ส.อ.ท.ปรับลดเป้าหมายผลิตรถยนต์ปี68ลดลงเหลือ 1.45ล้านคัน จากเดิม 1.5ล้านคัน ซี่งเป็นการปรับเป้าเฉพาะผลิตเพื่อส่งออกลดลงเหลือ 9.5แสนคันจากเดิมตั้งไว้ 1ล้านคัน เนื่องจากผลกระทบภาษีทรัมป์ และการรุกตลาดของประเทศคู่ค้าสำหรับยอดผลิตรถยนต์ในเดือนมิถุนายน 2568 อยู่ที่ 130,223 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.98 ขาย 50,079 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.07 ส่งออก 88,085 คัน ลดลงร้อยละ 1.11 ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 3,304 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 314.55 ขายรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 9,373 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 74.87
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ได้ปรับเป้าหมายการผลิตรถยนต์ในปี 2568 จากเดิม 1,500,000 คัน ลดลงร้อยละ 3.33 เป็น 1,450,000 คัน ลดลง 50,000 คัน โดยปรับเป้าเฉพาะผลิตเพื่อส่งออกลดลงร้อยละ 5 จาก 1,000,000 คันเป็น 950,000 คัน ซึ่งเป็นผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่อาจกระทบต่อมูลค่าการค้าโลกภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัว ส่งผลให้กำลังซื้อและยอดจำหน่ายรถยนต์ลดลง ,การเพิ่มความเข้มงวดด้านข้อกำหนดการปล่อยคาร์บอน การยุติการผลิตรถยนต์บางรุ่นเพื่อปรับไลน์การผลิตสู่รุ่นใหม่ ,ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาคของโลก และการรุกตลาดของรถยนต์ในประเทศคู่ค้า ซึ่งเพิ่มการแข่งขันและกดดันยอดขาย
โดยจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนมิถุนายน 2568 มีทั้งสิ้น 130,223 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2568 ร้อยละ 6.44 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2567 ร้อยละ 11.98 เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน โดยเพิ่มขึ้นจากการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) เพิ่มขึ้นร้อยละ 314.55 และผลิตรถกระบะเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.39 จากการผลิตรถกระบะส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.00 และผลิตเพื่อขายในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.27 จากฐานต่ำในเดือนเดียวกันปีที่แล้ว
จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้งวด 6เดือนแรก (เดือนมกราคม - มิถุนายน)ปี 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 724,715 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม - มิถุนายน 2567 ร้อยละ 4.80
ซึ่งรถยนต์นั่ง เดือนมิถุนายน 2568 ผลิตได้ 51,019 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 18.56 โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่ง Internal Combustion Engine (ICE)มีจำนวน 27,020 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2567 ร้อยละ 9.61 ,รถยนต์นั่ง Battery Electric Vehicle (BEV)มีจำนวน 3,304 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2567 ร้อยละ 314.55 ,รถยนต์นั่ง Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV)มีจำนวน 317 คัน ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2567 ร้อยละ 46.99 และรถยนต์นั่ง Hybrid Electric Vehicle มีจำนวน 20,378 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2567 ร้อยละ 73.52
โดยยอดผลิตของรถยนต์นั่งงวด6เดือนแรกปีนี้ มีจำนวน 264,668 คัน เท่ากับร้อยละ 36.52 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.55 โดยแบ่งเป็น รถยนต์นั่ง ICE มีจำนวน 118,730 คัน ลดลงร้อยละ 33.04 ,รถยนต์นั่ง BEVมีจำนวน 23,798 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 380.48
,รถยนต์นั่ง PHEV มีจำนวน 9,937 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 211.6 รถยนต์นั่ง HEV มีจำนวน 112,203 คัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 14.77
สำหรับรถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนมิถุนายน 2568 ผลิตได้ทั้งหมด 78,492 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2567 ร้อยละ 8.39 และตั้งแต่เดือนมกราคม - มิถุนายน 2568 ผลิตได้ทั้งสิ้น 455,678 คัน เท่ากับร้อยละ 62.88 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.37
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ยอดการผลิตเพื่อส่งออกเดือนมิถุนายน 2568 ผลิตได้ 84,918 คัน เท่ากับร้อยละ 65.21 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2567 ร้อยละ 3.85 ส่วนงวด6เดือนแรกปี2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 475,013 คัน เท่ากับร้อยละ 65.54 ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 7.98
โดยรถยนต์นั่งเดือนมิถุนายน 2568 ผลิตเพื่อการส่งออก 24,454 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.50 และงวด6เดือนแรกปี 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 97,570 คัน เท่ากับร้อยละ 36.87 ของยอดผลิตรถยนต์นั่ง ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 35.60
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนมิถุนายน 2568 มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 60,464 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2567 ร้อยละ 4 และ6เดือนแรกปี 2568 ผลิตเพื่อส่งออกได้ทั้งสิ้น 377,443 คัน เท่ากับร้อยละ 82.83 ของยอดการผลิตรถกระบะ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน2567 ร้อยละ 3.50
สำหรับการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศในเดือนมิถุนายน 2568 ผลิตได้ 45,305 คัน เท่ากับร้อยละ 34.79 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2567 ร้อยละ 31.24 และ6เดือนแรกปีนี้ผลิตได้ 249,702 คัน เท่ากับร้อยละ 34.46 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.90
โดยรถยนต์นั่ง เดือนมิถุนายน 2568 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 26,565 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2567 ร้อยละ 36.89 และงวด6เดือนแรกปี2568 ผลิตได้ 167,098 คัน เท่ากับร้อยละ 63.13 ของยอดการผลิตรถยนต์นั่ง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม - มิถุนายน 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.86
รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนมิถุนายน 2568 มียอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 18,028 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.27 และตั้งแต่เดือนมกราคม - มิถุนายน 2568 ผลิตได้ทั้งสิ้น 78,235 คัน เท่ากับร้อยละ 17.17 ของยอดการผลิตรถกระบะ และลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนร้อยละ 23.35
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนมิถุนายน 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 50,079 คัน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2568 ร้อยละ 4.12 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายน 2567 ร้อยละ 5.07 เพราะฐานต่ำของปีที่แล้วจากยอดขายรถยนต์ที่ลดลงมาตลอด 2ปีครึ่งนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2566 เป็นต้นมา ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สามติดต่อกันจากการขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นและรถ PPV เพิ่มขึ้นจากการออกรุ่นใหม่ของบางบริษัท แต่รถกระบะยังคงขายลดลงร้อยละ 19.9 จากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินเพราะหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจในประเทศยังคงอ่อนแอจากการลงทุนภาคเอกชนไตรมาสหนึ่งของปี 2568 ลดลงร้อยละ 0.9 จากไตรมาสหนึ่งของปีก่อน ส่งผลให้แรงงาน โดยภาคการผลิตลดลง 0.4% สาขาก่อสร้างลดลง 5.1% อำนาจซื้อของประชาชนจึงอ่อนแอ
รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มียอดขายในประเทศจำนวน 32,252 คัน เท่ากับร้อยละ 64.40 ของยอดขายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 14.80
แบ่งเป็นรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 12,242 คัน ลดลงร้อยละ 3.36 ,รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 9,263 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 72.82 ,รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 557 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 150.90 และรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 10,190 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.49 รถกระบะมีจำนวน 11,153 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 20.74 รถกระบะไฟฟ้า (BEV) มีจำนวน 110 ในปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถกระบะ REEV มีจำนวน 6 คัน ในปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถ PPV มีจำนวน 4,032 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 55.02 เพราะมีบางบริษัทแนะนำรถ PPV รุ่นใหม่สู่ตลาดในขณะที่ปีนี้ที่ยังไม่มีจำหน่าย
ส่งผลให้รถยนต์มียอดขายตั้งแต่เดือนมกราคม - มิถุนายน 2568 อยู่ที่ 302,694 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันปี 2567 ร้อยละ 1.73 แบ่งเป็นรถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ มีจำนวน 193,683 คัน เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.99 ,รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์สันดาปภายใน (ICE) 72,512 คัน ลดลงร้อยละ 12.28 รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้า (BEV) 54,084 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 61.41 รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสมแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 5,004 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 315.96 ,รถยนต์นั่งและรถยนต์นั่งตรวจการณ์ไฟฟ้าผสม (HEV) 62,083 คัน ลดลงร้อยละ 7.49 รถกระบะมีจำนวน 73,620 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 17.82 รถกระบะไฟฟ้า (BEV) มีจำนวน 369 คัน ปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถกระบะ REEV มีจำนวน 6 คัน ปีที่แล้วไม่มียอดจำหน่าย รถ PPV มีจำนวน 20,714 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้วร้อยละ 9.85
สำหรับรถยนต์เดือนมิถุนายน 2568 ส่งออกได้ 88,085 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วร้อยละ 8.65 แต่ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2567 ร้อยละ 1.11 ลดลงจากการเลิกผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งออกบางรุ่นจากการเข้มงวดเรื่องอุปกรณ์ช่วยเหลือการขับเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงของประเทศคู่ค้า
ประเภทรถยนต์ส่งออกเดือนมิถุนายน 2568 แบ่งเป็น ดังนี้ รถกระบะ 54,988 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 62.43 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 0.79 , รถกระบะ BEV 49 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 0.06 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออก ,รถยนต์นั่ง ICE 16,979 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 19.28 ของการส่งออกทั้งหมด ลดลงจากปี 2567ร้อยละ 15.64
,รถยนต์นั่ง BEV 4 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 0.01 ของการส่งออกทั้งหมด ในปี 2567 ไม่มีการส่งออกรถยนต์นั่ง BEV, รถยนต์นั่ง HEV 4,511 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 5.12 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 22.25 ,รถ PPV 11,554 คัน มีสัดส่วนร้อยละ 13.12 ของการส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 8.01
มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 57,439.52 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2567 ร้อยละ 8.97 แต่เมื่อรวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมิถุนายน 2568 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 79,250.39 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมิถุนายน 2567 ร้อยละ 5.78
สำหรับงวด 6เดือนแรกปีนี้ ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 459,357 คัน ลดลงจากช่วงระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 11.50 แบ่งเป็นรถกระบะ 294,996 คัน ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 2.16 ,รถกระบะ BEV 71 คัน ,รถยนต์นั่ง ICE 70,630 คัน ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 41.22 ,รถยนต์นั่ง BEV 664 คัน ,รถยนต์นั่ง HEV 26,725 คัน ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 2.86 ,รถ PPV 66,271 คัน ลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 5.15
มูลค่าการส่งออกรถยนต์ 314,370.86 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 13.51 แต่เมื่อรวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม – มิถุนายน 2568 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 441,184.40 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 9.17