ผู้จัดการรายวัน 360 – เบอร์เกอร์คิง ปรับกลยุทธ์ ไม่เร่งขยายสาขามากอย่างเดียว แต่จะเน้นการเปิดสาขาใหม่ที่่ต้องคืนทุนได้ภายใน 3 ปี พร้อมลดอัตราเร่งลงเน้นคุณภาพทำเล พร้อมเป้าหมายฐานลูกค้าที่ต้องเติบโตเแบบสองหลักทุกปี ล่าสุดคอลแลบนารูโตะ ดันยอดขายขยายฐานลูกค้า
นายอานัส นลินวิลาวัณย์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ปรับกลยุทธ์ในการขยายสาขาร้านเบอร์เกอร์คิงใหม่ โดยจะไม่เน้นการขยายสาขาจำนวนมากเหมือนในช่วงที่ผ่านมาประมาณ 10 กว่าสาขาต่อปี แล้วบางสาขาไม่สามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
กลยุทธ์จากนี้จะเปิดสาขาใหม่เฉลี่ย 5-10 สาขาต่อปี และสาขาใหม่จะต้องสามารถทำกำไรและยอดขายตามเป้าหมาย รวมทั้งต้องคืนทุนภายใน 3 ปี จากเดิมที่่อดีตอยู่ที่ 7 ปี แล้วลดลงมาเหลือเป็น 4 ปี ล่าสุดจะเป็น 3 ปีต้องคืนทุน รวมทั้งการเปิดสาขาใหม่น้อยลงนั้น จะต้องพิจารณาทำเลที่มีความเหมาะสมมากที่สุดในการหาทำเลที่ดีที่ยากมากขึ้น ส่วนปริมาณลูกค้าจะต้องเติบโตสองหลักเฉลี่ย 10%-12%
ทั้งนี้ช่วงครึ่งปีแรก 2568 นี้ยังไม่มีการเปิดสาขาใหม่ แต่ช่วงครึ่งปีหลังจะเปิดประมาณ 4 สาขาใหม่ เช่น ที่ซัสโก้สแควร์ปิ่นเกล้าเปิดวันที่่ 5 สิงหาคมนี้
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ยอดขายยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย เติบโตที่ 11%-12% โดยต้องพยายามรักษาการเติบโตระดับนี้ไว้ให้ได้ เนื่องจากขณะนี้ความท้่าทายช่วงครึ่งปีหลังคือ ปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังคงน้อยลงอยู่ ซึ่งไม่ใช่แค่เบอร์เกอร์คิงเท่านั้น แต่ก็ยังมีอีกหลายผู้ประกอบการหลายแบรนด์อาหารที่มีสาขาอยู่ตามย่านแหล่งท่องเที่ยวก็ได้รับผลกระทบไปตามกัน แต่คาดว่าเมื่อเข้าไตรมาสสี่คาดว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น ภาวะเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น นักท่องเที่ยวจะเริ่มกลับเข้ามามากขึ้น เบอร์เกอร์คิงตั้งเป้าหมายจะเติบโต 15%
ปัจจุบัน เบอร์เกอร์คิง มีสาขารวม 102 สาขา สัดส่วนยอดขายมาจาก ดีลิเวอรี่ 30% ่ส่วนอีก 70% มาจาก ไดร์ฟทรู นั่งทานในร้าน และเทคอเวย์ โดยมียอดดาวน์โหลดแอปประมาณ 2 แสนราย และแอคทีฟประมาณ 5 หมื่นรายต่อเดือน ฐานลูกค้าเดิมใช้บริการ 2-3 ครั้งต่อเดือน และยอดขายนอนเบอร์เกอร์ 20-30%
