สกนช.เร่งจัดทำแผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ระยะ 5 ปี (68-72) เตรียมเสนอ กบน.ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ก่อนเสนอ กพช.และ ครม. คาดประกาศใช้ในปลายปีนี้ ลุ้นฐานะกองทุนน้ำมันฯพลิกเป็นบวกในสิ้นปี 68 จากปัจจุบันติดลบ 3.16 หมื่นล้านบาท เนื่องจากกองทุนน้ำมันฯ มีรายรับเข้ามาวันละ 173.52 ล้านบาท
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สกนช.อยู่ระหว่างการทบทวนและจัดทำแผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ระยะ 5 ปีนี้ (ปี 2568-2572) จากแผนฯ เดิมที่ครบกำหนดเมื่อปี 2567 โดยหลักจะพิจารณาความเหมาะสมของราคาน้ำมันดีเซลและ LPG ว่าควรไปช่วยเหลือเมื่อใด ซึ่งแผนรองรับวิกฤตฯเดิมได้กำหนดราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 30 บาทต่อลิตรจะยังมีความเหมาะสมอยู่หรือไม่ เพราะปัจจุบันราคาดีเซลเฉลี่ยอยู่ที่ 32-33 บาทต่อลิตร ดังนั้น แผนรองรับวิกฤตฯ ใหม่ ทาง สกนช.คำนึงถึงปัจจัยหลายด้านมาประกอบการจัดทำเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
เบื้องต้น สกนช.จะเสนอแผนรองรับวิกฤตฯ ไว้หลายซีนาริโอ (scenario) ที่ระดับราคาน้ำมันดีเซล 30-35 บาทต่อลิตร พร้อมระบุข้อดี/ข้อเสีย เพื่อให้คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) พิจารณาอนุมัติภายในเดือนกรกฎาคมนี้ จากนั้นจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป คาดว่าจะเริ่มประกาศใช้แผนรองรับวิกฤตการณ์ฯ ใหม่ในปลายปี 2568
สำหรับการดูแลราคาพลังงานในช่วงสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ระหว่างวันที่ 13-24 มิถุนายน 2568 หรือที่เรียกว่า สงคราม 12 วัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมันดีเซล ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับภาคขนส่งและค่าครองชีพของประชาชน กองทุนน้ำมันฯ ได้เข้าไปบริหารจัดการผ่านกลไกอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ ในการรักษาเสถียรภาพระดับราคาขายปลีกในประเทศ ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนมากจนเกินไป
กบน.ได้มีมติเร่งด่วน จำนวน 5 ครั้งภายในเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์เพื่อลดผลกระทบ โดยเริ่มจากลดอัตราเงินจัดเก็บของกลุ่มน้ำมันดีเซลจากเดิมจัดเก็บอยู่ที่ 2.40 บาทต่อลิตร เป็นการต้องชดเชยอยู่ที่ 0.65 บาทต่อลิตร เพื่อคงราคาขายปลีกไม่ให้เกิน 32 บาทต่อลิตร ทำให้สามารถตรึงราคาหน้าปั๊มน้ำมันไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชนในช่วงเวลาสำคัญ
อย่างไรก็ตาม แม้การรักษาเสถียรภาพ และตรึงราคาน้ำมันในช่วง 12 วันที่ผ่านมา จะส่งผลให้สภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯ ประเภทน้ำมันดีเซลติดลบ คือมีรายจ่ายสูงสุดประมาณ 40.75 ล้านบาทต่อวัน แต่เมื่อสถานการณ์สงครามอิสราเอล-อิหร่าน เริ่มคลี่คลายจากการไกล่เกลี่ยของสหรัฐฯ ราคาน้ำมันโลกก็เริ่มกลับสู่ภาวะปกติ ทำให้กองทุนน้ำมันฯ กลับมาจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ได้อีกครั้ง ปัจจุบันกลุ่มน้ำมันดีเซลมีรายรับประมาณวันละ 57.41 ล้านบาท และกลุ่มน้ำมันเบนซิน มีรายรับประมาณวันละ 96.17 ล้านบาท
ขณะที่ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้ปรับตัวดีขึ้น ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2568 กองทุนน้ำมันฯ ติดลบอยู่ที่ 31,588 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันบวกอยู่ที่ 12,406 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบอยู่ที่ 43,994 ล้านบาท หากสถานการณ์ราคาน้ำมันเป็นเช่นนี้คาดว่ากองทุนน้ำมันฯจะพลิกเป็นบวกได้ภายในปลายปีนี้
ปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯ มีรายรับเข้ามา 173.52 ล้านบาทต่อวัน แบ่งเป็น รายรับจากน้ำมัน 153.86 ล้านบาทต่อวัน และจากก๊าซ LPG ประมาณ 19.66 ล้านบาทต่อวัน ขณะที่หนี้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน จากเดิมปี 2566 อยู่ที่ 105,333 ล้านบาท ปัจจุบันทยอยใช้หนี้คงเหลืออยู่ 53,749 ล้านบาท โดยกองทุนน้ำมันฯ ทยอยชำระคืนหนี้ดังกล่าว 2,000-3,000 ล้านบาทต่อเดือน คาดว่าจะชำระครบตามกำหนดภายในปี 2572
“เมื่อเปรียบเทียบสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน กับกรณีสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน จะพบความแตกต่างในเชิงผลกระทบ และความยืดเยื้ออย่างชัดเจน ซึ่งกลายเป็นบทเรียนสำคัญที่ช่วยเพิ่มวิธีการบริหาร และความรอบคอบในการกำหนดมาตรการบริหารกองทุนน้ำมันฯ ในปัจจุบัน และอนาคต” นายพรชัยกล่าว
ปัจจุบันกระทรวงพลังงานยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสถานการณ์ในทะเลแดง และภูมิภาคอื่นๆ ที่อาจส่งผลกระทบด้านราคาพลังงาน กระทรวงพลังงานโดยรมว.พลังงาน จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมาดูแล ได้แก่ คณะกรรมการเตรียมการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซธรรมชาติ (LNG) ซึ่งมีนายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เป็นประธาน และมีตนร่วมเป็นกรรมการในชุดนี้ โดยคณะกรรมการดังกล่าวจะทำหน้าที่เตรียมการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพื่อรองรับสถานการณ์พลังงานจากวิกฤตในตะวันออกกลาง และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อย่างรอบด้าน
สำหรับการสรรหา ผอ.กองทุนน้ำมันฯ คนใหม่ ล่าสุดทางคณะอนุกรรมการสรรหาผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ระหว่างการเปิดรับสมัครรอบใหม่ ระหว่างวันที่ 8 กรกฎาคม-8 สิงหาคม 2568 หลังจากรอบล่าสุดผลการพิจารณาคัดเลือก สรุปได้ว่าไม่มีผู้ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก ดังนั้นคาดว่าจะได้รายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกภายในปลายเดือนสิงหาคมหรือต้นเดือนกันยายนนี้