”บุณยสิทธิ์“ ประธานเครือสหพัฒน์ เปรียบเศรษฐไทยปีนี้เป็นรถยนต์จาก 4 ล้อ เหลือเพียง 3 ล้อ แต่ก็ยังอยู่ได้ มองแจกเงินหมื่นไม่ช่วยอะไร แนะรัฐบาลเน้นการพัฒนา เพื่อจูงใจให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน ย้ำชัดปีนี้เศรษฐกิจไม่หนักเท่าปีโควิด การสร้างกำลังใจเป็นสิ่งที่ควรทำ ลั่นปีนี้สหพัฒน์ปักธงรายได้โต 10% สู่ 50,000 ล้านบาท แม้ไตรมาสแรกโตเพียง 4% ล่าสุดพร้อมจัดงาน ”สหกรุ๊ป แฟร์ & เฟส ครั้งที่ 29“ ในวันที่ 26-29 มิ.ย.นี้ ที่ไบเทค บางนา
นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า แม้ว่าปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกจะไม่ดี แต่ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง มาเลยเซียและเวียดนามกลับดี ส่วนไทยไม่ค่อยดีโตน้อยกว่าและตกต่ำสุดในภูมิภาค นั่นเพราะเราเคยโตสูงสุดมาก่อนแล้ว ขณะที่ประเทศอื่นๆ นั้น ฐานเขาต่ำก็เลยดูเติบโตสูงมากกว่าเรา แต่เชื่อว่าภาพรวมเศรษฐกิจไม่น่าจะทดถอยยายนาน อาจจะเป็นเพียงสักพัก ซึ่งต้องดูหลายอย่างประกอบกัน เช่น นโยบายภาษีของทรัมป์ ว่าเราจะทำอย่างไร เชื่อว่าสุดท้ายแล้วไม่น่าจะลากยาวไปถึง 2-3 ปี ที่สำคัญเรามีจุดแข็ง คือ ความเป็นกลางไม่เอียงไปทางใดทางหนึ่งระหว่างจีนหรือสหรัฐอเมริกาจึงน่าผ่านไปได้
ในส่วนของสหพัฒน์ เราผ่านและสู้กับเศรษฐกิจที่ขึ้นลงมาเยอะ ปีไหนเศรษฐกิจไม่โตเราก็แค่เติบโตช้า ปีไหนเศรษฐกิจดีเราก็เติบโตได้เร็ว ซึ่งเรามองเรื่องสร้างความปลอดภัยให้บริษัทมากกว่า แม้เราจะโตช้าแต่เราเน้นสร้างฐานภายในให้แข็งแกร่งแทน สำคัญสุดอย่าไปคิดว่าเศรษฐกิจไม่ดีแล้วต้องทำอะไรให้มากขึ้น อย่าไปฝืนธรรมชาติ หากเศรษฐกิจโตช้า เราก็แค่เดินช้าลง นั่นยังคงทำให้เราอยู่รอด
”สภาพเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปีนี้ เปรียบเหมือนรถยนต์ที่เหลือเพียง 3 ล้อจากที่เคยมี 4 ล้อ หากเศรษฐกิจดีก็เปรียบเหมือนเป็นรถยนต์อีวี ซึ่งแม้จะเหลือเพียง 3 ล้อแต่รถยนต์ก็ยังเป็นรถยนต์ ก็ยังอยู่ได้ เปรียบกับเมื่อก่อนที่เรายังเป็นเพียง 2 ล้อก็ผ่านมาแล้ว จึงมองว่าแต่ละยุคเหตุการณ์ไม่เหมือนกัน บางยุคเศรษฐกิจไม่ดีแต่มีโอกาส ส่วนยุคนี้ปีนี้เศรษฐกิจไม่ดีแต่หากปรับตัวไ้ก็ยังอยู่รอด“ ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าว
นายบุณยสิทธิ์ กล่าวแนะด้วยว่า รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับนโบายเกี่ยวกับภาคการผลิตและการพัฒนาด้านต่างๆ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่สร้างความมั่นใจและจูงใจให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยมากกว่า โดยเฉพาะโครงการแลนด์บริดจ์’ (Land Bridge) และ EEC ที่ควรมีมากกว่าที่เดียว เป็นต้น เพราะมองว่าที่ผ่านมากับนโยบายแจกเงินดิจิทัลเป็นเพียงนโยบายหาเสียง ไม่ช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้น แต่หากเป็นนโยบายเกี่ยวกับการพัฒนาจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้มากกว่า
