ผู้จัดการรายวัน 360- ตลาดแฟชั่นแบรนด์เนมมือสองโตดีกว่ามือหนึ่ง “สหกรุ๊ป” ลุยต่อเนื่อง ร่วมทุน “เวิลด์กรุ๊ป” เป็นครั้งที่สอง นำ แร็กแท็ก (RAGTAG) ร้านสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมมือสองจากญี่ปุ่น เปิดตัวสาขาแรกในไทยที่ One Bangkok หลังพบคนไทยสายแฟทุกช่วงวัย ชอปปิ้งแฟชั่นแบรนด์เนมมือสองสูงมาก มั่นใจแร็กแท็กจะเติบโตตามเป้า เดินหน้าขยายสาขาเพิ่ม 1-2 สาขาต่อเนื่องใน 3-5 ปีนี้
นายฮายาโตะ โมเทกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์ สห (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหาร แร็กแท็ก (RAGTAG) เปิดเผยว่า แร็กแท็ก เป็นช็อปสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมและลักชัวรี่มือสอง ที่มุ่งเน้นอยากให้ทุกคนสามารถเข้าถึงสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนม เปิดดำเนินการจนประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2528 สาขาแรกอยู่ในย่านฮาราจูกุ โตเกียว ปัจจุบันมี 24 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท ทินแพนแอลลี่ (Tin Pan Alley CO. LTD) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเวิลด์กรุ๊ป ผู้นำในธุรกิจค้าปลีกเสื้อผ้าแฟชั่นของญี่ปุ่น
ล่าสุดพร้อมรุกตลาดในไทย เป็นการร่วมทุนกันระหว่าง สหกรุ๊ป นำโดย บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กับ เวิลด์กรุ๊ป ในประเทศไทย โดยแร็กแท็กสาขาแรก เปิดให้บริการแล้วที่ One Bangkok พบว่าเป็นที่รู้จักในกลุ่มคนไทยที่เคยซื้อในญี่ปุ่นบ้างแล้ว จากนี้จะมุ่งสร้างการรับรู้ในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งกลุ่มเป้าหมายในไทยนั้น พบว่ามีทุกช่วงวัยที่ชื่นชอบแฟชั่น และแบรนด์เนม สินค้ามีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักแสนบาท
ทั้งนี้ตามแผนงานเน้นเจาะกลุ่มสายแฟชั่นเป็นหลัก ตั้งแต่ เด็ก คนรุ่นใหม่ คนทำงาน รวมถึงกลุ่มสูงอายุ ที่ชื่นชอบแฟชั่นแบรนด์เนม โดยมีอายุตั้งแต่ 25-45 ปี เป็นหลัก และจะมุ่งสร้างความสำเร็จให้กับสาขาแรก รวมถึงขยายสาขาไปยังแหล่งช้อปปิ้งหลักอื่นๆ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก เบื้องต้นครึ่งปีหลังนี้จะเปิดอีก 1 สาขา หรือใน 3-5 ปีนี้จะขยายเพิ่ม 1-2 สาขาทุกปีต่อเนื่อง รวมถึงขายผ่านช่องทาง Online อีกส่วนหนึ่งด้วย
“การเปิดช็อปแร็กแท็กสาขาแรกที่ One Bangkok ถือเป็นการปักหมุดสู่ตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการ มองว่า One Bangkok เป็นศูนย์กลางของไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม ที่ตอบโจทย์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน คุณภาพและความมีสไตล์ ซึ่งก่อนที่จะเปิดช็อปแร็กแท็กสาขาแรก เราเคยจัด POP-UP Store มาก่อนที่เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งช่วยให้เราได้ศึกษาตลาดและรู้จักพฤติกรรมผู้บริโภคคนไทยอย่างลึกซึ้ง ทำให้รู้ว่ามีแบรนด์เนมใดบ้างที่คนไทยนิยม ราคาใดที่เหมาะสม โดยพบว่าผู้บริโภคคนไทยมีศักยภาพสูง มีความสนใจในแฟชั่นเพิ่มมากขึ้น และให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้วย การขยายสาขามายังประเทศไทยจึงถือเป็นสเต็บแรกเพื่อการขยายสาขาในเซาท์อีสเอเชียต่อไป”
ปัจจุบันแร็กแท็กถือเป็นอันดับ 1 ในญี่ปุ่น ในกลุ่มร้านแฟชั่นแบรนด์เนมมือสองจากดีไซน์เนอร์ชื่อดังต่างๆ มีสินค้าแบรนด์เนมและสินค้าลักชัวรี่มือสองกว่า 5,000 แบรนด์ โดยเฉพาะกลุ่มเสื้อผ้าและจิวเวลรี่จะขายดีสุด ขณะที่หลุยส์วิทตองและกุชชี่เป็นแบรนด์ที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ภายใต้คอนเซ็ปต์ร้านที่เป็นมัลติแบรนด์แฟชั่นมือสอง แบรนด์ดี คุณภาพพรีเมี่ยม ราคาเข้าถึงง่าย พนักงานมีความรู้ความเข้าใจในสินค้านำเสนอได้ทั้งลูกค้าทั่วไป และกลุ่มที่เล่นสินค้าแรร์ไอเท็มต่างๆ ซึ่งสินค้าแต่ละชิ้นจะถูกคัดสรรและตรวจสอบคุณภาพเป็นอย่างดีโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์เฉพาะทางจากญี่ปุ่นก่อนนำออกจำหน่าย“
นายฮายาโตะ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามพบว่าตลาดสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมมือสองทั่วโลกเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักต่อเนื่อง เห็นภาพชัดเจนตั้งแต่หลังโควิด และเป็นการเติบโตที่ดีกว่าสินค้ามือหนึ่งที่มีอัตราการเติบโตเพียง 1 หลักเท่านั้น สาเหตุน่าจะมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ทดถอย ทำให้สินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมมือสองเติบโตดีกว่ามือหนึ่ง เพราะนอกจากราคาถูกกว่า ยังเป็นการรับผิดชอบและแสวงหาทางเลือกที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม กับการที่ผู้ชื้อให้ความสำคัญกับความยั่งยืนอีกด้วย ซึ่งฐานใหญ่ของตลาดแฟชั่นแบรนด์เนมมือสองนั้นจะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นหลัก ที่นอกจากชื่นชอบแบรนด์เนมแล้ว ยังชื่นชอบในเรื่องของแฟชั่น และความต้องการที่แตกต่างจากคนอื่นๆ ด้วย