xs
xsm
sm
md
lg

รถไฟหนี้พุ่ง 3 แสนล้าน”แผนฟื้นฟู”ส่อหลุดเป้าปี 70 รื้อแผน’รถจักร-ล้อเลื่อน’งบ 1.7 แสนล้านรับ’ทางคู่-สายใหม่’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รัฐบาลทุ่มงบประมาณในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบรางอย่างมากมายช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่รถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน จำนวน 7 เส้นทาง ระยะทางรวม 993 กิโลเมตร (กม.) วงเงิน 1.24 แสนล้านบาท และอยู่ระหว่างผลักดัน รถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 จำนวน 7 เส้นทาง ระยะทาง 1,479 กม. และทางคู่สายใหม่อีก 2 เส้นทาง มูลค่ารวมกว่า 2 แสนล้านบาท ภายในปี 2568-2572 เส้นทางรถไฟทางคู่เพิ่มขึ้นอีก 3,200 กม. เพิ่มความจุของขบวนรถไฟได้เกือบ 2 เท่า สามารถรองรับขบวนรถได้มากขึ้น สามารถเพิ่มความเร็ว ลดเวลาในการเดินทางลงเฉลี่ยอย่างน้อย 1 ชม.จากปัจจุบัน

“ แต่ปัญหาของการรถไฟฯ ยังมีอีกหลายส่วน โดยเฉพาะหนี้สะสม 3 แสนล้านบาท และผลดำเนินงานที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2568 ต้องต้องกู้เงิน 18,000 ล้านบาท เข้ามาเสริมสภาพคล่องเพื่อแก้ปัญหาขาดกระแสเงินสด ขณะที่ปี 2569 จัดสรรงบประมาณไว้ จำนวน 19,418 ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ จำนวน 8,081 ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน จำนวน 11,336 ล้านบาท ขณะที่มีภาระชำระคืนเงินกู้กว่า 45,000 ล้านบาท”

@จัดหา”รถจักร-รถโดยสาร-แคร่สินค้า”ไม่ขยับ

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย  (รฟท.) กล่าวว่า โครงการรถไฟทางคู่ เป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูกิจการรถไฟ ดังนั้นต้องตอบคำถามให้ได้ว่าลงทุนไปแล้วได้ประโยชน์อะไร เพราะหากมีทางเพิ่มแต่ใช้ประโยชน์ไม่เต็มที่ก็ไม่คุ้มค่า ซึ่งในขณะนี้การรถไฟฯจึงต้องเร่งแผนการจัดหารถจักร ล้อเลื่อน และแคร่สินค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพบริการ และ เป็นไปตามแผนและยุทธศาสตร์ของกระทรวงคมนาคม ที่ต้องการชิฟโหมดการขนส่งทางถนนสู่งระบบรางมากขึ้นเพื่อลดค่าขนส่ง และต้นทุนโลจิสติกส์ของประเทศ

“รถไฟได้รับการพัฒนาอย่างจริงจังช่วง 10 ปี ต่างจากถนนที่มีการจัดสรรงบประมาณพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง แต่การจะให้ระบบรางขึ้นมาเป็นระบบขนส่งหลักยังต้องพัฒนาอีกหลาย รวมถึงต้องมีการการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งอื่นอย่างไร้รอยต่อ ระหว่างสถานี กับแหล่งชุมชนเมืองและเชื่อมแหล่งวัตถุดิบ ส่งต่อไปยังโรงงานผลิตสินค้า และผู้บริโภคอย่างสะดวกที่สุด นอกจากนี้ขนส่งทางราง ยังช่วยลดปัญหาทั้งด้านมลพิษ ลดการเกิดอุบัติเหตุที่มีความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน และ ยังช่วยประหยัดงบซ่อมบำรุงถนนในแต่ละปีลงได้ด้วย ยิ่งปัจจุบัน มีความต้องการเพิ่มขึ้น ทำให้ปริมาณการขนส่งสินค้าทั้งในประเทศและเชื่อมไปยังลาว-จีน หรือทางมาเลเซียเพิ่มขึ้นไปด้วย ซึ่งรถไฟมีศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้า ( CY ) ในพื้นที่ต่างๆ รองรับสินค้าต่อไปยังท่าเรือได้”

