องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร เดินหน้าขับเคลื่อนสินค้าเกษตรไทยสู่ตลาดพรีเมียมระดับโลก ประกาศแผนจัดโรดโชว์ใน 3 ประเทศตะวันออกกลาง เจาะตลาดศักยภาพสูง พร้อมสร้างการรับรู้แบรนด์สินค้าไทยในฐานะผลิตภัณฑ์คุณภาพที่สะท้อนวัฒนธรรม วิถีชีวิต และความภาคภูมิใจของเกษตรกรไทย
องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เปิดแผนการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลัง 2568 เดินหน้าขับเคลื่อนสินค้าเกษตรไทยสู่ตลาดระดับพรีเมียม พร้อมผลักดันแบรนด์สินค้าเกษตรไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก ภายใต้แนวคิด “สินค้าแห่งคุณภาพและวัฒนธรรมไทย” โดยเตรียมจัดกิจกรรมโรดโชว์ "Thailand Agri Intertrade" ใน 3 ประเทศศักยภาพสูงในตะวันออกกลาง ได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย อิสราเอล และจอร์แดน
นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร และประธานกรรมการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร เปิดเผยว่า อ.ต.ก. ได้ปรับบทบาทจากผู้จัดการตลาดสินค้าเกษตรแบบเดิม มาเป็น “แขนของรัฐด้านการตลาด” ที่ทำงานร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตรในฐานะฝ่ายผลิต เพื่อร่วมผลักดันเกษตรกรไทยสู่ตลาดระดับบนอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมเปิดเวทีให้เกษตรกรได้เรียนรู้ตลาดจริง พัฒนาสินค้าให้ตรงความต้องการของผู้บริโภค และเสริมสร้างเอกลักษณ์ของสินค้าไทยในระดับนานาชาติ
“อ.ต.ก. วันนี้ไม่ได้หยุดอยู่ที่การเป็นตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรเท่านั้น แต่เป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Partner) ของเกษตรกรไทย ในการผลักดันและวางรากฐานการพัฒนาตลาดอย่างยั่งยืน” นายพีรพันธ์ กล่าว
นายปณิธาน มีไชยโย ผู้อำนวยการ อ.ต.ก. กล่าวว่า แผนดำเนินงานครึ่งปีหลังนี้ ไม่ได้มุ่งเพียงยอดขายโดยตรง แต่เน้นการสร้างแบรนด์ สร้างความเชื่อมั่น และขยายตลาดพรีเมียมในต่างประเทศ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์สินค้าเกษตรไทยให้เป็นสินค้าที่มีคุณภาพสูง มีเอกลักษณ์ และมีความคุ้มค่าคุ้มราคา
นอกจากนี้ อ.ต.ก. ยังพัฒนาแนวทางตลาดสมัยใหม่ อาทิ Digital Marketplace, การขายตรงถึงผู้บริโภค (B2C) รวมถึงบทบาทการเป็น Trader และ Trade Agent เพื่อขยายช่องทางเชิงพาณิชย์ให้แก่เกษตรกรไทย
“สินค้าไทยดีอยู่แล้ว แต่ต้องทำให้โลกเห็น” นายปณิธานกล่าว พร้อมระบุว่า ตลาด อ.ต.ก. ได้รับการพัฒนาให้เป็นมากกว่าสถานที่ค้าขาย แต่เป็น “Market Experience” ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของสินค้า ผ่านรสชาติ วิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม และภูมิปัญญาของผู้ผลิต เพื่อสร้างคุณค่าที่แตกต่าง
ทั้งนี้ สินค้าที่มีศักยภาพสูงในการเข้าสู่ตลาดพรีเมียม อาทิ มะม่วงน้ำดอกไม้ ลำไย และกาแฟอินทรีย์ ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในตลาดต่างประเทศได้สูงถึง 10 เท่า เมื่อเทียบกับสินค้าเกรดทั่วไป โดยมุ่งเน้นการเจาะ “ตลาดเฉพาะกลุ่ม” (Niche Market) ที่มีความเต็มใจจ่าย (Willingness to Pay) แทนการพึ่งพาการแทรกแซงราคาแบบเดิม
สำหรับกิจกรรมโรดโชว์ “Thailand Agri Intertrade” ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ อ.ต.ก. จะเดินหน้าสร้างการรับรู้ในตลาดศักยภาพสูงของภูมิภาคตะวันออกกลาง ได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย อิสราเอล และจอร์แดน ซึ่งล้วนเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง และนิยมบริโภคสินค้าไทย พร้อมใช้กลยุทธ์การตลาดแบบสัมผัสประสบการณ์จริง เช่น การชิม แจกตัวอย่าง และการเล่าเรื่องราวของสินค้า เพื่อสร้างการจดจำและความผูกพันในระยะยาว
แม้งบประมาณจะมีข้อจำกัด แต่อ.ต.ก. บริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้งบเฉลี่ยปีละ 10–16 ล้านบาท สำหรับกิจกรรมทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการเข้าร่วมงานระดับโลกอย่าง International Green Week (IGW) ที่มีผู้เข้าร่วมกว่า 200,000 คนต่อปี พร้อมต่อยอดด้วยงาน Thailand Agri Intertrade ในหลายประเทศ
เป้าหมายสำคัญของการเข้าร่วมงานเหล่านี้ ไม่ใช่เพียงการขายสินค้า แต่เพื่อ "วางตำแหน่งสินค้าเกษตรไทยในใจผู้บริโภคทั่วโลก" และปลุกจิตสำนึกเรื่องคุณภาพของสินค้าไทย ผ่านการสัมผัสโดยตรง
ในด้านการพัฒนาเกษตรกร อ.ต.ก. ยังผลักดันโครงการคัดเลือก "เกษตรกรต้นแบบ" (Flagship Farmers) เพื่อเข้าสู่ตลาดพรีเมียม ผ่านการส่งเสริมการผลิตแบบอินทรีย์ การยึดมาตรฐานสากล (เช่น UDR, ESG) และการพัฒนาทักษะทางการตลาด พร้อมจัดสรรพื้นที่ฝึกขายในตลาด อ.ต.ก. เพื่อสร้างประสบการณ์จริงในการเจรจาราคาและแข่งขันเชิงพาณิชย์
นอกจากนี้ อ.ต.ก. ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับการรถไฟแห่งประเทศไทยเรื่องการขยายสัญญาเช่าพื้นที่ตลาด ซึ่งดำเนินการมานานกว่า 4 ปี โดยหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนเชิงนโยบาย เพื่อลดภาระค่าเช่าที่สูงถึง 185 ล้านบาทต่อปี และนำงบประมาณกลับมาพัฒนาพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกรและผู้ค้า
ในระยะยาว อ.ต.ก. มุ่งวางบทบาทเป็น “Marketing Arms” หรือกลไกการตลาดของภาคเกษตรไทย ที่ไม่เพียงเป็นเวทีซื้อขาย แต่เป็นพันธมิตรที่ร่วมพัฒนาเกษตรกรไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน เชื่อมโยงผู้ซื้อทั่วโลกเข้ากับผู้ผลิตอย่างแท้จริง