xs
xsm
sm
md
lg

ทอท.เผย“คิงเพาเวอร์”ยื่นขอเลิกสัญญาดิวตี้ฟรี รวม 3 ฉบับ ชงบอร์ด 16 มิ.ย.นี้เคาะแนวทางเจรจา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทอท.เผย”คิงเพาเวอร์”ขอเจรจายกเลิกสัญญา”ดิวตี้ฟรี”ทั้ง 3 ฉบับ “สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง-ภูมิภาค 3 แห่ง”อ้าง 7 สถานการณ์กระทบยอดขาย ขาดทุนหนัก ยันเป็นเหตุสุดวิสัย ที่แม้จะแก้ปัญหาหลายครั้งแต่ไม่เป็นธรรมกับการทำธุรกิจ ทอท.เตรียมชงบอร์ด 16 มิ.ย.นี้ เคาะแนวทางเจรจา เล็งจ้างที่ปรึกษาช่วยประเมิน คาดสรุปใน 2 เดือน

นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานวิศวกรรมและการก่อสร้าง และรักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) หรือ ทอท. เปิดเผยกับ”ผู้จัดการรายวัน” ว่า บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ได้ส่งหนังสือถึงทอท.เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2568 เรื่อง ขอหารือแนวทางในการพิจารณายกเลิกสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร รวมทั้งหมด 3 ฉบับ ได้แก่ สัญญาร้านค้าปลอดอากร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ , สัญญาร้านค้าปลอดอากรท่าอากาศยานดอนเมือง และ สัญญาร้านค้าปลอดอากร 3 ท่าอากาศยานในภูมิภาค ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ และหาดใหญ่

โดยคิงเพาเวอร์ฯ ระบุถึงผลกระทบที่ได้รับมาตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 การเกิดสงครามในหลายภูมิภาค กรณีสงครามการค้าและกำแพงภาษี การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ผู้โดยสารจีนที่มีกำลังซื้อสูงลดลง การลดภาษีสินค้าประเภทไวน์ การการขอคืนพื้นที่ รวมถึงสภาพในปัจจุบันที่เปลี่ยนไปจากช่วงที่ประมูลและทำสัญญาร่วมกัน ซึ่งในแต่ละสถานการณ์ ที่ผ่านมา ทอท.มีการแก้ไขสัญญาดิวตี้ฟรีมาหลายครั้ง โดยมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับตัวเลข 4 ครั้ง ซึ่งบริษัทฯระบุว่าไม่ได้รับตความเป็นธรรม

ดังนั้นจึงได้ขอให้ทอท.พิจารณาสัญญาในเงื่อนไขที่เป็นธรรมสำหรับการประกอบกิจการต่อไปได้ จึงทำหนังสือขอเจรจา ซึ่งอาจจะเป็นแนวทางการแก้ไขสัญญา หรือ อาจจะยกเลิกสัญญา โดยทอท.จะต้องเร่งหาข้อสรุปที่ชัดเจนภายใน 2 เดือน เพื่อทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่น

โดยคิงเพาเวอร์ฯทำหนังสือลงวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ส่งถึง ทอท.วันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาฝ่ายบริหารทอท.ได้เร่งหาแนวทางในการเจรจากับบ.คิงเพาเวอร์ โดยจะนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท. ในวันที่ 16 มิถุนายนนี้ เพื่อขอความเห็นชอบ ในการตั้งคณะกรรมการที่เป็นคนกลาง หรือ Third Party ที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ประกอบด้วยผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจ ด้านกฎหมาย ด้านการเงิน ผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขา และขอจ้าง สถาบันการศึกษาอาจจะ 1-2 แห่ง เพื่อเป็นที่ปรึกษาศึกษาแนวทางและนำมาพิจารณาเปรียบเทียบ เพื่อหาแนวทางที่ทำให้เกิดความเป็นธรรมมากที่สุด

“คิงเพาเวอร์ฯ ถือเป็นคู่ค้าสำคัญของ ทอท. เพราะมีสัดส่วนรายได้กว่า 10% ขณะที่ทอท.มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ มีหน้าที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ดังนั้นไม่ว่าจะปรับแก้สัญญาหรือยกเลิก ต้องเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย เบื้องต้นไปพูดคุยกับทางคิงเพาเวอร์ฯ แล้วว่าทาง ทอท.ไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่ผ่านมาอาจจะแก้ปัญหาแบบเลี้ยงไข้ ซึ่งไม่ถูกต้อง การดำเนินการจะเลือกแนวทางที่ดีที่สุดภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน โดยข้อสรุปจะยึดหลักของธุรกิจที่อธิบายได้”


