ทอท.เผยศึกษาแก้ปัญหาสัญญาดิวตี้ฟรี เสร็จกลางก.ย.นี้ ยังไม่ชัด ยกเลิก หรือ เจรจาแก้สัญญา ยันเลือกแนวทางที่ดีที่สุด ไม่กระทบบริการและผู้ถือหุ้น ชี้หากที่ปรึกษาแนะเจรจาแต่”คิงเพาเวอร์” ไม่รับข้อเสนอก็ต้องยกเลิกสัญญา
นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) หรือทอท. เปิดเผยถึงความคืบหน้าแนวทางการแก้ปัญหาการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) ณ ท่าอากาศยาน ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ ทอท. ว่า จากที่ทอท.ได้ว่าจ้าง สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ 2 แห่ง เป็นที่ปรึกษา เพื่อศึกษาแนวทางในการแก้ไขปัญหา สัญญาประกอบกิจการดิวตี้ฟรีในท่าอากาศยาน ของบริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) จากที่ คิงเพาเวอร์ฯ ได้ส่งหนังสือถึงทอท.ขอหารือแนวทางในการพิจารณายกเลิกสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร รวมทั้งหมด 3 ฉบับ ได้แก่ สัญญาดิวตี้ฟรี ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ , สัญญาดิวตี้ฟรี ท่าอากาศยานดอนเมือง และ สัญญาดิวตี้ฟรี 3 ท่าอากาศยานในภูมิภาค ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่ ที่ปรึกษาได้ทำการวิเคราะห์สัญญาว่ามีประเด็นปัญหาอย่างไร สามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขได้หรือไม่ กรณีที่ต้องปรับปรุงแก้ไขสัญญา มีวิธีการอย่างไร หรือข้อเสนอแบบใดที่เป็นประโยชน์ต่อทอท.หรือหากต้องยกเลิกสัญญาจะเกิดผลกระทบหรือประโยชน์กับ ทอท.อย่างไร
ขณะนี้อยูในกระบวนการศึกษา ซึ่งมีความคืบหน้าพอสมควร คาดจะสรุปผลการศึกษาได้กลางเดือนก.ย. 2568 จากนั้นจะนำเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. ในปลายเดือนก.ย.หรือไม่เกินต้นเดือนต.ค. 2568 จากนั้น จึงจะเจรจากับ บจ.คิงเพาเวอร์ ฯ ซึ่งคาดว่าจะเจรจาจบภายในเดือนต.ค. 2568 โดยทอท.มีคณะกรรมการตรวจการจ้างฯ ที่จะช่วยดูผลการศึกษา จากนั้นยังมีคณะกรรมการกลั่นกรองฯ พิจารณาก่อนที่ที่จะเสนอบอร์ดทอท.
“ผลการศึกษา เป็นไปได้ทั้ง เสนอให้ยกเลิกสัญญาหรือแนวทางปรับแก้ไขที่มีผลดีต่อทอท. ซึ่งกรณีแก้ไข ต้องเจรจากับ คิงเพาเวอร์ฯ แต่ที่สุดคิงเพาเวอร์ฯ ไม่รับข้อเสนอนั้น ก็จะกลับไปที่การยกเลิกอยู่ดี เพราะ ไม่ใช่ว่าต้องหาทางทำอย่างไรให้ คิงเพาเวอร์ฯ อยู่ได้ แต่การศึกษามีหลักการเพื่อ ทอท.ภายใต้บริบทเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่านั้น ทอท.จะเลือกแนวทางที่ดีที่สุด ทั้งประเด็นการบริหารสัญญา แนวทางที่เป็นประโยชน์สูงสุดในด้านรายได้ ธรรมาภิบาล รวมถึงการเติบโตของทอท. ซึ่งไม่เฉพาะแค่รายได้เท่านั้น แต่รวมถึงทุกๆสิ่งที่เป็นองค์ประกอบ”
นางสาวปวีณากล่าวว่า ทอท.ต้องบริหารความเสี่ยงในทุกๆ ด้าน เพราะหลังเกิดสถาการณ์ โควิด-19 มีการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกมากมาย หลายส่วนปรับตัวกันไม่ทัน จะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการแต่ละสนามบินเสนอขอให้ทอท.ช่วยเหลือมากมาย รวมถึงขอแก้ไขสัญญาด้วย ซึ่งทอท.ให้ความสำคัญคู่สัญญาเท่าเทียม ไม่ใช่เฉพาะสัญญาดิวตี้ฟรีแต่รวมถึงสัญญาอื่นๆ ด้วย แต่สัญญาอื่นๆ อาจไม่เป็นที่สนใจของสื่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ต้องยกเลิกสัญญาแล้วเปิดประมูลใหม่ แต่คิงเพาเวอร์ฯยังเป็นผู้ชนะ แต่ทอท.ได้ผลประโยชน์ตอบแทนน้อยลงจากสัญญาปัจจุบัน จะชี้แจงอย่างไร นางสาวปวีณากล่าวว่า ทอท.จะดำเนินด้วยหลักธรรมาภิบาลและยึดผลประโยชน์ขององค์กรที่ต้องเติบโตได้อย่างมั่นคง จะไม่หนีปัญหา ไม่ว่าจะเลือกแนวทางใด ทอท.จะได้ประโยชน์สูงสุด
“ต้องยอมรับไม่ว่าจะเป็นสัญญาดิวตี้ฟรี หรือสัญญาใดๆ หากเกิดปัญหา ก็จะส่งผลกระทบต่อทอท. ซึ่งจะกระทบไปถึงบริการผู้โดยสารด้วย ดังนั้นการเลือกแนวทางไม่เลือก เพราะสะใจ หรือ ช่วยเหลือกันอย่างเดียว แต่เป็นสิ่งที่ต้องคิดให้รอบด้าน เพื่อให้การบริหารท่าอากาศยาน ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบาย และได้มาซึ่งค่าตอบแทนและกำไรกลับสู่ผู้ถือหุ้น ซึ่งปัจจุบันรายได้จากสัญญาดิวตี้ฟรี มีสัดส่วนประมาณ 17% จากรายได้รวมทั้งหมด”