นายอานัส กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน ตลาดร้านอาหารประเภท QSR ในประเทศไทยมีการแข่งขันที่เข้มข้น โดยปัจจัยสำคัญในการดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ คือ ความแปลกใหม่ กระแสบนโซเชียลมีเดีย และกลยุทธ์การตลาดที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด สำหรับเบอร์เกอร์คิง ซึ่งเป็นร้านเบอร์เกอร์ชั้นนำของประเทศไทย และมีฐานลูกค้าหลักเป็นกลุ่มนักเรียนและคนทำงาน พฤติกรรมของผู้บริโภคกลุ่มนี้มีความโหยหาประสบการณ์จากวัฒนธรรมป๊อป ที่เคยได้รับความนิยมในอดีต เบอร์เกอร์คิงจึงเลือกนำเสนอกลยุทธ์ Nostalgia Marketing เพื่อสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับกลุ่มเป้าหมาย จึงได้เปิดตัวแคมเปญ ‘BURGER KING x NARUTO’ ที่เป็นการร่วมมือกับอนิเมะระดับตำนานที่ครองใจผู้คนทั่วโลก เพื่อส่งมอบประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟให้กับเหล่าแฟนชาวไทยเป็นครั้งแรก”
โดยเปิดตัวเมนูพิเศษ นารูโตะ วอปเปอร์ เบอร์เกอร์ ราคา 239 บาท และเมนู นารูโตะ วอปเปอร์ จูเนียร์ เบอร์เกอร์ ราคา 169 บาท และสำหรับสาขาในพื้นที่ท่องเที่ยว มีเมนู ดับเบิ้ล นารูโตะ วอปเปอร์ ราคา 409 บาท เมนูขนมหวานสีส้มสดใสที่ได้แรงบันดาลใจจากตัวละครนารูโตะ ไม่ว่าจะเป็น ซันเด ส้ม คาราเมล ไอศกรีมซันเดย์ ราคา 35 บาท รวมถึง ส้ม คาราเมล โอริโอ้ ทอร์นาโด ไอศกรีมส้มปั่น ราคา 49 บาท และ พายส้ม คาราเมล ราคา 35 บาท
นอกจากนี้ยังมีฟิกเกอร์ตัวละครลิขสิทธิ์แท้จากนารูโตะ 8 คาแรกเตอร์ ที่ผลิตจำนวนจำกัด 5,000 ชิ้นต่อคาแรกเตอร์ โดยเมื่อซื้อเซตเมนูนักเก็ต 3 ชิ้น พร้อมเครื่องดื่ม 1 แก้ว คู่กับ นารูโตะ วอปเปอร์ จูเนียร์ ราคาเซตละ 299 บาท หรือ นารูโตะ วอปเปอร์ ราคาเซตละ 369 บาท และ ดับเบิ้ล นารูโตะ วอปเปอร์ ในราคา 559 บาท ที่มีจำหน่ายเฉพาะสาขาท่องเที่ยวเท่านั้น รับทันทีฟิกเกอร์ 1 ชิ้น แบบสุ่ม
สำหรับผู้ที่ต้องการสะสมฟิกเกอร์ครบทุกแบบโดยไม่ต้องลุ้น สามารถเลือกสั่ง Toy Set สุดพิเศษ มีจำนวนจำกัด 2,000 เซต ประกอบด้วย ชุดสุดคุ้ม นารูโตะ วอปเปอร์ 3 ชุด คู่กับ นักเก็ต 14 ชิ้น หอมทอดไซส์กลาง 3 ที่ และพายแอปเปิลหรือพายเผือกจำนวน 2 ชิ้น ราคาเซตละ 1,899 บาท หรือ ชุดสุดคุ้ม ดับเบิ้ล นารูโตะ วอปเปอร์ ราคาเซตละ 2,399 บาท
เบอร์เกอร์คิงแต่งร้านสาขารัชดาให้กลายเป็นคอนเซปต์สโตร์ธีมนารูโตะแห่งแรกในประเทศไทย แคมเปญเริ่มวันนี้ - 31 สิงหาคม 2568 คาดว่าจะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ได้ไม่ต่ำกว่า 15%