xs
xsm
sm
md
lg

“โออิชิ” หนีไพร้ซ์วอร์ ปรับชาบูชิรอบ 20 ปี รับศึก ดึง “สกาย-นานิ” รุกนิวเจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 – “โออิชิ” เดินหน้ารุกครั้งใหญ่ รีเฟรชแบรนด์ “ชาบูชิ” ครั้งใหญ่รอบ 20 ปี รับศึกหนักตลาดร้านอาหารแข่งขันดุเดือด ลั่นไม่ร่วมเล่นสงครามราคาท่ามกลางไพร้ซ์วอร์กระหน่ำ เน้นความคุ้มค่าที่ไม่ใช่แค่ต้องราคาถูก ดึง “สกาย-นานิ” พรีเซนเตอร์คู่ครั้งแรก เจาะตลาดกลุ่มยังเจนเนอเรชั่น


นายไพศาล อ่าวสถาพร ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารสูงสุด สายธุรกิจอาหาร (ประเทศไทย) บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดร้านอาหารทั้งหมดที่มีมากกว่า 700,000 ล้านบาท ยังเป็นตลาดที่มีการเติบโตอยู่ แต่อาจจะไม่มาก ขณะเดียวกันก็เป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง มีผู้ประกอบการรายใหม่เข้าตลาดต่อเนื่อทั้งที่เป็นรายเดี่ยวกับที่เป็นเชน และมีรายเก่าที่ต้องออกจากตลาดไปเช่นกัน ซึ่งไม่นานมานี้ก็มีการเปิดเผยข่าวว่ามีร้านอาหารที่ต้องปิดตัวไปมากกว่า 3,000 ร้านค้า ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีนัก

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแข่งขันที่ดุเดือดเรื่องของราคาโดยเฉพาะในกลุ่มบุฟเฟ่ต์ชาบู สุกี้ ในขณะนี้นั้น กลุ่มอาหารเครือโออิชิ จะไม่ลงไปเล่นเรื่องสงครามราคาแน่นอน แต่จะเน้นในเรื่องของคุณภาพวัตถุดิบอาหาร การบริการ การสร้างประส บการณ์ใหม่ๆ การเสริฟ์เมนูใหม่ๆ การมอบความคุ้มค่า ซึ่งไม่ได้หมายความว่าราคาจะต้องถูกเสมอไป


เขากล่าวด้วยว่า สงครามราคาบุฟเฟ่ต์ชาบู สุกี้ ขณะนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อร้านชาบูชิในเครือโออิชิ แต่อย่างใด เนื่องจาก ชาบูชิ มีความแตกต่างจากตลาดแบรนด์อื่นๆ มีส่วนผสมของชาบูกับซูชิมารวมกัน ในสไตล์ฮอทพอตพลัส แม้ว่าจะต้องแบกรับภาระต้นทุนดำเนินการที่สูงขึ้นมาจาก วัตถุดิบและอื่นๆที่เพิ่มขึ้นอย่างมากก็ตาม โดยยังคงกำหนดระดับราคาไว้ดังนี้เริ่มต้นที่ 399 บาท 499 บาท และ 599 บาท

ล่าสุดโออิชิ ได้ทำการรีเฟรชแบรนด์ ชาบูชิ ครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปีที่ดำเนินธุรกิจมาเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์การแข่งขัน และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ตลอดเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา “ชาบูชิ” ได้สร้างการรับรู้ในฐานะร้านอาหารญี่ปุ่นที่เป็นผู้นำตลาดบุฟเฟต์ชาบู – ชาบู และซูชิ ด้วยคอนเซ็ปต์การเสิร์ฟอาหารบนสายพานเป็นรายแรก ๆ และจำนวนสาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ หรือกว่า 200 แห่ง จนกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่อยู่ในความทรงจำของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง แต่ในวันที่ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มยังเจนเนอเรชั่น การ “ยกเครื่องแบรนด์” จึงกลายเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อให้ “ชาบูชิ” สามารถเชื่อมโยงกับคนรุ่นใหม่ได้อย่างลึกซึ้งและยั่งยืน จนนำไปสู่การรีเฟรชแบรนด์ครั้งใหญ่ในครั้งนี้”
ไฮไลท์หนึ่งคือ การเปิดตัวพรีเซนเตอร์คู่แรกของแบรนด์ ได้แก่ คู่มิตรภาพ(สุดฮอต)แห่งปี #สกายนานิ “สกาย” วงศ์รวี นทีธร และ “นานิ” หิรัญกฤษฎิ์ ช่างคำ ซึ่งเป็นตัวแทนของความสดใส มิตรภาพ และพลังบวก ในแบบที่ผู้บริโภครุ่นใหม่สามารถเชื่อมโยงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งยังสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ ที่รวมความแตกต่างแต่ลงตัว ทั้งชาบู – ชาบู และซูชิ สองรสชาติที่ขาดกันไม่ได้ และช่วยยกระดับแบรนด์ให้ดูเข้าถึงง่ายแต่มีเสน่ห์ เหมาะกับกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มแฟนคลับที่มีอิทธิพลต่อเทรนด์ในโซเชียล


โดยใช้กลยุทธ์การตลาดภายใต้แนวคิด Emotional Experience ดึงจุดแข็งและแนวคิดหลักของแบรนด์ “รสชาติความสุขไม่สิ้นสุด” (Good Taste Great Time Never End) มาพัฒนาต่อยอดสู่ประสบการณ์ที่เชื่อมโยงทั้งอารมณ์และความฟิน ผ่านสามแกนสำคัญ Quality – Creativity – Great Moment (engagement)

• Shabushi ALL-STAR SERIES: ยกทัพเมนูชาบู – ชาบู สุดพรีเมียม และวัตถุดิบคุณภาพที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี ให้ลูกค้าได้สัมผัสถึงความใส่ใจ ความคุ้มค่า และความอร่อยอย่างต่อเนื่อง ในทุกครั้งที่มาใช้บริการ

• Shabushi SUSHI-MASTER SERIES: ยกระดับประสบการณ์ซูชิ...ข้าวปั้นสารพัดหน้า ด้วยเมนูใหม่ที่สร้างสรรค์ขึ้นอย่างตั้งใจและพิถีพิถัน ให้ลูกค้าได้ลองของใหม่ที่อร่อยขึ้นอีกขั้น ตอบโจทย์ทั้งคอซูชิจริงจัง และนักกินสายแชร์

• Shabushi Great Moment: เสริมความประทับใจด้วยบริการที่อบอุ่น และกิจกรรมในร้านที่สร้างโมเมนต์สนุกอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกมื้อไม่ใช่แค่กิน...แต่คือความรู้สึกดี ๆ ที่น่าจดจำและอยากกลับมาอีก


บริษัทได้วางแผนการสื่อสารแบบครบวงจร ผ่านเครื่องมือที่หลากหลาย ทั้งการจัดงานแถลงข่าวในรูปแบบกึ่งแฟนมีต การผลิตภาพยนตร์โฆษณาออนไลน์ที่มี “สกาย - นานิ” ร่วมถ่ายทอดเรื่องราว และส่งต่อ “รสชาติความสุขไม่สิ้นสุด” ไปจนถึงการปล่อยเพลงธีมพิเศษ ที่เชิญแฟน ๆ ร่วมสนุกไปกับจังหวะสดใสแบบฉบับ ชาบูชิ โดยสามารถติดตามคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้ผ่านช่องทางสื่อโซเชียล และสื่อโฆษณานอกบ้าน (OOH) ที่ครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ และหัวเมืองหลักทั่วประเทศ

ภายใต้แผนงาน PASSION 2030 กลุ่มธุรกิจอาหารในเครือไทยเบฟ มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการขยายฐานลูกค้าใหม่ ควบคู่กับการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าปัจจุบันอย่างลึกซึ้ง โดยมีการใช้เทคโนโลยีและข้อมูลผู้บริโภคมาขับเคลื่อนแบรนด์ให้สามารถตอบสนองต่อพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะกลุ่มยังเจนเนอเรชั่น ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญในการสร้างแบรนด์แห่งอนาคต


