ผู้จัดการรายวัน 360 – ซีอาร์ซี ภายใต้ ซีอีโอใหม่ “สุทธิสาร จิราธิวัฒน์” ทุ่มงบ 3 ปี(พ.ศ. 2568-2570) รวม 47,000ล้านบาท ขยายธุรกิจต่อเนื่อง ในตลาดหลักทั้ง ไทย เวียดนาม อิตาลี พร้อมเดินหน้าโฟกัสธุรกิจกลุ่มเมนสตรีมมากขึ้น วางเป้าเติบโตเฉลี่ยปีละ 5%
นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC เปิดเผยว่า เซ็นทรัล รีเทล มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งในทุกมิติภายในระยะเวลา 3 ปีนี้ (พ.ศ. 2568-2570) โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ และ EBITDA ต่อปีประมาณ 5% ด้วยงบลงทุนรวมกว่า 45,000-47,000 ล้านบาท
การลงทุนดังกล่าวจะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการขยายศักยภาพองค์กร เสริมสร้างความมั่นคงทางธุรกิจ และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ตอกย้ำภาพผู้นำตลาดค้าปลีกและค้าส่งอย่างยั่งยืนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ตลอดจนเพื่อสร้างคุณค่าและผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ซีอาร์ซียังคงมุ่งเน้นตลาดหลักเดิมคือ ไทย เวียดนาม อิตาลี โดยจะยังคงไม่มีการซื้อห้างสรรพสินค้าอื่นหรือการขยายกิจการในยุโรป หรือประเทศอื่น
โดยแผนการลงทุนภายใน 3 ปีนี้ ทั้งในไทยและต่างประเทศหลักๆวางแผนว่าจะเปิดห้างสรรพสินค้าใหม่ประมาณ 1-2 สาขา และรีโนเวทหรือรีโมเดลประมาณ 4-6 สาขา, ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต ประมาณ 25-30 สาขา รีโนเวทและรีโมเดล 8-10 สาขา, ไทยวัสดุ ประมาณ13-16 สาขา รีโนเวทหรือรีโมเดล 8-10 สาขา, ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ 2-3 สาขา รีโนเวทหรือรีโมเดล 5-7 สาขา, โกโฮลเซลล์ 4-6 สาขา รีโนเวทหรือรีโมเดล 6-8 สาขา และ มินิโก ประมาณ 12-15 สาขา
สำหรับในไทยทางซีอาร์ซี มีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังกลุ่มเมนสตรีม (MAINSTREAM ) มากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องกับวิถีชีวิตคนอยู่แล้วมีความต้องการบริโภคและอุปโภค ทั้งธุรกิจที่มีอยู่แล้วกับธุรกิจโมเดลใหม่ๆที่ซีอาร์ซีจะพัฒนาตามมาอีกมาก ซีอาร์ซีมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มเมนสตรีมนี้เพียง 20%
โดยการขยายธุรกิจที่มีความเกี่ยวข้องกันกับกลุ่มเมนสตรีมเช่น ร้านไทวัสดุ ร้านออโต้วัน ร้านโกโฮลเซลล์ เป็นต้น
นายสุทธิสาร กล่าวว่า เซ็นทรัล รีเทล กางโรดแมป 3 ปี ชูกลยุทธ์ “New Heights, Next Growth” ดัน 5 แกนหลัก ยกระดับศักยภาพองค์กรสู่การเติบโตครั้งใหม่ตลอดช่วงปี 2568-2570 ประกอบด้วย
1. Reinforce Customer Focus เข้าใจและเข้าถึงลูกค้าอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผ่านการเสริมแกร่ง The 1 Loyalty Program ในไทย และเวียดนาม ที่มีจำนวนสมาชิกรวมกันกว่า 26 ล้านราย
2. Strengthen CRC Foundation เสริมรากฐานขององค์กรให้แข็งแกร่ง ด้วยการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจหลัก ทั้งด้านยอดขายและกำไร รวมถึงการขยายและปรับปรุงสาขา พร้อมทั้งรวมเทคโนโลยี แพลตฟอร์ม ให้เป็นหนึ่งเดียว
3. Expedite New Growth เร่งสร้างการเติบโตให้กับ New Growth Engine ของเซ็นทรัล รีเทล
4. Scale Synergy สร้างความร่วมมืออย่างเข้มข้นทั้งในองค์กรและนอกองค์กร โดยมุ่งเน้นการทำงานร่วมกันกับธุรกิจทั้งหมดในเครือเซ็นทรัล รีเทล และเซ็นทรัลกรุ๊ป
5. Disciplined Financial Management บริหารการเงินอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน
นายสุทธิสาร มองภาพรวมเศรษฐกิจด้วยว่า เศรษฐกิจโดยรวมอาจจะไม่ได้เติบโตมากมายเหมือนในอดีตแล้ว ทางกลุ่มซีอาร์ซี ต้องมีการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยอาศัยฐานข้อมูลจากเดอะวันที่เรามีสมาชิกมากกว่า 20 ล้านคน เพื่อ่แยกแยะความต้องการของแต่ละกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน
ขณะเดียวกันภาครัฐก็น่าจะมีมาตรการต่างๆมาสนับสนุนเศรษฐกิจให้ดีกระเตื้องขึ้น ซึ่งขณะนี้กำลังซื้อหายไปพอสมควรตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา ทั้งที่ในภาพรวมไตรมาสแรกปีนี้ยังดีอยู่ ส่วนปัญหาเรื่องสงครามนั้นคงส่งผลกระทบระยะสั้นมากกว่า และไม่คิดว่าจะดำเนินไปเป็นระยะเวลาที่นาน
“การทำธุรกิจในยุคที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และพฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นับเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก แต่เซ็นทรัล รีเทล ในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีกและค้าส่ง เรามองความท้าทายเหล่านี้เป็นโอกาส และเป็นแรงขับเคลื่อนให้ เซ็นทรัล รีเทล คิดใหม่และทำใหม่ (Rethink & Reset) โดยนำเทคโนโลยี AI เข้ามาเสริมแกร่งให้กับการทำงานในทุกมิติขององค์กร ทั้งในแง่การเสริมศักยภาพให้บุคลากร เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงทำให้เข้าใจและเข้าถึงลูกค้าได้ลึกกว่าเดิม เพราะผู้บริโภคในทุกวันนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องราคาสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่มองหาประสบการณ์ที่ดีที่สุด คุ้มค่า สะดวก ง่าย และรวดเร็ว สิ่งเหล่านี้จึงกลายเป็นโจทย์ให้เซ็นทรัล รีเทล มุ่งตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าให้ได้ทั้งในช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์ บนอีโคซิสเต็มของเราที่มีความยืดหยุ่น แข็งแกร่ง และพร้อมปรับตัว เพื่อก้าวไปข้างหน้าอยู่เสมอ” นายสุทธิสาร กล่าว