิเนียมของผู้ซื้อชาวจีนมีถึง 10.8% และจำนวนนักศึกษาจีนในมหาวิทยาลัยไทยเพิ่มขึ้น 455% ในช่วงปี 2556 – 2566 ที่ผ่านมา
การศึกษาดังกล่าวแนะ 4 กลยุทธ์สำคัญสำหรับแบรนด์ที่ต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายข้างต้น คือ 1.กลยุทธ์การตลาดที่เน้นประสบการณ์ที่ยกระดับไลฟ์สไตล์และสถานะทางสังคม 2.กลยุทธ์การขยายอิทธิพลทางสังคมผ่าน KOLs รวมถึงการบอกต่อจากกลุ่มเพื่อน 3.กลยุทธ์การวางตำแหน่งเป็นผู้นำเทรนด์ และ 4.กลยุทธ์ความเป็นเลิศด้านการค้าข้ามพรมแดนพร้อมศักยภาพในการบูรณาการความเป็นนานาชาติ
อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือวิธีการชำระเงิน เนื่องจาก 54% ของผู้บริโภคพิจารณาซื้อผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่รองรับการชำระเงินของจีน โดย 11% ปฏิเสธการซื้อทันทีเมื่อไม่มีตัวเลือกดังกล่าว
นอกจากนี้ การศึกษาด้านรูปแบบการบริโภคสื่อยังพบว่าผู้บริโภคนิยมคอนเทนต์รีวิวและแนะนำสินค้า รวมทั้งการใช้ภาษาจีนตัวย่อในโปรโมชันสามารถกระตุ้นความตั้งใจซื้อได้ทันทีถึง 43% สะท้อนถึงความซับซ้อนในการเข้าถึงแพลตฟอร์มจีนอย่าง WeChat (วีแชท), Douyin (โต่วหยิน), และ Xiaohongshu (เสี่ยวหงซู) กับดิจิทัล อีโคซิสเต็มต่าง ๆ ของจีน
“แบรนด์ในประเทศไทยที่ต้องการประสบความสำเร็จในตลาดนี้ควรผสานไลฟ์สไตล์กับวัฒนธรรมของผู้บริโภค สร้างคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจีนร่วมกับ KOLs และไลฟ์สตรีมเมอร์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น กระตุ้นการซื้อ พร้อมสร้างช่องทางอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนและรองรับการชำระเงินของจีน นอกจากนี้การออกแบบโปรโมชันที่ผสมผสานความคุ้นเคยทางคุณค่า วัฒนธรรม และการเร่งเร้า เน้นสื่อสารความเป็นของแท้ ความยั่งยืน และประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ ด้วยข้อความสองภาษาและมีภาษาจีนด้วย จะเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าถึงและสร้างการมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว” นายวอง กล่าว
ประเทศไทยยังเป็นเดสติเนชั่นที่สำคัญของคนจีนที่ยังอยากจะมาท่องเที่ยว แม้วันนี้จะมีปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ก็ไม่ได้ส่งผลต่อแผนการมาท่องเที่ยวในไทย ถึงแม้ตัวเลขนักนักเที่ยวจีนมาไทยปีนี้จะลดลงมาเป็น 5 ล้านคนจากเดิมที่มองว่าจะสูงถึง 7.6 ล้านคน แต่การใช้จ่ายยังสูง เฉลี่ยใช้จ่ายต่อวันไม่ต่ำกว่า 6,000 บาท ดังนั้นหากไทยอยากให้จีนมาท่องเที่ยวมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องเน้นสื่อสารเรื่องความปลอดภัย เพราะยิ่งเน้นจะยิ่งสร้างสับสนและความกังวล แต่ควรเน้นหรือให้ความสำคัญกับสิ่งอื่นๆ ที่จะเป็นจุดขายดึงดูดให้คนจีนมาเที่ยวมากกว่า
“ตลาดจีน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้สื่อจีนทั้งที่อยู่ในจีนเอง คนจีนที่อยู่ในไทย และใครก็ตามที่ใช้สื่อจีน ถือเป็นตลาดที่ใหญ่มากๆ เป็นกลุ่มที่มีการใช้แอปลิเคชั่นที่แตกต่างจากไทย ซึ่งแบรนด์ไทยหรือธุรกิจไทยยังเข้าไปสื่อสารและทำการตลาดน้อยมากๆ จึงยังไม่มีตัวเลขว่า ปัจจุบันการใช้สื่อจีนของแบรนด์ไทยมีมูลค่าเท่าไร ขณะที่ในแอปเหล่านี้คนจีนมีการใช้งานและเสิร์ชหาแบรนด์ไทย โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวกับการมาเที่ยวประเทศไทยสูงมาก จึงอยากให้แบรนด์ไทยคว้าโอกาสนี้เพื่อเข้าถึงตลาดจีนให้มากขึ้น“
โดยพบว่า ”มิสทิน“ ถือเป็นแบรนด์ไทยอันดับหนึ่ง ที่คนจีนรู้จัก และเป็นแบรนด์ไทยที่เข้ามาทำตลาดบนสื่อโซเชียลจีนจนประสบความสำเร็จอย่างเห็นได้ชัด ส่วนแบรนด์ดังแบรนด์ไทยใหญ่ๆ ที่เข้าไปทำตลาดบนสื่อจีนนั้น พอมีให้เห็นอยู่บ้างแต่ส่วนใหญ่ไม่แอกทีฟ ขณะที่แบรนด์ไทยอื่นๆ ที่เป็นท็อปออฟมายด์ ที่คนจีนจะนึกถึงเป็นอันดับแรกๆ ยังพอมีอยู่ เช่น เถ้าแก่น้อย บิ๊กซี ไอคอนสยาม เป็นต้น.
ไวท์เปเปอร์ "S.E.A of Change | Thailand Edition: The Rise of Chinese Media Users Redefining Modern Living and Consumer Power” หรือ "เอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งการเปลี่ยนแปลง: การเติบโตของผู้ใช้สื่อจีนที่กำลังนิยามชีวิตสมัยใหม่และอำนาจของผู้บริโภค" สำรวจกลุ่มผู้ใช้สื่อจีนจำนวน 800 คนทั่วสิงคโปร์ (300), มาเลเซีย (300), และไทย (200) ระหว่างวันที่ 13 - 20 มีนาคม 2568 เกณฑ์คุณสมบัติผู้ตอบแบบสอบถาม เป็นผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ปัจจุบันอาศัยในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย โดยมีวีซ่าระยะยาว/ เป็นผู้ที่อยู่ถาวร/ ได้สัญชาติ สามารถอ่านภาษาจีนตัวย่อ และมาจากครอบครัวจีนแผ่นดินใหญ่