WHA ลั่นคงเป้ายอดขายที่ดินในนิคมฯปีนี้ 2,350ไร่ แม้ว่าการขายที่ดินในไทยจะเกินเป้าที่ตั้ง1,700 ไร่ แต่รอดูการขายที่ดินในนิคมฯที่เวียดนามก่อน หลังเจอผลกระทบสหรัฐฯขึ้นภาษีตอบโต้ แย้มเร่งเซ็นขายที่ดินอีก500กว่าไร่ในสิ้นมิ.ย.นี้ ชี้หากไม่ทันก็เลื่อนไปต้นเดือนหน้าแทน มั่นใจปัญหาการเมืองในประเทศไม่ผลกระทบ
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทเตรียมเซ็นสัญญาขายที่ดินในนิคมฯ 500กว่าไร่กับบริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่คาดว่าจะเซ็นสัญญาภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ แต่หากปิดดีลขายที่ดินไม่ทันก็จะเลื่อนไปเป็นต้นเดือนกรกฎาคม 2568แทน ขณะที่ยอดโอนที่ดินในไตรมาส2/2568 อยู่ที่ 500ไร่
ส่วนไตรมาส 3/2568 ยอดการขายที่ดินในนิคมฯคาดว่าจะอยู่ที่ 1,000 ไร่ หากดีลการขายที่ดินให้กับบริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าปิดไม่ทันในเดือนมิถุนายน 2568
นอกจากนี้ บริษัทยังมีลูกค้า Data
Centerกว่า 20 รายที่สนใจลงทุนซื้อที่ดินในนิคมฯ คาดว่าปีนี้จะสามารถปิดดีลขายที่ดินได้ 2-3 ราย ซึ่งลูกค้าData Center รายใหญ่ จะมีความต้องการที่ดิน 1,000 ไร่แต่จะแบ่งเป็นเฟส ขณะเดียวกันWHAมีปริมาณน้ำและไฟฟ้าเพียงพอรองรับลูกค้า Data Centerช่วงนี้ แต่ในอนาคตจำเป็นต้องขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา
ในปี2568 บริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายที่ดินรวม 2,350 ไร่ แบ่งเป็น ไทย 1,700 ไร่ และเวียดนาม 650 ไร่ และตั้งเป้ายอดโอนที่ดิน 2,000 ไร่ คาดว่าแนวโน้มยอดขายที่ดินในไทยอาจเพิ่มขึ้นเกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ แต่บริษัทยังไม่เพิ่มเป้าหมายใหม่ เพราะรอติดตามการขายที่ดินในนิคมฯที่เวียดนาม หลังจากนักลงทุนต่างชาติชะลอการลงทุนหลังจากสหรัฐฯประกาศภาษีตอบโต้สินค้านำเข้าจากเวียดนาม 46%
ส่วนประเด็นปัญหาการเมืองในประเทศไทย ยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบอุตสาหกรรมนิคมฯ เห็นได้จากรักลงทุนต่างชาติยังมีการลงทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพราะลูกค้าในนิคมฯ ส่วนใหญ่ราว80%ผลิตเพื่อส่งออก
นางสาวจรีพร กล่าวว่าบริษัทได้วางรากฐานที่แข็งแกร่งผ่านกรอบการดำเนินงานด้านความยั่งยืน 5 ปี โดยกำหนดภารกิจสำคัญใน 5 ภารกิจหลัก ดังนี้คือ
1. ระบบนิเวศการขนส่งสีเขียว (Green Mobility): เพื่อสนับสนุนการเดินทางขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในรูปแบบ Built-to-Suit ที่ออกแบบเฉพาะตามความต้องการของลูกค้า เพื่อสนับสนุนความยั่งยืนของภาคโลจิสติกส์ในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์โมบิลิกส์ (Mobilix) ประกอบด้วย บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Rental Service) เป็นบริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (On Premise & Public EV Charging Solution) บริการเครื่องชาร์จและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลและเชิงพาณิชย์ โมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) แพลตฟอร์มดิจิทัลอัจฉริยะอันทันสมัยสำหรับจัดการรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ปัจจุบันMobilix ได้ให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้าไปแล้วกว่า 330 คัน ช่วยให้ผู้ประกอบการโลจิสติกส์สามารถเข้าถึงการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการขนส่งไปได้กว่า 600 ล้านบาท โดยตั้งเป้าให้บริการรถยนต์ไฟฟ้า 20,000 คัน ภายในปี 2572 ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก 280,000 ตัน CO₂e ต่อปี
2. การบริหารจัดการน้ำอย่างครบวงจร (Water Conservation Program): สร้างระบบนิเวศน้ำที่ยั่งยืนครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมและชุมชน ผ่านโครงการ WHA: Clean Water for Planet ด้วยการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ตั้งแต่การจัดหาและพัฒนาแหล่งน้ำดิบเพื่อบริหารความเสี่ยงจากการขาดแคลนน้ำ การผลิตและจำหน่ายน้ำอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท เช่น Clarified Water, Demineralized Water, Water Reclamation การบำบัดน้ำเสียและระบบการนำน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่เพื่อผลิตน้ำคุณภาพสูงสำหรับอุตสาหกรรม ซึ่งช่วยลดการใช้น้ำจากแหล่งธรรมชาติ และลดปริมาณน้ำเสียที่ปล่อยสู่สิ่งแวดล้อม ระบบบำบัดน้ำเสียแบบบึงประดิษฐ์ ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการบริหารจัดการน้ำอัจฉริยะ อาทิ การใช้ AI, IoT, SCADA, Smart Meter (OCR) เพื่อควบคุมการบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปริมาณน้ำสูญเสียในระบบ (Water Loss) และลดการใช้พลังงาน ทั้งนี้ ตั้งเป้าบริหารจัดการน้ำรวม 173 ล้าน ลบ.ม. ในปี 2568 และลดการใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ 25 ล้าน ลบ.ม. ต่อปี ภายในปี2572 ซึ่งเทียบเท่าการใช้น้ำของประชากรกว่า 685,000 คน
3. นวัตกรรมโซลูชันลดคาร์บอน (Decarbonization Solutions): มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมการดำเนินงานทั้งทางตรงและทางอ้อมของ WHA Group ได้แก่ การเร่งติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Rooftop) แบบทุ่นลอยน้ำ (Floating Solar) และแบบบนพื้นดิน (Solar Farm) ในพื้นที่โรงผลิตน้ำ โรงบำบัดน้ำเสีย อ่างเก็บน้ำ อาคารสำนักงาน ที่จอดรถ รวมไปถึงติดตั้ง Solar LED สำหรับระบบแสงสว่างถนนภายในนิคม เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน และลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล โดยจะเพิ่มกำลังผลิตติดตั้งจากโซลาร์ในปี 2568 อีก 1.6 เมกะวัตต์ ประหยัดค่าไฟได้ 6.2 ล้านบาทต่อปี การขยายธุรกิจพลังงานทดแทนด้วยเป้าหมายสัญญา Private PPA สะสม 657 เมกะวัตต์ในปี 2568 และเพิ่มเป็น 1,200 เมกะวัตต์ในปี2572 ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก 683,000 ตัน CO₂e สร้างรายได้กว่า 5,600 ล้านบาทต่อปี และประหยัดค่าไฟให้ลูกค้า 1,860 ล้านบาทต่อปี
4. การก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Construction): กลุ่มบริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาอาคารที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคำนึงถึงผู้เกี่ยวข้องในทุกกระบวนการตั้งแต่การออกแบบ การเลือกใช้วัสดุ การก่อสร้าง โดยบูรณาการแนวทางด้านความยั่งยืนอย่างครอบคลุมภายใต้หลักการสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การเลือกใช้วัสดุคาร์บอนต่ำและวัสดุ รีไซเคิล การให้ความสำคัญกับการจัดการของเสีย และการออกแบบเพื่อสร้างความยืดหยุ่น ความทนทาน และประสิทธิภาพ
5. การจัดการของเสียอย่างยั่งยืน (Waste Reduction by 3R): WHA นำนโยบาย 3Rs ประกอบด้วย Reduce, Reuse, Recycle ซึ่งเป็นแนวทางการจัดการขยะและทรัพยากรอย่างยั่งยืน โดยเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการลดปริมาณขยะฝังกลบให้เป็นศูนย์ (Zero Waste to Landfill) ผ่านโครงการต่างๆ ที่ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ โครงการนำคอนกรีตเหลือใช้มาหล่อบล็อกทางเดินโครงการชลบุรี คลีน เอ็นเนอร์ยี่ (CCE) หรือโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ที่ในปี 2567 สามารถกำจัดปริมาณขยะได้ 120,913 ตัน และเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ 54,823 เมกะวัตต์ชั่วโมง เป็นต้น