นายไพศาล กล่าวว่า ในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนเร็ว โดยเฉพาะพฤติกรรมผู้บริโภค ธุรกิจร้านอาหารจำเป็นต้องปรับตัวให้เร็วกว่า ด้วยกลยุทธ์ที่ไม่ใช่แค่การตอบสนอง แต่ต้องเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของลูกค้าให้ได้ ผ่านแบรนด์ที่มีบุคลิก มีอารมณ์ร่วม และมีความเข้าใจอย่างแท้จริง ภายใต้ PASSION 2030 ‘ไทยเบฟ’ มุ่งเสริมศักยภาพให้แบรนด์ในเครือเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะแบรนด์ยุทธศาสตร์อย่าง ‘ชาบูชิ’ ซึ่งเรามองว่า เป็นแบรนด์ที่มีศักยภาพสูงในการเข้าถึงคนรุ่นใหม่ ด้วยภาพลักษณ์ที่สดใหม่ สนุก และพร้อมเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เราไม่ได้เพียงส่งเสริมให้แบรนด์เติบโตทางธุรกิจ แต่ยังสนับสนุนให้เติบโตในใจผู้บริโภค ด้วยวิธีคิดใหม่ที่เข้าใจคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง

การรีเฟรชแบรนด์ “ชาบูชิ” ในครั้งนี้ คือการเดินหน้าทำความเข้าใจและเชื่อมต่อกับผู้บริโภครุ่นใหม่อย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ระดับของการตลาด แต่ลึกถึงระดับอารมณ์ ความรู้สึก และประสบการณ์ที่แบรนด์สามารถมอบให้ได้ โดยยึดหลักว่า ร้านอาหารในวันนี้ไม่ได้ขายแค่อาหาร แต่คือพื้นที่ของความสัมพันธ์และการสร้างคุณค่าร่วมระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค


นางสาวศสัย ตังเดชะหิรัญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า บริษัทจะเริ่มปรับโฉมร้านสาขาแรกที่ชาบูชิ ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ จากปัจจุบันมีสาขามากกว่า 190 แห่ง ซึ่งปี2568นี้ (ปีบัญชี ตุลาคม 2567 – กันยายน 2568) จะขยายสาขาใหม่ประมาณ 15 สาขา และวางแผนเปิดสาขาใหม่ในปี 2569 ประมาณ 10 สาขา

“แบรนด์ที่อยู่มานานไม่จำเป็นต้องแก่ แต่ต้องกล้าพอที่จะเปลี่ยนไปพร้อมผู้บริโภค ในฐานะแบรนด์/ร้านอาหารญี่ปุ่น ที่อยู่กับคนไทยมานานกว่า 20 ปี วันนี้ ‘ชาบูชิ’ ต้องการเป็นมากกว่าความอร่อย เราอยากเข้าไปอยู่ในอารมณ์ ความรู้สึก และความสัมพันธ์ของคนรุ่นใหม่ ผ่านประสบการณ์ที่เขาอยากเล่า แชร์ และกลับมาอีก การรีเฟรชแบรนด์ครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เปลี่ยนภาพลักษณ์ แต่เป็นการปรับวิธีคิดจากข้างใน พร้อมออกแบบประสบการณ์ใหม่ให้เชื่อมโยงกับพฤติกรรมจริงของผู้บริโภค ด้วยความเชื่อว่า ร้านอาหารยุคนี้ไม่ได้ขายแค่อาหาร แต่คือแพลตฟอร์มที่สร้างความรู้สึกร่วม และสร้างคุณค่าให้กับทุกโมเมนต์ของลูกค้าได้จริง ๆ”
ทั้งหมดนี้มุ่งสื่อสารว่า แบรนด์ “ชาบูชิ” ไม่ได้ต้องการเป็นเพียงร้านอาหารญี่ปุ่น แต่คือจุดหมายปลายทางแห่งความรู้สึก ที่เชื่อมโยงกับอารมณ์ ความสัมพันธ์ และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างแท้จริง

ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าปัจจุบันที่คุ้นเคย หรือกลุ่มลูกค้าใหม่ที่เพิ่งรู้จักแบรนด์เป็นครั้งแรก “ชาบูชิ” พร้อมมอบประสบการณ์และรสชาติความสุขไม่สิ้นสุด ผ่านแคมเปญที่หลากหลายและโปรโมชันพิเศษที่จะทยอยเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดหวังว่าจะสามารถปลุกกระแสและสร้างสีสันให้ตลาดร้านอาหารกลับมาคึกคักอีกครั้ง พร้อมวางเป้าหมายสู่การเป็นแบรนด์ “ท็อป ออฟ มายด์” ในใจผู้บริโภค เมื่อนึกถึงชาบู – ชาบู และซูชิ ต้องนึกถึง “ชาบูชิ” เป็นชื่อแรกเสมอ




























กำลังโหลดความคิดเห็น