@ขาดแคลน”พนักงาน”หวังปลดล็อคมติครม.รับพนักงานเพิ่ม

นอกจากนี้รฟท.ต้องแก้ปัญหาขาดแคลน”คนและเครื่องมือ” คือต้องจัดหาหัวจักร ล้อเลื่อน แคร่สินค้า รถดีเซลราง รถโดยสาร ที่มีคุณภาพมาให้บริการ นอกจากนี้ ยังต้องแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากร เนื่องจาก มติคณะรัฐมนตรี ปี 2541 จำกัด ให้รับพนักงานเพิ่มได้ แค่ 5% ของจำนวนเกษียณ ทำให้พนักงานรถไฟจากเดิมที่มี 20,000 คนเหลือ 9,000 คน ซึ่งไม่เพียงพอต่อการให้บริการ พนักงานต้องทำงานหนัก ล่วงเวลา เกิดความเหน็ดเหนื่อย มีผลต่อสุขภาพ และคุณภาพชีวิต และยังทำให้รฟท.มีภาระมีค่าโอทีสูง โดยเฉพาะคนขับและช่างเครื่องยนต์ ต้องการ 1,000 คน ซึ่ง การรับพนักงานใหม่ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านโอทีลงได้ 200 ล้านบาทต่อปี 


@ ทบทวน”แผนฟื้นฟู”เร่งศึกษาตั้งบริษัทลูก-เน้นโครงการทำได้จริง

เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2568 นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมคณะทำงานกำกับ ติดตาม การดำเนินการตามแผนฟื้นฟูของการรถไฟฯ โดยมีผู้แทน กรมการขนส่งทางราง รฟท. สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม ร่วมประชุม

โดย ได้ติดตามความคืบหน้าประเด็นสำคัญ เช่น แผนการจัดหาและซ่อมบำรุงรถจักรและล้อเลื่อน ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การให้บริการ รวมถึงการศึกษาแนวทางการ ให้เอกชนเดินรถร่วมบนทางของ รฟท. เพื่อเสริมศักยภาพและยกระดับการบริหารจัดการ นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาการจัดตั้ง บริษัทลูกเดินรถสินค้าและซ่อมบำรุงรถจักรและล้อเลื่อน เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงานและสร้างรายได้

ซึ่งได้มี ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ ถึงผลการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูของ รฟท. ประจำไตรมาสที่ 1/2568 และไตรมาสที่ 2/2568 เช่น การพิจารณากำหนดราคาค่าโดยสารรถไฟเชิงพาณิชย์ ในลักษณะที่เทียบเคียงได้กับค่าตั๋วโดยสารเครื่องบิน แต่ยังคงให้ความสำคัญกับการพิจารณาราคาค่าโดยสารของรถเชิงสังคม ที่ผู้มีรายได้น้อยใช้บริการ ควบคู่ไปกับการเร่งปรับปรุงรถโดยสารให้มีคุณภาพและการบริการที่ดีด้วย

รวมทั้ง ให้ รฟท. ศึกษา ข้อดีข้อเสียของการจัดตั้งบริษัทลูก ที่มีอยู่เดิมอย่างรอบคอบ เพื่อให้การจัดตั้งบริษัทลูกเดินรถสินค้าและบริษัทซ่อมบำรุงและล้อเลื่อนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้งเสนอให้นำโครงการที่ยังไม่มีการดำเนินงานออกจากแผนฟื้นฟู เพื่อให้แผนงานมีความกระชับและมุ่งเน้นไปที่การปฏิบัติจริง และขอให้ รฟท. นำข้อสังเกตและข้อเสนอแนะที่ได้รับไปพิจารณาปรับปรุงและนำเสนอแผนงานที่ชัดเจน เพื่อให้การฟื้นฟูของ รฟท. บรรลุเป้าหมายในการเป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพต่อไป


@เขย่าแผน”จัดหารถจักร-ล้อเลื่อน”แนะรวมแพคเกจ ซื้อล็อตใหญ่

รายงานข่าวแจ้งว่า คณะทำงานฯมีข้อเสนอแนะให้รฟท.ปรับปรุงแผนการจัดหารถจักรและล้อเลื่อน โดยให้ทำเป็นแผนใหญ่ เพื่อนำเสนอครม.ขออนุมัติเป็นแผนหลัก และจะทำให้ดำเนินการได้คล่องตัวและทันกับการรองรับเส้นทางรถไฟทางคู่ พร้อมเสนอแนะให้รวมแพคเกจ การจัดซื้อล็อตใหญ่ ที่จะได้ราคาที่ต่ำกว่าการซื้อแบบแบ่งย่อย

“แผนจัดหารถจักรและล้อเลื่อน ของรฟท.มีรายละเอียดแยกย่อยมากเกินไป หลักการ ควรทำแผนหลักว่ามีความต้องการ รถจักร รถโดยสาร แคร่สินค้าจำนวนเท่าไร ขณะที่การจัดหารวมเป็นแพคเกจใหญ่ จะเพิ่มอำนาจต่อรองกับผู้ผลิต จะทำให้ได้ราคาที่ต่ำกว่าการแบ่งย่อยจัดซื้อ เช่น รถโดยสารในอนาคตจะเป็นรถปรับอากาศเชิงพาณิชย์ทั้งหมด เพื่อยกระดับบริการ ส่วนบริการเชิงสังคม จะมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสนับสนุนประชาชนกลุ่มนั้น ซึ่งในการใช้บริการไม่ต้องแยกขบวนเชิงพาณิชย์และเชิงสังคมอีกต่อไป

@แผน”รถจักรและล้อเลื่อน”กว่า 1.75 แสนล้าน รองรับทางคู่

แผนฟื้นฟูของการรถไฟฯ นอกจากพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรถไฟทางคู่ระยะที่2 และรถไฟทางคู่สายใหม่แล้ว ยังมีแผนการจัดหาและซ่อมบำรุงรถจักรและล้อเลื่อน เพื่อรองรับรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 และ สายใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ หารายได้เพิ่ม ซึ่งในส่วนของรถจักรนั้น การจัดหาใหม่มีวัตถุประสงค์ เพื่อทดแทนรถจักรที่ให้บริการในปัจจุบันที่มีอายุการใช้งานมานาน และเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน ส่งเสริมและพัฒนาระบบขนส่งที่ลดการใช้น้ำมัน โดยใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีการประมาณการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงของรถจักร Hybrid เปรียบเทียบกับรถจักรดีเซลที่ใช้ในปัจจุบัน ตลอด 30 ปี พบว่า จะลดค่าใช้จ่ายรายปีได้ประมาณ 225.89 ล้านบาท


โดยแผนจัดหารถจักรและล้อเลื่อนมีวงเงินลงทุนประมาณ 169,327 ล้านบาท ได้แก่

1.โครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า พร้อมอะไหล่ จำนวน 113 คัน วงเงินงบประมาณ 23,730 ล้านบาท เพื่อทดแทนรถจักรเก่า อยู่ระหว่างเสนอครม. คาดจัดซื้อจัดจ้าง ปี 2569 ส่งมอบภายในปี ปี 2571

2.โครงการจัดหารถดีเซลรางปรับอากาศ บริการเชิงพาณิชย์ พร้อมอะไหล่ จำนวน 184 คัน วงเงินงบประมาณ 24,150 ล้านบาท เพื่อทดแทนขบวนเดิม 10 ขบวน และเปิดบริการใหม่ 52 ขบวน สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 4.99 ล้านคน คาดมีรายได้ 3,037 ล้านบาท ค่าใช้จ่าย 1,068 ล้านบาท มีกำไร 1,969 ล้านบาท อยู่ระหว่างเสนอครม. คาด จัดซื้อจัดจ้าง ปี 2569 ส่งมอบภายในปี ปี 2571

