ครม.ไฟเขียวร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ห้ามตั้งหรือขยายโรงงานผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตหรือเหล็กแท่งเล็กฯ เป็นเวลา 5 ปี มีผลบังคับใช้ถึง 9 มกราคม 2573 หวังคุมคุณภาพและช่วยอุตฯ เหล็กในประเทศ
นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการ ร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง ห้ามตั้งหรือขยายโรงงานผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตหรือเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ทุกขนาด ทุกท้องที่ในราชอาณาจักร พ.ศ. .... เป็นระยะเวลา 5 ปี มีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 9 มกราคม 2573
สาระสำคัญของประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมฉบับนี้ คือ การขยายระยะเวลาการห้ามตั้งหรือขยายโรงงานผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตหรือเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตทุกขนาด ทุกท้องที่ในราชอาณาจักร ออกไปอีกเป็นระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 9 มกราคม 2573 (เดิมสิ้นสุดการใช้บังคับเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2568) เพื่อเป็นการควบคุมกำลังการผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตและเหล็กแท่งเล็กสำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต เพื่อแก้ไขปัญหากำลังการผลิตเกินความต้องการบริโภค (Over Supply) และใช้โอกาสนี้เพื่อเซฟอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศ ควบคุมคุณภาพการผลิต โดยเฉพาะมาตรฐานผลิตเหล็กเส้นชนิด IF ที่พบปัญหาอยู่บ่อยครั้ง
จากผลการตรวจสอบคุณภาพเหล็กของโรงงานหลอมเหล็กจากเตา IF (Induction Furnace) จำนวน 7 แห่งจาก 11 แห่งทั่วประเทศ พบว่ามีผลิตภัณฑ์เหล็กไม่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะค่าโบรอนต่ำกว่ามาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของผู้บริโภคเป็นวงกว้าง และขณะนี้ยังเหลือโรงงานอีก 4 แห่ง ที่อยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบ คาดว่าจะทราบผลในไม่ช้า
นายพงศ์พลกล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมตระหนักถึงผลกระทบอย่างรุนแรงจากการผลิตเหล็กส่วนเกินและการตีตลาดจากเหล็กเส้นราคาต่ำ แต่มีปัญหาด้านคุณภาพ ที่ทะลักเพิ่มมากขึ้นในตลาดจากทุนข้ามชาติ ส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศอย่างชัดเจน และเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างเร่งด่วน จึงได้ผลักดันร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมดังกล่าวโดยขยายเวลาใช้บังคับออกไปอีกเป็นเวลา 5 ปี ซึ่ง ครม.มีมติอนุมัติในหลักการ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา