การตลาด – ส่องวิชั่น “สุทธิสาร จิราธิวัฒน์” ซีอีโอ ใหม่ เซ็นทรัล รีเทล (ซีอาร์ซี) นำทัพซีอาร์ซีฝ่าคลื่นพายุเศรษฐกิจ ปัญหาภายนอก วางแผน 3 ปีทุ่มงบ 47,000 ล้านบาท โฟกัสตลาดไทย เวียดนาม ขณะที่อิตาลีอยู่ตัวแล้ว ย้ำยังไม่มีแผนขยายประเทศอื่่นในช่วงนี้ เสริมแกร่งธุรกิจเมนสตรีม ชูกลยุทธ์ “New Heights, Next Growth” ดัน 5 แกนหลักเคลื่อนทัพ
การเปลี่ยนแปลงของบริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ซีอาร์ซี ด้วยการแต่งตั้ง นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ขึ้นมาเป็นแม่ทัพคนใหม่ของซีอาร์ซี ในตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ ซีอีโอ (มีผลตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2568) เป็นสิ่งที่ท้าทายและน่าจับตามองอย่างมาก กับองค์กรค้าปลีกอันดับหนึ่งของไทย
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ที่มีปัจจัยลบไม่แพ้ปัจจัยบวกแต่อย่างใด ไม่ว่าจะในตลาดระดับโลก และตลาดในประเทศเอง
*** นำธุรกิจฝ่าปัจจัยหลากหลาย
นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRCมองภาพรวมว่า สถานการณ์ปัจจุบันของโลกอยู่ในช่วงของหัวเลี้ยวหัวต่อ มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ มีเรื่องสงครามการค้า เรื่องการเมือง เทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว ซึ่งเรามองเห็น 4 เรื่องใหญ่คือ
1. Economic Disruptionการชะลอตัวของจีดีพีโลก จากเดิมที่ไอเอ็มเอฟประกาศว่าจีดีพีโลกจะเติบโตถึง 3% แต่ปรับเปลี่ยนตัวเลขลดลงมาเหลือ 2.8% ขณะที่ปีที่แล้วอยู่ที่ 3.3% และคาดว่าปีหน้าอยู่ที่ 3%
สำหรับธุรกิจของซีอาร์ซีใน 3 ประเทศคือ ไทย ปีนี้คาดว่าจีดีพีอยู่ที่ 1.8% ขณะที่ปีที่แล้วอยู่ที่ 2.5% และคาดว่าปีหน้าอยู่ที่ 1.6%
ประเทศเวียดนาม ปีนี้คาดว่าจีดีพีอยู่ที่ 5.2% ขณะที่ปีที่แล้วอยู่ที่ 7.1% ส่วนปีนี้คาดว่าอยู่ที่ 4%
ประเทศอิตาลี ปีนี้คาดว่าจีดีพีอยู่ที่ 0.4% ขณะที่ปีที่แล้วอยู่ที่ 0.7% และคาดว่าปีหน้าอยู่ที่ 0.8%
2. Leading Industries Shift การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมที่ผ่านมา ธุรกิจหลักๆที่เป็นผู้นำคือ กลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน กลุ่ทสื่อสาร หรือแม้่แต่ค้าปลีก ได้เปลี่ยนมาเป็นธุรกิจยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น กูเกิ้ล แอปเปิล เอ็นมีเดีย ไมโครซอฟท์ เป็นต้น
3. Age of AI Super Cycleปฎิเสธไม่ได้เลยว่า เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคของเอไอที่เข้ามามีบทบาทต่อทั้งชีวิตและธุรกิจอย่างมาก
4. Customer Behavioral change & Demographic Shiftเอไอนี่แหละจะทำให้การดำเนินชีวิตของทุกคน และการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมากๆ
“การทำธุรกิจในยุคที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และพฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นับเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก แต่เซ็นทรัล รีเทล ในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง เรามองความท้าทายเหล่านี้เป็นโอกาส และเป็นแรงขับเคลื่อนให้ เซ็นทรัล รีเทล คิดใหม่และทำใหม่ (Rethink & Reset) โดยนำเทคโนโลยี AI เข้ามาเสริมแกร่งให้กับการทำงานในทุกมิติขององค์กร ทั้งในแง่การเสริมศักยภาพให้บุคลากร เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงทำให้เข้าใจและเข้าถึงลูกค้าได้ลึกกว่าเดิม เพราะผู้บริโภคในทุกวันนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องราคาสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่มองหาประสบการณ์ที่ดีที่สุด คุ้มค่า สะดวก ง่าย และรวดเร็ว สิ่งเหล่านี้จึงกลายเป็นโจทย์ให้เซ็นทรัล รีเทล มุ่งตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าให้ได้ทั้งในช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์ บนอีโคซิสเต็มของเราที่มีความยืดหยุ่น แข็งแกร่ง และพร้อมปรับตัว เพื่อก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอ” ซีอีโอใหม่ กล่าวย้ำ
*** เปิดแผน 3 ปี ทุ่ม 47,000 ล้านบาท
นายสุทธิสาร เปิดเผยว่า ซีอาร์ซี มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งในทุกมิติภายในระยะเวลา 3 ปีนี้ (พ.ศ. 2568-2570) โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ และ EBITDA ต่อปีประมาณ 5% ด้วยงบลงทุนรวมกว่า 45,000-47,000 ล้านบาท
ซีอาร์ซีมีรายได้รวมปี 2567 ประมาณ 262,804 ล้านบาท กำไรประมาณ 8,870 ล้านบาท เติบโต 9%
การลงทุนดังกล่าวจะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการขยายศักยภาพองค์กร เสริมสร้างความมั่นคงทางธุรกิจ และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ตอกย้ำภาพผู้นำตลาดค้าปลีกและค้าส่งอย่างยั่งยืนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ตลอดจนเพื่อสร้างคุณค่าและผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
โดยแผนการลงทุนภายใน 3 ปีนี้ ทั้งในไทยและต่างประเทศหลักๆวางแผนว่าจะเปิด1. ห้างสรรพสินค้าใหม่ประมาณ 1-2 สาขา และรีโนเวทหรือรีโมเดลประมาณ 4-6 สาขา จากสิ้นปีที่แล้ว( พ.ศ.2567) มีห้างสรรพสินค้ารวม 76 แห่่ง , 2. ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต ประมาณ 25-30 สาขา รีโนเวทและรีโมเดล 8-10 สาขา จากสิ้นปีที่แล้วมี 175 แห่ง, 3. ไทวัสดุ ประมาณ13-16 สาขา รีโนเวทหรือรีโมเดล 8-10 สาขา จากสิ้นปีที่แล้วที่มี 86 แห่ง, ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ 2-3 สาขา รีโนเวทหรือรีโมเดล 5-7 สาขา จากสิ้นปีที่แล้วมี 28 แห่ง , โกโฮลเซลล์ 4-6 สาขา รีโนเวทหรือรีโมเดล 6-8 สาขา จากสิ้นปีที่แล้วมี 42 แห่งและ มินิโก ประมาณ 12-15 สาขา จากสิ้นปีที่แล้วมี 14 แห่ง
*** กางโรดแมป กลยุทธ์ “New Heights, Next Growth” ดัน 5 แกนหลัก
ทั้งนี้ เซ็นทรัล รีเทล วางโรดแมป 3 ปี ด้วยการชูกลยุทธ์ “New Heights, Next Growth” ดัน 5 แกนหลัก ยกระดับศักยภาพองค์กรสู่การเติบโตครั้งใหม่ตลอดช่วงปี 2568-2570 ประกอบด้วย
1. Reinforce Customer Focus เข้าใจและเข้าถึงลูกค้าอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผ่านการเสริ
มแกร่ง The 1 Loyalty Program ในไทย และเวียดนาม ที่มีจำนวนสมาชิกรวมกันกว่า 26 ล้านราย ซึ่งในไทยเองนั้น มีประชากรประมาณ 66 ล้านคน ซึ่งเรามีฐานข้อมูลจากสมาชิกเดอะวันประมาณ 20 กว่าล้านคนหรือเกือบ 33% ของจำนวนประชากรไทยทีเดียว ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่ใหญ่มาก
ส่วนที่เวียดนามนั้นมีประชากรมากกว่า 100 ล้านคน แต่เรามีฐานข้อมูล 4% ในขณะนี้ ซึ่งอนาคตวางแผนจะต้องทำให้ได้ถึง 30% ของจำนวนประชากร ตอกย้ำการเป็นเบอร์ 1 ด้าน Loyalty Platform ที่แข็งแกร่งที่สุด พร้อมเดินหน้าขยายฐานกลุ่มลูกค้า Young & Mainstream และเจาะกลุ่มลูกค้า B2B มากยิ่งขึ้นด้วย
2. Strengthen CRC Foundation เสริมรากฐานขององค์กรให้แข็งแกร่ง ด้วยการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจหลัก ทั้งด้านยอดขายและกำไร รวมถึงการขยายและปรับปรุงสาขา พร้อมทั้งรวมเทคโนโลยี แพลตฟอร์ม ให้เป็นหนึ่งเดียว ต่อยอดสู่ประสบการณ์การช้อปปิ้งแบบ Omnichannel ที่ไร้รอยต่อ เพิ่มขีดความสามารถและสร้างรากฐาน เพื่อเร่งเครื่องนำ AI เข้ามาเสริมแกร่ง และผลักดันยอดขายออนไลน์ให้เติบโตแบบ Double Digit อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเร่งขยายธุรกิจ Food และ Mall ในเวียดนาม รวมถึงนำเสนอ Store Format ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายเชิงลึกในแต่ละพื้นที่
3. Expedite New Growth เร่งสร้างการเติบโตให้กับ New Growth Engine ของเซ็นทรัล รีเทล ผ่านการขยาย GO WHOLESALE ด้วย 5 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ การขยาย Private Labels, ก้าวสู่การเป็น HORECA Destination สำหรับกลุ่มธุรกิจอาหาร, เป็นผู้นำเรื่องของสด (Always Fresh-Forward), ขยายสาขาอีกกว่า 12-18 สาขา ภายใน 3 ปี และการพัฒนา New Store Concept และ Fulfillment Store ให้เหมาะกับกลุ่ม HORECA และค้าปลีกอาหาร นอกจากนี้ยังเดินหน้าขยายเครือข่ายธุรกิจของ Auto1 ศูนย์บริการและจำหน่ายอุปกรณ์รถยนต์ครบวงจร ด้วยการเร่งเปิดสาขาเพิ่มไม่ต่ำกว่า 10 สาขาต่อปี ให้ครอบคลุมในทำเลศักยภาพ
4. Scale Synergy สร้างความร่วมมืออย่างเข้มข้นทั้งในองค์กรและนอกองค์กร โดยมุ่งเน้นการทำงานร่วมกันกับธุรกิจทั้งหมดในเครือเซ็นทรัล รีเทล และเซ็นทรัลกรุ๊ป ทั้งในเชิงการเพิ่มยอดขาย และผลักดันการทำงานร่วมกันของพนักงานในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน ตลอดจนการบริหารพื้นที่ขายให้ตอบโจทย์ลูกค้า พร้อมเพิ่มผลตอบแทนการลงทุน (ROI) ด้วยโมเดล Mix-used และ Hybrid Retail Store
5. Disciplined Financial Management บริหารการเงินอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน โดยควบคุมค่าใช้จ่าย เน้นลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ ปรับแผนการลงทุนให้สอดคล้องและยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ พร้อมบริหารโครงสร้างเงินทุนอย่างเหมาะสม เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินและสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้นร
“เราต้องมีการศึกษาและพัฒนาต่อเนื่องเพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคและไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซีอาร์ซีต้องเข้าถึงและเข้าใจลูกค้าอย่างใกล้ชิด จะเห็นได้่ว่าปัจจุบันลูกค้าได้รับการสื่อสารหลายช่องทาง โดยเฉพาะคนไทย สามารถเข้าถึงได้ 5 ช่องทางหรือได้มากกว่า เพื่อหาข้อมูลความรู้กับสิ่งที่ต้องการ” นายสุทธิสาร กล่าว
เช่นการสร้างคอนเซ็ปท์สโตร์ใหม่ๆเช่น Strip Mall หรือ Night Market ตลาดกลางคืนที่ทำมาแล้ว เช่นศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ที่กาญจนบุรี และที่ศรีสมาน หรือสโตร์แบบเดิม ก็ต้องพัฒนาปรับเปลี่ยนเสมอ เช่น การนำโมเดลของไวน์เซลล่าร์ กับเบเกอรี่กับท็อปส์มาไว้รวมกัน เพื่อความเป็นพรีเมียม และบริการที่หลากหลายในที่เดียว เป็นต้น