ด้านนายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการบริษัท บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด กล่าวต่อว่า สถานการณ์เศรษฐกิจปีนี้ที่ไม่ดีนั้น หากวิเคราะห์ดีๆ จะพบว่าปีนี้ไม่ได้แย่กว่าช่วงปีที่เกิดโควิด ปีนั้นเศรษฐกิจติดลบแต่ปีนี้ยังไม่ติดลบ แม้ปัญหาหนี้ครัวเรือนยังสูง แต่เป็นปัญหาที่มีมานานแล้ว แก้ยาก ส่วนปัญหาที่เกิดจากความไม่แน่นอนของนโยบายทรัมป์ เชื่อว่ายังไงประเทศไทยก็รอด จะกระทบเพียงกลุ่มส่งออกกับเรื่องของกำแพงภาษีสหรัฐ แนะว่าอย่าตื่นตระหนกตกใจ แต่ควรหาวิธีในการส่งสินค้าเข้าไปสหรัฐและประเทศอื่นๆ ต่อจะดีกว่า เพราะเชื่อว่าคนสหรัฐยังไงก็ต้องบริโภค จึงไม่อยากให้กังวลไปเอง สำคัญที่สุดอยากให้รัฐบาลมุ่งสื่อสารสร้างกำลังใจแก่ประชาชนไม่ให้ท้อถอย หากไม่ตกงานก็อยากให้ใช้จ่ายเหมือนเดิม ดีกว่านำเสนอด้านลบ
“กำลังซื้อเกิดจากความเชื่อมั่นของประชาชน ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี ยอดขายตก และหากไม่มีกำลังใจแล้วจะยิ่งทำให้การใช้จ่ายชะลอตัวมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับสหพัฒน์ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง พร้อมรับการเปลี่บนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่หาทางแก้ปัญหาตามหลัง แต่ต้องทำก่อนที่ปัญหาจะเกิด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบริหารต้นทุนทำแล้วก็ต้องทำต่อไป เพื่อให้กำไรยังคงอยู่ พร้อมปรับเปลี่ยนวิธีคิดของพนักงาน เปลี่ยนทัศนคติมุ่งสร้างการเติบโต (Growth Mindset) ให้มียอดขายเพิ่ม แม้เศรษฐกิจไม่ดีแต่เมื่อเรามีเป้าหมายการเติบโตก็ต้องหาวิธีไปให้ถึง ดังนั้นปีนี้สหพัฒน์ยังคงมีเป้าหมายเติบโตที่ 10% คิดเป็นมูลค่ารวมที่ 50,000 ล้านบาท แม้ไตรมาสหนึ่งจะโต 4.8% ก็ตาม”
ทั้งนี้รายได้ของสหพัฒน์ช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาเติบโต 4.8% กำไรเติบโต 20% คิดเป็นมูลค่า 100 ล้านบาท จากการจำหน่ายสินค้าที่มีกำไรสูงได้เยอะ และการออกสินค้าใหม่กระตุ้นยอดขาย ส่วนครึ่งปีหลังนี้จะต้องทำให้มียอดขายเติบโตมากยิ่งขึ้น เช่น หาโอกาสขยายช่องทางจำหน่ายร้านเอเย่นต์ใหญ่ให้ครอบคลุมมากขึ้น จากปัจจุบันมีร้านค้าหน่วยรถ 32,000 ร้านค้า เป็นต้น
“จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้น มองว่าการทำธุรกิจปีนี้ต้องมีการปรับเปลี่ยน แก้ไขอยู่ตลอดเวลา ใช้เงินให้น้อยลง ฟุ่มเฟือยให้น้อยลง ดูแลลดต้นทุน อย่ารอให้แย่แล้วมาลด และทำช่องทางขายที่อ่อนแอให้แข็งแรงขึ้นมา” นายบุญชัย กล่าว
