พพ. ปิดรับฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ..... แล้ว เตรียมนำข้อเสนอมาปรับปรุงก่อนเปิดรับฟังความคิดเห็นอีกครั้งก่อนชงเป็นกฎหมาย หวังรายละเอียดลดขั้นตอน อำนวยความสะดวก ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าแก่ประชาชนและผู้ประกอบการ
นายนันทนิษฎ์ วงศ์วัฒนา รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.)เปิดเผยว่า ตามที่ พพ.ได้เปิดรับฟัง พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ตั้งแต่วันที่ 15 - 30 พฤษภาคมที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พบว่ามีผู้สนใจเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวมากพอสมควร โดยพพ.จะนำความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์มาใช้ในการปรับแก้ในสาระสำคัญต่อไป
หลังจากนั้น เมื่อพพ.ปรับปรุงร่างพ.ร.บ. พร้อมทั้งหารือหน่วยงาน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแล้ว จะเปิดรับฟังความคิดเห็นอีกครั้ง ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการยกร่างเป็นกฎหมายตามระเบียบต่อไป
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ ที่จะกำหนดให้ พพ.ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางในการกำกับดูแลเรื่องการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบ one stop service เพื่ออำนวยความสะดวก ลดขั้นตอน ลดค่าใช้จ่าย ในการดำเนินการติดตั้งและใช้โซลาร์เซลล์ของประชาชนและผู้ประกอบการที่ต้องการผลิตพลังงานใช้เอง (Self -consumption) รองรับการเติบโตของพลังงานหมุนเวียนอย่างยั่งยืนในระยะยาว และยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้อีกทางเช่นกัน
ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ฉบับดังกล่าว ยังมุ่งการกำกับดูแลมาตรฐานอุปกรณ์การติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้มีความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน รวมไปถึงระบบโครงข่ายไฟฟ้าส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดภายในประเทศ เกิดความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อมกระตุ้นให้การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มีความแพร่หลาย ส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยีสะอาดของภาคประชาชน เป็นการรวมหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวกับการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยระบบโซลาร์เซลล์ โดยเฉพาะการผลิตใช้เองในระดับครัวเรือนและประกอบกิจการให้อยู่ในกฎหมายฉบับเดียว
“แม้ว่าก่อนหน้านี้ร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว จะมีผู้เข้าใจผิดว่าเป็นกฎหมายรวบอำนาจ ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่น หรือเป็นการลิดรอนสิทธิ์ผู้ต้องการติดตั้ง ขอชี้แจ้งว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดโดยเฉพาะเรื่องการรวบอำนาจนั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากมีการเปลี่ยนจากระบบ “ขออนุญาต” เป็น “ระบบแจ้งและรับรองตนเอง” ส่วนการกำหนดนิยาม “อุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์” หรือ “สถานที่ติดตั้ง” ก็เป็นไปเพื่อให้เกิดความชัดเจน ในการบังคับใช้กฎหมาย ป้องกันมิให้เกิดปัญหาในการตีความ รวมทั้งสามารถรองรับสิ่งอื่นที่อาจมีเพิ่มเติมในอนาคตได้”
ส่วนกรณีการขายไฟฟ้าภายในที่อยู่อาศัยนั้น โดยเฉพาะเรื่องราคานั้น ยังต้องอยู่ภายใต้กรอบตามมติ กพช. ซึ่งการที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจสอบระบบพลังงานแสงอาทิตย์ในที่พักอาศัย เป็นเพียงการดำเนินการสนับสนุนการตรวจตราการติดตั้งให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย ไม่ใช่การให้อำนาจเกินขอบเขตแต่อย่างใด