ซีอีโอ ซีอาร์ซี ยังกล่าวด้วยว่า เป้าหมายหนึ่งที่ซีอาร์ซีสนใจคือ การขยายธุรกิจที่เป็นเมนสตรีม (Main Stream ) หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคนเป็นจำนวนมากที่ต้องบริโภคอุปโภคอยู่่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ร้านออโต้วันศูนย์ดูแลรถ หรือร้านไทวัสดุ ที่คนต้องมีการซ่อมแซมบ้าน เป็นนต้น เช่นเดียวกับท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต กับโกโฮลเซลล์ เนื่องจากเป็นตลาดที่ใหญ่และเป็นพื้นฐานของคนที่ต้องใช้ต้องกินอยู่่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ซีอาร์ซี ทำธุรกิจใน 3 ประเทศหลักคือ ไทย เวียดนาม และอิตาลี (ที่มีห้างหรูรีนาเชนเต้เป็นหลักมากกว่า 10 สาขา) ซึ่งในช่วงการดำเนินงานตามแผน 3 ปีนี้ จะเน้นโฟกัสไทยกับเวียดนามเป็นหลัก ส่วนในยุโรปหรือที่อื่นๆยังคงไม่มีแผนที่จะซื้อห้างใหม่หรือขยายการลงทุนออกไปในประเทศอื่น
โดยในเวียดนามนั้น เป็นตลาดที่ใหญ่ด้วยจำนวนประชากรมากกว่า 100 ล้านคน และมีการเติบโตที่มากเช่นกัน เศรษฐกิจกระจายทั้งประเทศ ไม่ได้กระจุกตัวอยู่แต่เมืองหลักอย่่างโฮจิมินห์ หรือ ฮานอย เท่านั้น ผู้บริโภคพร้อมที่จะใช้จ่าย แม้ว่าโดยเฉลี่ยแล้วรายได้ต่อประชากรต่อปีจะยังต่ำกว่าไทยอยู่
ในเวียดนามจะขยายธุรกิจต่อเนื่อง โดยธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ต อย่างโก โฮลเซลล์จะเน้นเมืองระดับ 1 และ 2 ส่วนมินิโกจะเน้นขยายสาขาในเมืองระดับ 3 และ 4 เป็นต้น
โกโฮลเซลล์ เป็นโมเดลค้าส่งที่ซีอาร์ซีเริ่มทำไม่นานไม่เกิน 2 ปี โดยช่วง 18 เดือนที่ผ่านมาก็สามารถเปิดได้มากกว่า 13 สาขาในไทยแล้ว และประสบความสำเร็จในด้านยอดขายเป็นอย่างดี
นอกจากการขยายธุรกิจเพื่อการเติบโตแล้ว เซ็นทรัล รีเทล ไม่เพียงเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งในทุกกลุ่มธุรกิจ แต่ยังคงยึดมั่นในหลักการ “เติบโตอย่างยั่งยืน” โดยผสานปรัชญาการดำเนินธุรกิจ CRC Care ทั้ง 7 มิติ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของทุกแผนงาน ด้วยความเชื่อว่าความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม คือรากฐานสำคัญของการเติบโตระยะยาว เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กร Net Zero ในปี 2593 และสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน พนักงาน และลูกค้าให้เติบโตอย่างแข็งแรงไปพร้อมกัน
เขากล่าวให้ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันด้วยว่า ขณะนี้กำลังซื้อหายไปพอสมควรตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา ทั้งที่ในภาพรวมไตรมาสแรกปีนี้ยังดีอยู่ ส่วนปัญหาเรื่องสงครามในหลายพื้นที่นั้นคงส่งผลกระทบระยะสั้นมากกว่า และไม่คิดว่าจะดำเนินไปเป็นระยะเวลาที่นาน ขณะเดียวกันภาครัฐก็น่าจะมีมาตรการต่างๆมาสนับสนุนเศรษฐกิจให้ดีกระเตื้องขึ้น
ปัญหาเรื่องการเมืองนั้นก็มีผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ถ้าหากการเมืองมีเสถียรภาพดี ภาพรวมก็จะดีตามไปด้วย ส่วนปัจจัยเสี่ยงกับธุรกิจค้าปลีกจากนีจะมีอะไรอีกหรือไม่นั้น เรื่องก็ยังตอบยาก แต่เรื่องสงครามเราก็เผชิญอยู่แล้ว เรื่องโควิดหนักๆเราก็เจอมาแล้ว เรื่องแผ่นดินไหวก็เจอมาแล้ว คงไม่มีอะไรที่หนักกว่านี้แล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม ในภาคของธุรกิจก็ต้องการให้ภาครัฐเข้ามาสนับสนุนและออกมาตรการต่างๆมากระตุ้นเศรษฐกิจ รวมท้ังควบคุมเรื่องต้นทุนดำเนินการ เช่น ไฟฟ้า ประปา พลังงาน เป็นต้น
จากนี้ไปคงต้องจับตาดู แม่ทัพใหม่ของซีอาร์ซี ว่าจะเดินเกมรุกได้ตามโรดแมปที่วางไว้หรือไม่ อย่างไ