ด้านนายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ประธานจัดงานสหกรุ๊ป แฟร์ & เฟส กล่าวว่า ปีนี้เครือสหพัฒน์ยังคงเดินหน้าจัดงานสหกรุ๊ป แฟร์ขึ้น โดยยกระดับการจัดงานสหกรุ๊ป แฟร์ & เฟส ภายใต้คอนเซปต์ Big Shop Big Show ที่ไม่เพียงแค่รวมสินค้าราคาพิเศษนำมาให้ช็อป แต่ยังมอบประสบการณ์ที่พิเศษกว่าเดิม โดยจะจัดขึ้นวันที่ 26-29 มิถุนายน 2568 นี้ เวลา 10.00 - 21.00 น. ที่ฮอลล์ 98-100 ไบเทค บางนา รวมสินค้าแบรนด์ดังมาจัดแสดงและจำหน่ายกว่า 100 บริษัท มากกว่า 1,000 รายการ อาทิ มาม่า, ฟาร์มเฮ้าส์, บีเอสซี,วาโก้, เอราวอน, ลาคอสต์, เปา, ซื่อสัตย์, ซิสเท็มมา, โชกุบุสซึ, โคโดโมอ และเวลแคร์ ซึ่งไฮไลท์สำคัญนั้นจะมีทั้งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซใหม่ที่จะทำให้การช็อปสะดวกและสนุกกว่าเดิม สินค้าใหม่สุดว้าว ดีลพิเศษจากแบรนด์ดัง รวมถึงมีอินฟลูเอ็นเซอร์ตัวท็อปมากที่สุดมาไลฟ์สดภายในงาน
อย่างไรก็ตามงานสหพัฒน์แฟร์ปีนี้ จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ Big Shop Big Show โดยในส่วนของ Big Shop คือ การยกระดับประสบการณ์การช็อปให้สะดวก สนุก ตอบโจทย์ยุคดิจิทัล ด้วย 2 แอปพลิเคชั่น คือ 1. BIGXSHOW แพลตฟอร์มไลฟ์คอมเมิร์ซรูปแบบใหม่ ที่ผสานความบันเทิงจากการถ่ายทอดสดกับการช็อปแบบเรียลไทม์ และ 2.FRIDAY FAIR แพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ที่พัฒนาโดยคนไทย 100% ประเดิมเปิดจำหน่ายสินค้าจากงานสหกรุ๊ปแฟร์ปีนี้เป็นครั้งแรก
ส่วน Big Show นั้น ปีนี้จะมีอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังมากที่สุดเข้ามาร่วมงาน อาทิ มั้ง ชัยลดล, แก้มบุ๋ม, ม้าม่วง, ดีเจดาว (zzdaozz), มาดามตวง พล ตัณฑเสถียร, เพจอีจัน เป็นต้น โดยจะมาไลฟ์จำหน่ายสินค้า รีวิวสินค้า และสร้างคอนเทนต์สร้างสรรค์แบบเรียลไทม์ พร้อมด้วยการไลฟ์สินค้าจากทุกแบรนด์ทุกบูธ นอกจากนี้ยังยกระดับความบันเทิงสู่มิติใหม่ ด้วยกิจกรรมพิเศษที่ผสานแฟร์และเฟสติวัลเข้าด้วยกัน อาทิ แฟชั่นโชว์ คอนเสิร์ต VTuber การประกวด Cover Dance มินิคอนเสิร์ตจากศิลปินดัง อิ้งค์ วรันทร, ส้ม มารี, Perses และ No One Else พร้อมด้วยการสัมมนาและเวิร์คช็อป อาทิ การสร้างแบรนด์ธุรกิจร้านเสริมสวย การสร้างผลงานเพื่อต่อยอดอาชีพด้วย CapCut และการอบรมแต่งหน้า
นอกจากนี้ยังมีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างเครือสหพัฒน์กับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ รวม 10 ฉบับ ครอบคลุมทั้งด้านอสังหาริมทรัพย์, เทคโนโลยี, การศึกษา, อีคอมเมิร์ซ และธุรกิจบริการ อาทิ การเปิดตัวโรงแรมหรูใจกลางราชดำริร่วมกับไทยโอบายาชิ การพัฒนาเทคโนโลยี AI และ Cloud ร่วมกับบริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด การสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินร่วมกับบางกอกแอร์ เอวิเอชั่น เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ การพัฒนาบุคลากรด้าน AI ร่วมกับมหาวิทยาลัยศรีปทุม และความร่วมมือเพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือในธุรกิจอัญมณี การขยายช่องทางการตลาดสินค้าฮาลาล รวมถึงความร่วมมือในการเปิดร้านขายสินค้าไลฟ์สไตล์สำหรับคนรักแมว.