Global Security Review วารสารออนไลน์ที่รวบรวมความคิดเห็น บทวิเคราะห์ และรายงานต่างๆ ให้คำนิยามของ Information Operation หรือ IO ว่าเป็นการดำเนินการด้านข้อมูลเพื่อให้ได้มาซึ่งความได้เปรียบเด็ดขาดในสภาพแวดล้อมข้อมูลอันจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ต้องการ
IO มีรากฐานมาจากสงครามทางวิทยา ซึ่งมีมาตั้งแต่สงครามเย็น เริ่มแรกมักใช้ในงานด้านการทหาร แต่ต่อมาก็มีพัฒนาการมาเรื่อยๆ ที่เป็นข่าวใหญ่ก็คือ IO ของรัสเซียที่แทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2016
สำหรับประเทศไทย IO ได้รับการความสนใจอย่างมาก ในช่วงปี 2020-2021 หลังรายงานจาก Twitter และ Facebook ได้เปิดเผยบัญชีที่เข้าข่าย IO ออกมา
ในยุคที่ Social Media มีอิทธิพลอย่างสูงต่อความคิดเห็นและพฤติกรรมของผู้บริโภค การแข่งขันทางธุรกิจจึงไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่หน้าร้าน หรือช่องทางการตลาดแบบเดิมอีกต่อไป “Information Operation” จากที่เคยอยู่แค่วงการทหาร ความมั่นคง หรือการเมืองจึงถูกนำมาใช้ในสมรภูมิธุรกิจเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบเหนือคู่แข่งเช่นกัน ด้วยการวางแผนและปฏิบัติการอย่างเป็นระบบเพื่อควบคุมความคิด ความรู้สึก และทัศนคติของผู้คนในโลกออนไลน์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ของตนเอง หรือไม่ก็ด้อยค่าหรือสร้างภาพลักษณ์เชิงลบให้กับคู่แข่ง โดยอาจใช้หลายๆ วิธี เช่น การสร้างบัญชีปลอม (Fake Accounts) หรือบัญชีอวตาร (Bots) เพื่อสร้างกระแสหรือเพิ่มจำนวนผู้สนับสนุน ผู้โจมตีให้ดูเหมือนมีความเห็นที่หลากหลายและเป็นธรรมชาติ การกระจายข้อมูลบิดเบือน ไม่เป็นความจริง หรือไม่ครบถ้วน (Disinformation/Misinformation) เพื่อสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคู่แข่ง การสร้างกระแสเชิงลบ การปั่นกระแสวิพากษ์วิจารณ์สินค้า บริการ หรือนโยบายของคู่แข่งผ่านแฮชแท็ก โพสต์ หรือคอมเมนต์ การใช้บุคคลที่มีอิทธิพลใน Social Media (Influencer/KOL) พูดหรือโปรโมทสินค้าของตนเอง หรือพูดถึงคู่แข่งในเชิงลบโดยไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ รวมทั้ง การสร้างเรื่องราว (Narrative Creation) ที่ชวนเชื่อให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกหรือทัศนคติที่ต้องการ
สมรภูมิค้าปลีกก็เป็นหนึ่งในแนวรบที่ฟาดฟันกันยับ จัดเต็มมาทุกแบบ แต่ปฏิบัติการแบบนี้ก็โป๊ะแล้ว โป๊ะอีก โดยเฉพาะ 2 แบรนด์ที่ต้องบอกว่าชกกันคนละน้ำหนัก พิกัดคนละรุ่น แต่มวยเล็กก็คิดว่าจะใช้ IO ชิงความได้เปรียบจากรุ่นใหญ่ได้ สุดท้ายกลับกลายเป็นชงเอง ตบเอง โป๊ะเอง สิ่งที่ทิ้งไว้ก็คอนเทนต์ขยะ เป็น Digital Footprint ประจานตัวเอง
ร้านสะดวกซื้อ หากแข่งกันด้วยคุณภาพ สินค้าและบริการ ตามวิถีที่ควรจะเป็นของการค้าเสรีก็จะส่งผลดีต่อผู้บริโภค เพราะที่สุดแล้วคนซื้อก็จะได้ของที่ดีที่สุดในราคาที่เหมาะสม รวมทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนเศรษฐกิจก็จะเติบโตอย่างยั่งยืน แต่หากเลือกที่จะไม่สู้ด้วยคุณภาพแล้ว เห็นทีจะมองได้ว่าเป็นธุรกิจที่เห็นแก่ได้อย่างเดียว เพราะหวังเพียงแค่ยอดขาย ขาดมิติการพัฒนา
แม้ว่าการแข่งขันทางธุรกิจจะเป็นเรื่องปกติ แต่การใช้ IO ที่บิดเบือนข้อมูลหรือสร้างความเสียหายต่อคู่แข่ง ถือเป็นการกระทำที่ผิดจรรยาบรรณและอาจผิดกฎหมายได้ ในฐานะผู้บริโภคเองก็ควรมีวิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสารบน Social Media เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อในสมรภูมิการตลาดสีดำนี้