@เปิดหนังสือ”คิงเพาเวอร์ฯ”แจงเหตุสุดวิสัย 7 ข้อ ส่งผลกระทบการดำเนินธุรกิจ

สำหรับหนังสือ บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ระบุว่า นับจากสถานการณ์โควิด-19 ทอท.ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการคำนวณค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ เป็นผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำต่อผู้โดยสาร (Sharing Per Head) จำนวน 127.30 บาท โดยเรียกเก็บจากผู้โดยสารขาออก ผู้โดยสารผ่าน และผู้โดยสารขาเข้า แม้ผลกระทบโควิด-19 จะคลี่คลาย แต่ก็ยังเกิดเหตุการณ์ที่บริษัทฯไม่คาดคิดและเกิดผลกระทบต่อการประกอบธุริกจจำหน่ายสินค้าปลอดอากรของบริษัทฯ อันเป้นเหตุสุดวิสัย

ไม่ว่าจะเป็นเหตุสงครามในหลายภูมิภาค สงครามการค้า และการกีดกันทางการค้า กำแพงภาษี การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ทำให้อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัว ผู้โดยสารจีนที่มีกำลังซื้อสูงลดลง ทำให้ยอดขายลดลง

โดยบริษัทฯ อ้างสาเหตุถึง 7 ประเด็น ที่เป็นเหตุสุดวิสัย ส่งผลต่อยอดจำหน่ายและการประกอบการของบริษัทฯ และส่งผลทำให้ค่าตอบแทนที่บริษัทฯต้องชำระให้แก่ทอท.อยู่ในเกณฑ์ที่สูงผิดปกติกว่าที่ควรจะเป็นและที่ได้เสนอไว้ ซึ่งผลกระทบต่างๆ เป็นผลให้บริษัทฯ ประสบกับภาวะขาดทุนจากแบกรับภาระ อัตราค่าตอบแทนที่สูงผิดปกติและไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงของสถานการณ์จนส่งผลให้บริษัทฯ มีความจำเป็นที่ต้องเลื่อนชำระค่าภาระต่างๆ มาเป็นระยะๆ ซึ่งเหตุการณ์อันส่งผลกระทบเหล่านั้นเป็นเหตุสุดวิสัยอันมิได้เกิดจากการกระทำหรือความผิดจากบริษัทฯ แต่ประการใดทั้งสิ้น แต่ในทางกลับกับ ทอท. กลับพิจารณาและดำเนินการตามที่ ทอท.เห็นสมควรเพียงลำพังและเป็นประโยชน์แก่ ทอท. เพียงฝ่ายดียว โดยมิได้หารือบริษัทฯ เพื่อหาแนวทางเก้ไขที่เหมาะสมต่อทั้งสองฝ่าย หรือมิได้คำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกันกับบริษัทฯ ที่มีมากกว่าผลกระทบด้านค่าตอบแทน

ดังนั้น ด้วยเหตุต่างๆ ที่ยังไม่คลี่คลายในขณะนี้ และยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะยุติเมื่อไหร่ รวมถึงความไม่มั่นใจในการให้ความเป็นธรรมต่อคู่สัญญาของ ทอท. บริษัทฯ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะร้องขอให้เกิดการหารือเพื่อหาแนวทางและข้อยุติอื่นๆ รวมถึงแนวทางในการพิจารณายกเลิกสัญญาอนุญาตให้ประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปออดอากร ดังกล่าว เพื่อให้ได้ข้อยุติภายใน 45 วัน

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อบริษัทฯ ในระหว่างการพิจารณาของ ทอท. บริษัทฯ ขอนำส่งค่าตอบแทนตามสัญญาประมูลในอัตราร้อยละ 20 ของยอดจำหน่ายสินค้าปลอดอากรในแต่ละเดือน ซึ่งภายหลังสิ้นเดือน เมื่อทราบยอดจำหน่าย บริษัทฯ จะคำนวณค่าตอบแทนในอัตราร้อยละ 20 และชำระค่าตอบแทนดังกล่าวภายในวันสุดท้ายของเดือนถัดไป โดยเริ่มจากยอดจำหน่ายเดือนกรกฎาคม 2568 (เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับสิทธิ์เข้าร่วมเวลาชำระเงินสำหรับค่าตอบแทนขั้นต่ำ เดือนกันยายน 2567 ถึงเดือนมิถุนายน 2568) ซึ่งจะทราบยอดจำหน่ายภายหลังสิ้นเดือนกรกฎาคม 2568 และจะชำระค่าตอบแทนในอัตราร้อยละ 20ให้แก่ ทอท. ภายในวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ ไม่ต้องชำระค่าตอบแทนขั้นต่ำของเดือนกรกฎากม 1568 ซึ่งเดิมบริษัทฯ ต้องชำระให้แก่ ทอท. ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 2568 และขอให้ไม่ถือเป็นการผิดนัดชำระ โดยขอให้แนวทางการนำส่งค่าตอบแทนข้างต้นมีผลต่อเนื่องไปจนกว่าจะได้ข้อยุติจากการเจรจา

สำหรับสถานการณ์ที่ บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด ระบุเป็นเหตุสุดวิสัยและไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ โดยมิได้เกิดจากการกระทำของบริษัทฯ โดยเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมเป็นผลให้บริษัทฯ ไม่สามารถประกอบการและปฎิบัติตามสัญญาที่ได้ตกลงไว้ได้ ดังนี้

1. การหยุดดำเนินการร้านค้าปลอดอากรขาเข้าจากนโยบายรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 กระทบต่อวิธีการคำนวณจำนวนเงินค่าตอบแทนที่ลดลงจากการหยุดประกอบการร้านค้าปลอดภาษีขาเข้าอย่างไม่เป็นธรรม และแตกต่างจากเจตนาของ TOR และสัญญาฯอย่างมีนัยสำคัญ

2. การลดภาษีสินค้าประเภทไวน์อันส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่ายภายในร้านค้าปลอดอากร ซึ่งเป็นไปตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องการลดอัตราอากรและยกเว้นอากรศุลกากรตามมาตรา 12 แห่งพ.ร.บ.กำหนดพิกัดอัตราศุลกากรพ.ศ.2530 (ฉบับที่ 7 ) ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 ยกเว้นอากรสินค้าไวน์ที่ระบุไว้ในประกาศฯ (จากเดิมอัตราอากรอยู่ที่ร้อนยละ 60) ส่งผลกระทบต่อยอดจำหน่าย

3. การขอคืนพื้นที่ประกอบกิจการของทอท. บางส่วน(เนื้อที่ประมาณ 491.220 ตารางเมตร) ตั้งแต่ วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป ซึ่งทอท.ใช้วิธีคำนวณจำนวนเงินค่าตอบแทนที่ต้องชำระให้แก่ทอท.ที่ปรับลดลงตามสัดส่วนของพื้นที่ขอคืนมีผลต่อยอดจำหน่ายสินค้าลดลง

4. การขาดมาตรการเชิงรุกของภาครัฐในการบริหารจัดการความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ส่งผลให้การลดลงของนักท่องเที่ยวจีน ซี่งมีศักยภาพในการจับจ่ายใช้สอยสูงสุด

5. สถานการณ์ภายในประเทศอันส่งผลทางลบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวและจำนวนผู้โดยสาร เช่น การย้ายฐานการผลิตของบริษัทต่างชาติ การปิดตัวของบริษัทในหลายอุตสาหกรรม อาชญากรรมทางไซเบอร์ (แก๊งค์ คอลเซ็นเตอร์) หรือการถล่มของตึกสตง.จากแผ่นดินไหววันที่ 28 มีนาคม 2568 ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในประเทศ

6. สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ยังมีผลกระทบต่อธุรกิจ

7. สถานการณ์สงครามและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก


ทั้งนี้ บริษัทฯอ้างสัญญาข้อ 7.9 หน้า 25 ระบุว่า ในกรณีทีเกิดเหตุขัดจ้องหรือมีเหตุจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เป็นเหตุให้คู่สัญญาฝายใดฝ่ายหนึ่งไม่สามารถดำเนินการตามสัญญาได้โดยไม่ได้มีสาเหตุมาตากความผิดของคู่สัญญาฝ่ายใด คู่สัญญาจะเจรจาเพื่อหาทางแก้ไข

ข้อ 7.7 หน้า 25 ในกรณีที่ข้อกำหนดของสัญญาข้อใดข้อหนึ่งตกเป็นโมฆะไม่สมบูรณ์ หรือใช้บังคับไม่ได้ตามกฎหมาย คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงในข้อกำหนดอื่นยังมีผลบังคับกันได้ต่อไป อย่างไรก็ตาม คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะต้องดำเนินการเจรจาเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อสัญญาที่มีผลในทางพาณิชย์

ข้อ 7.5 หน้า 25 ภายใต้บังคับของกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับทอท. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญานี้ไม่อาจทำได้ เว้นแต่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะได้ทำความตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร และให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา

@ชี้แก้ไขปัญหาคู่สัญญาต้องเจรจากันไม่ใช่ทอท.ตัดสินใจฝ่ายเดียว

จากรายละเอียดข้อความตามที่ระบุไว้ในสัญญาข้างต้น จะเห็นได้ว่าหากพิจารณาข้อความและเนื้อหาในสัญญาซึ่งระบุให้คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายมาร่วมเจรจาหาข้อยุติที่เป็นธรรมร่วมกันแล้วนั้น การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์ต่างๆ ย่อมกระทำได้โดยที่ทั้งสองฝ่ายต้องเจรจาหาทางออกร่วมกัน มิใช่อาศัยเพียงการตัดสินใจของทอท.เพียงลำพังแต่ฝ่ายเดียว ดังเช่นที่ ทอท.ได้ปฎิบัติตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา


กำลังโหลดความคิดเห็น