“มนพร"เผยสนามบินนครพนม พร้อมรับไทยไลอ้อนแอร์ เปิดบินตรง “ดอนเมือง–นครพนม” ทุกวัน เสริมการท่องเที่ยว อีสานตอนบน - หนุนเศรษฐกิจในภูมิภาคและชายแดนลุ่มน้ำโขง คาดหนุนปี 68 มีผู้โดยสารเพิ่มกว่า 32% เที่ยวบินเพิ่ม 18.48 %
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า วันที่ 19 มิถุนายนนี้จะมีการเปิดเส้นทางบินปฐมฤกษ์ ไป-กลับ ดอนเมือง – นครพนม ของสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ที่ ซึ่งถือ เป็นความสำเร็จของการดำเนินงานตามนโยบาย “คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย” ตามมาตรการ New Route – New Airline ของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ในการส่งเสริมให้สายการบินเปิดเส้นทางบินมายังท่าอากาศยานในสังกัด ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการกระจายรายได้สู่ภูมิภาค โดยเฉพาะจังหวัดเมืองรองที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว และเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาการท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 หรือกลุ่มจังหวัด “สนุก” (สกลนคร นครพนม มุกดาหาร) เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมายังนครพนมและจังหวัดใกล้เคียงได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น
รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการเดินทางแบบ Weekend trip หรือทริประยะสั้น เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวระดับภูมิภาคสู่ประเทศลาวและเวียดนาม ผ่านทางสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 3 สร้างโอกาสให้เกิดเส้นทางท่องเที่ยวแบบหลายประเทศ (Multi - country route) และที่สำคัญยังเป็นการยกระดับการเดินทางทางอากาศให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวและการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดนลุ่มน้ำโขงและเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจ East-West Economic Corrido
ด้านนายดนัย เรืองสอน อธิบดีกรมท่าอากาศยาน กล่าวว่า ปัจจุบันอาคารที่พักผู้โดยสารท่าอากาศยานนครพนมสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 600 คน/ชั่วโมง หรือ 1.7 ล้านคน/ปี ทางวิ่งขนาด 2,500 x 45 เมตร ลานจอดอากาศยานรองรับอากาศยานแบบ B737/A320 ได้ 3 ลำในเวลาเดียวกัน ลานจอดรถยนต์รองรับ 140 คัน คาดการณ์ว่า หลังจากที่สายการบินไทยไลอ้อนแอร์เปิดให้บริการ เส้นทาง”ดอนเมือง – นครพนม” ทุกวัน จะทำให้ในปี 2568 ท่าอากาศยานนครพนมมีเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 18.48 % และมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 32.99 % จากปี 2567
โดยปัจจุบันท่าอากาศยานนครพนมมีสายการบินให้บริการในเส้นทางไป-กลับ ดอนเมือง – นครพนม วันละ 6 เที่ยวบิน แบ่งเป็นสายการบินไทยแอร์เอเชีย 4 เที่ยวบิน และสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ 2 เที่ยวบิน
ทั้งนี้ ทย. ได้ดำเนินการตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้นโยบาย “คมนาคมเพื่อโอกาสประเทศไทย” ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการบิน (Aviation Hub) โดยมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพท่าอากาศยานในสังกัดให้มีความพร้อมรองรับเที่ยวบินและผู้โดยสารที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ควบคู่กับการบริการที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล