ส.อ.ท.ผนึก 4 พันธมิตร “สกสว.-AIEI-PSU-AWS” เปิดตัวโครงการ aFTi มุ่งพัฒนากำลังคน AI ให้กับภาคอุตสาหกรรมและผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ด้านอุตสาหกรรม ชี้ประเทศคู่แข่งทั้งมาเลย์-เวียดนามตื่นตัว พร้อมอัดงบฯ ส่งเสริม AI เต็มสูบ เตือนไทยต้องเร่งสร้างบุคลากร AI เพื่อความอยู่รอดของภาคอุตสาหกรรม
วันนี้ (26 มิถุนายน 2568) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) สถาบันวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AIEI) โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (PSU) เป็นหัวหน้าโครงการ และบริษัท อเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ AWS เปิดโครงการ aFTi หรือโครงการพัฒนากำลังคนทักษะสูงด้านปัญญาประดิษฐ์ในผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมและผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ด้านอุตสาหกรรม โครงการนี้เป็นไปตามกรอบแผนงานการขับเคลื่อนการพัฒนากำลังคนในประเทศให้กับ 3 อุตสาหกรรมได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์ และปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ผศ.ดร.วรรณรัช สันติอมรทัต รองผู้อำนวยการสถาบันวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AIEI) และหัวหน้าโครงการ กล่าวว่า โครงการ aFTi เกิดขึ้นจากปัญหาของการไม่เชื่อมโยงกันของฝั่งผู้พัฒนาของเครื่องมือ AI และฝั่งความต้องการของเครื่องมือ AI ซึ่งโครงการนี้ได้มุ่งเน้นไปที่ความต้องการของภาคอุตสาหกรรม จึงได้ออกแบบโครงการพัฒนากำลังคนทักษะสูงด้านปัญญาประดิษฐ์นี้ขึ้น เพื่อให้ผู้พัฒนาเครื่องมือ AI และผู้มีความต้องการภาคอุตสาหกรรมมาเจอกัน และรับรู้โจทย์ในภาคอุตสาหกรรม และลงมือปฏิบัติสร้างสรรค์ AI โซลูชันได้จริง สามารถขยายผลนำไปสู่การช่วยขับเคลื่อน AI Economy Impact ให้กับประเทศทั้งในมิติของผู้ให้บริการ AI และการนำ AI ไปใช้ในงานภาคอุตสาหกรรมเพื่อลดต้นทุนหรือเพิ่มผลผลิต
“โครงการนี้ประกอบไปด้วยการพัฒนาคนที่เป็นรูปแบบทั้งด้านวิชาการ เพื่อปูพื้นฐาน AI ให้กับทั้งผู้พัฒนาและผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม และรูปแบบที่เข้าพัฒนาร่วมกันในพื้นที่จริง เพื่อให้มีการเรียนรู้แบบลงมือทำจริง ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของโครงการ โดยโครงการนี้ยังได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรระดับโลก คือ AWS ที่ให้ความร่วมมือที่จะพัฒนากำลังคนด้าน AI ไทย โดยสนับสนุนทั้งในรูปแบบของความรู้จากผู้เชี่ยวชาญระดับโลก และด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ไว้ใช้ในการลงมือปฏิบัติจริง ช่วยยกระดับ AI Ecosystem ให้ก้าวไปอีกขั้น" ผศ.ดร.วรรณรัชกล่าว
นายวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ AWS ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Amazon.com กล่าวว่า จากสถิติพบว่าเกินกว่า 90% ต้องการนำ AI มาใช้ในองค์กร ซึ่งไทยเองต้องการนำ AI มาใช้ในองค์กรสูงถึง 94% แต่พบว่ามีการนำ AI มาใช้แล้วประสบความสำเร็จเพียง 30% ส่วนใหญ่ล้มเหลว ส่วนหนึ่งเกิดจากระบบเทคโนฯ หรืออุปกรณ์ซอฟต์แวร์แบบเก่าไม่ตอบโจทย์เทคโนโลยีแบบใหม่ได้ และขาดผู้ปฏิบัติที่มีทักษะด้าน AI
ดังนั้น AWS จึงลงทุนในประเทศไทย วงเงิน 5 พันล้านเหรียญสหรัฐในเวลา 15 ปี เพื่อตอบโจทย์และจะเป็นหนึ่งใน AI HUB เราเห็นความสำคัญด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์เป็นหัวใจสำคัญในการนำ AI มาใช้ และเชื่อว่าจะมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนโครงการ aFTi ครั้งนี้
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาโลกของเราได้เข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในด้าน Digital & AI ซึ่งเข้ามามีบทบาทสำคัญในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจ อุตสาหกรรมและชีวิตประจำวันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หากอุตสาหกรรมไม่ปรับตัวจะถูกดิสรัปชัน (Disruption) อย่างแน่นอน
ขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้านกำลังตื่นตัวเร่งแข่งขันด้าน AI เต็มที่ ซึ่งประเทศไทยไม่อาจรอช้าได้ ภาครัฐได้ตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ (บอร์ด AI) ขึ้นและเพิ่งประชุมนัดแรกเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา มีการวางโรดแมปของประเทศ กำหนดภายใน 2-3 ปีจะต้องมีผู้ใช้ AI ราว 10 ล้านคน และมีผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ราว 9 หมื่นคน ขณะที่กำหนดตั้งงบประมาณไว้เพียงหลักพันล้านบาทเท่านั้น ซึ่งเห็นว่าไม่เพียงพอ เพราะประเทศคู่แข่งอย่างมาเลเซียตั้งงบประมาณเพื่อสนับสนุน AI สูงถึง 4 แสนล้านบาทใน 5 ปี หรือเฉลี่ยปีละ 4 หมื่นล้านบาท เช่นเดียวกับเวียดนามที่ให้ความสำคัญด้าน AI
ที่ผ่านมา ส.อ.ท.จึงได้กำหนดยุทธศาสตร์สำคัญผ่านนโยบาย “4 GO” ได้แก่ Go Digital & AI, Go Innovation, Go Global, Go Green โดยเฉพาะ “Go Digital & AI” ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการผลักดันผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะในกลุ่ม SMEs ให้สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งโครงการ aFTi เป็นอีกหนึ่งโครงการที่สอดคล้องกับนโยบาย Go Digital & AI ที่มีเป้าหมายส่งเสริมองค์ความรู้ การสร้างบุคลากรที่มีทักษะในด้านเทคโนโลยีขั้นสูงของภาคอุตสาหกรรม เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยระบบ Digital & AI อย่างเต็มรูปแบบ
"ส.อ.ท.ได้ประชาสัมพันธ์โครงการ aFTi ไปยัง 47 กลุ่มอุตสาหกรรม 11 กลุ่มคลัสเตอร์ โดยมีสมาชิกรวม 1.6 หมื่นบริษัท พบว่าผู้ให้ความสนใจโครงการนี้ เพื่อนำไปพัฒนาภาคการผลิตเป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงความตระหนักในการปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาธุรกิจ โดย ส.อ.ท.ตั้งเป้าภายใน 3 ปีข้างหน้า สมาชิก ส.อ.ท.ต้องขับเคลื่อนด้วย AI ไม่น้อยกว่า 50%” และใน 5 ปีต้องเพิ่มเป็น 80% เพื่อให้อุตสาหกรรมอยู่รอดให้ได้" นายเกรียงไกรกล่าว
ด้าน ศ.ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เน้นย้ำถึงความสำคัญของ AI ในภาคอุตสาหกรรมว่า ในวันนี้ถือเป็นการแสดงออกถึงพลังความร่วมมือกันหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคเอกชน นำโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เอกชนในอุตสาหกรรม ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ รวมถึงบริษัทชั้นนำทางด้านเทคโนโลยี AI อย่างบริษัท อเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ที่จะมุ่งมั่นในการร่วมกันยกระดับกำลังคนทักษะสูงด้าน AI ให้กับกลุ่มคนทำงานในภาคเอกชนเพื่อให้สามารถเกิด AI Solutions / Products ที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ รวมไปถึงการทำให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถเข้าถึงและใช้งาน AI solutions ที่จะช่วยให้ 47 กลุ่มอุตสาหกรรมของไทยสามารถแข่งขันได้ในเวทีโลกอย่างยั่งยืน