3.โครงการจัดหารถโดยสารชุด บริการเชิงพาณิชย์ พร้อมอะไหล่ จำนวน 182 คัน วงเงินงบประมาณ 10,502 ล้านบาท เพื่อทดแทนรถโดยสารในขบวนรถด่วน และรถด่วนพิเศษยกระดับสิ่งอานวยความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารทุกกลุ่ม ลดความต้องการในการใช้พลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถลดการใช้พลังงานจากน้ามันเชื้อเพลิง ต่อคันได้ 30 % คาดรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น อีกประมาณ 0.39 ล้านคน อยู่ระหว่างเสนอครม. คาดจัดซื้อจัดจ้าง ปี 2569 ส่งมอบภายในปี ปี 2571

4.โครงการจัดหารถดีเซลรางปรับอากาศ บริการเชิงสังคม พร้อมอะไหล่ จำนวน 216 คัน วงเงินงบประมาณ 27,317ล้านบาท เพื่อทดแทนขบวนรถกลุ่มขบวนรถธรรมดา ชานเมือง และท้องถิ่น จำนวน 94 ขบวน และเปิดเดินขบวนรถ Feeder จำนวน 30 ขบวน อยู่ระหว่างเสนอ บอร์ดรฟท. คาดเสนอครม.ปี 2568 – 2569 จัดซื้อจัดจ้าง ปี 2569-2570 ส่งมอบ ปี 2572

5.โครงการจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ (บทต.) พร้อมอะไหล่ จำนวน 946 คัน วงเงินงบประมาณ 2,460ล้านบาท เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการขนส่งทางราง ขนส่งผ่านศูนย์การขนส่งสินค้าทางรถไฟ (SRTO)จาก ปีละ 4.1 แสนตู้ เป็น 4.7 แสนตู้ และรองรับ ขนส่งคอนเทนเนอร์จากการพัฒนาย่านกองเก็บตู้สินค้า คอนเทนเนอร์ (CY) ในภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ ตามแนวเส้นทางรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 และ 2 ทางรถไฟสายใหม่ คาดอีกประมาณ 9 ล้านตัน อยู่ระหว่างเสนอครม.คาดจัดซื้อจัดจ้าง 2568 ส่งมอบ ปี 2570

6.โครงการจัดหารถจักรสับเปลี่ยน พร้อมอะไหล่ จำนวน 17 คัน วงเงินงบประมาณ 2,845ล้านบาท. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินรถในย่านสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ และลดการใช้น้ามัน คาดเสนอ ครม. ปี 2568 จัดซื้อจัดจ้าง ปี 2569-2570 ส่งมอบรถ ปี 2570

7. โครงการจัดหารถดีเซลราง บริการเชิงสังคม พร้อมอะไหล่ จำนวน 332 คัน วงเงินงบประมาณ 41,987ล้านบาท เพื่อเปิดเดินในเส้นทางสายใหม่ 26 ขบวน และในทางคู่ระยะที่ 2 จำนวน 106 ขบวน อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล เสนอบอร์ดรฟท. ปี 2568 เสนอครม. ปี 2569 จัดซื้อจัดจ้าง ปี 2569-2570 ส่งมอบ ปี 2570

8.โครงการจัดหารถดีเซลรางปรับอากาศ บริการเชิงพาณิย์พร้อมอะไหล่ จานวน 188 คัน วงเงินงบประมาณ 23,776 ล้านบาท เพื่อเปิดเดินขบวนรถ 68 ขบวน ในเส้นทางสายใหม่ และทางคู่ระยะที่ 2 คาดว่าจะสามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นได้อีกประมาณ 6.35 ล้านคน อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล เสนอบอร์ดรฟท. ปี 2568 เสนอครม. ปี 2569 จัดซื้อจัดจ้าง ปี 2569-2570 ส่งมอบ ปี 2570-2574

9.โครงการจัดหารถโดยสารชุด บริการเชิงพาณิชย์ พร้อมอะไหล่ จำนวน 273 คัน วงเงินงบประมาณ 15,560 ล้านบาท เพื่อเปิดเดินขบวนรถ 18 ขบวน คาดว่าจะสามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นได้อีกประมาณ 3.38 ล้านคน เสนอบอร์ดรฟท. ปี 2569 เสนอครม. ปี 2569-2570 จัดซื้อจัดจ้าง ปี 2570-2571 ส่งมอบ ปี 2571-2575


@ซ่อมใหญ่”รถจักร-รถโดยสาร”กว่า 6.1 พันล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีแผนปรับปรุงรถจักรดีเซลและรถโดยสารอีกจำนวนมาก เนื่องจากมีสภาพเก่าและเสียบ่อย ทั้งนี้เพื่อยืดอายุการใช้งานไปอีก 10-15 ปี (ในช่วงรอการจัดหารถจักรใหม่) และ เพื่อสร้างรายได้รถโดยสารและเส้นทางรถไฟท่องเที่ยวเชื่อมโยงจากเมืองหลักสู่เมืองรองตามนโยบายรัฐบาล ได้แก่

1.โครงการซ่อมปรับปรุงรถจักรดีเซลไฟฟ้า GEA จำนวน 36 คัน
วงเงินงบประมาณ 1,692 ล้านบาท
2.โครงการซ่อมปรับปรุงรถจักรดีเซลไฟฟ้า HID จำนวน 21 คัน วงเงินงบประมาณ 777 ล้านบาท
3.โครงการเปลี่ยนเครื่องยนต์รถจักร ALSTHOM จำนวน 10 คัน
วงเงินงบประมาณ 496 ล้านบาท
4.โครงการซ่อมปรับปรุงรถดีเซลราง KIHA 183 จำนวน 17 คัน
วงเงินงบประมาณ 272 ล้านบาท
5.โครงการปรับปรุงระบบรถโดยสาร ชั้น 3 เป็นรถโดยสาร ชั้น 3 ปรับอากาศ จานวน 40 คัน วงเงินงบประมาณ 295 ล้านบาท
6.โครงการดัดแปลงรถโบกี้ไฟฟ้ากาลัง จำนวน 12 คัน วงเงินงบประมาณ 195 ล้านบาท ลงนามในสัญญาแล้ว เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2567 อยู่ระหว่างการออกแบบดัดแปลงตัวรถ เริ่มส่งมอบปี 2568
7. โครงการปรับปรุงรถโดยสารปรับอากาศนั่งและนอน ชั้นที่ 2 เป็นรถโดยสารนั่งปรับอากาศ ปรับปรุงระบบไฟฟ้า และสุขาระบบปิด รถโดยสารปรับอากาศนั่งและนอน ชั้นที่ 2 จำนวน 96 คัน วงเงินงบประมาณ 476 ล้านบาท
8.โครงการซ่อมปรับปรุงรถดีเซลราง DAEWOO จำนวน 39 คัน วงเงินงบประมาณ 975ล้านบาท
9.โครงการซ่อมปรับปรุงรถดีเซลราง THN. , NKF. , ATR. จานวน 24คันวงเงินงบประมาณ 874 ล้านบาท
10.โครงการปรับปรุงดัดแปลงรถ JR-HOKKAIDO จำนวน 10 คัน (Royal Blossom) วงเงินงบประมาณ 120 ล้านบาท


แผนฟื้นฟูรฟท.เริ่มดำเนินการอย่างจริงจัง ตั้งแต่ปี 2561 เป้าหมาย เพื่อแก้ปัญหาขาดทุน และหนี้สินสะสม รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการด้านขนส่งผู้โดยสารและสินค้าเพื่อให้ระบบรางเป็นขนส่งหลักของประเทศ มีรายได้การโดยสารเพิ่มขึ้น 4 เท่า รายได้การสินค้าเพิ่มขึ้น 5 เท่า ก้าวขึ้นเป็นผู้ให้บริการระบบรางของรัฐที่ดีที่สุดในอาเซียนภายในปี 2570 แต่ขณะนี้ ยังห่างจากเป้าหมายอีกไกล ด้วยเพราะปัญหาอุปสรรคต่างๆ ทั้ง สภาพสังคม และเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่รฟท.ยังมีการทำงานแบบเดิมๆ ดังนั้น รฟท.จะต้องเร่งปฎิรูปองค์กรเพื่อให้ขับเคลื่อนสอดคล้องไปกับแผนฟื้นฟู…


กำลังโหลดความคิดเห็น