xs
xsm
sm
md
lg

“สุริยะ”โต้”สุรเชษฐ์”แจงงบ 3.8 พันล้านสร้างตึก 22 ชั้น คนใช้งานกว่า 8 หมื่นคน คุ้มค่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สุริยะ”โต้”สุรเชษฐ์”เปิดงบ 3,832 ล้านบาทสร้างอาคารกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ 22 ชั้น รองรับข้าราชการ และพนักงานรวมกันกว่า 80,000 คน คุ้มค่า ออกแบบการใช้งานเพื่อประสิทธิภาพในการทำงานแล้ว มีห้องประชุม การสัมมนาใช้ร่วมกันของหน่วยงาน พร้อมแจงความจำเป็นพื้นที่เดิมแออัด ตึกเก่าอายุ 71 ปี

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญ (เป็นพิเศษ) วาระพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วาระแรก เป็นวันที่สอง กรณีนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายถึงกรณีของการก่อสร้างอาคารกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ว่า โครงการอาคารแห่งใหม่ของกระทรวงคมนาคม มีเหตุผลความจำเป็น โดยกระทรวงคมนาคม ได้ฉลองครบรอบ 113 ปี ในปีที่ผ่านมา ขณะที่กระทรวงคมนาคมในปัจจุบัน มีอายุการใช้งานมาแล้วกว่า 71 ปี เมื่อตนมารับตำแหน่งก็ได้เห็นถึง สภาพปัญหาความแออัด ความคับแคบ ของอาคารสำนักงานกระทรวงคมนาคม

ไม่ว่าจะเป็น เรื่องที่จอดรถ ซึ่งไม่เพียงพอ ทุกวันจะมีรถจอดล้ำเข้าไปบนถนนหน้ากระทรวง ไม่ต่ำกว่า 2 ช่องจราจร ไม่ต้องพูดถึงเวลาที่มีการประชุมหัวหน้าหน่วยงาน ซึ่งจะมีหัวหน้าหน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ ในสังกัดกระทรวงคมนาคม ถึง 22 หน่วยงานมาประชุมร่วมกัน การจราจรหน้ากระทรวงจะติดขัด เกิดปัญหากับพี่น้องประชาชนที่สัญจรไปมาในทุกครั้ง รวมถึงประชาชนที่มาติดต่อกับกระทรวงก็ไม่สะดวก หาที่จอดรถไม่ได้ สร้างปัญหาในการให้บริการกับพี่น้องประชาชน

นอกจากนี้ พื้นที่ทำงานที่จะต้องรองรับหน่วยงานสำนักงานปลัดฯ ก็ไม่เพียงพอ ทำให้หน่วยงานต้องกระจายไปอยู่ในที่ต่าง ๆ กันถึง 5 ที่ ทำให้การประสานการทำงานของกระทรวงไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร

“ผมก็ได้เปรยกับท่านปลัดฯ ว่า ทำไมไม่มีการคิดที่จะทำการปรับปรุง แก้ไขปัญหาที่เผชิญอยู่ดังกล่าว ผมจึงได้รับทราบจากท่านปลัดฯ ว่า ผู้บริหารกระทรวงคมนาคมในอดีต ได้มีการเตรียมการออกแบบอาคารใหม่ของกระทรวงคมนาคมไว้แล้ว ตั้งแต่ปี 2559 โดยใช้พื้นที่ของกรมท่าอากาศยานในซอยงามดูพลี แต่ได้พื้นที่ดังกล่าว คับแคบเกินกว่าที่จะเป็นที่ตั้งของกระทรวงคมนาคม อีกทั้งมีทางเข้าออกที่คับแคบ ไม่เหมาะที่จะเป็นที่ตั้งของอาคารที่ทำการกระทรวงคมนาคมแห่งใหม่ จึงได้มีการพิจารณาที่จะปรับแบบ มาใช้พื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ในบริเวณสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการเดินทางด้วยระบบรางในอนาคต ทั้งรถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟชานเมือง รถไฟระหว่างเมือง รถไฟความเร็วสูง รวมถึงระบบขนส่งสาธารณะรูปแบบอื่น ๆ เหมาะแก่การให้บุคลากรและเจ้าหน้าที่ ของกระทรวงคมนาคม เดินทางมาทำงานได้ด้วยระบบขนส่งสาธารณะ สามารถเป็นแบบอย่างให้กับพี่น้องประชาชนในการใช้ระบบขนส่งสาธารณะในการเดินทางในเมือง เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดโดยรณรงค์ให้พี่น้องประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะ แทนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ตามยุทธศาสตร์ของกระทรวง”

นายสุริยะกล่าวว่า เหตุผลที่ยังไม่ได้ดำเนินการของบประมาณมาก่อสร้าง เนื่องจากเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้รัฐบาลในขณะนั้นต้องใช้งบประมาณจำนวนมากในการแก้ปัญหา ท่านปลัดฯ จึงพิจารณาว่า ยังเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมที่จะเสนอของบประมาณมาก่อสร้างกระทรวง ที่จะทำให้เป็นการเพิ่มภาระงบประมาณของประเทศในขณะนั้น

ตนจึงเห็นว่า เนื่องจากปัญหาสถานการณ์โควิด ได้ล่วงเลยมาเป็นเวลานานแล้ว ขณะนี้จึงจำเป็นที่ต้องพิจารณาแก้ปัญหาความแออัดของกระทรวงคมนาคม จึงได้หารือสำนักงบประมาณ เพื่อของบประมาณมาจัดสร้างกระทรวงคมนาคม ที่จะเริ่มในปีงบประมาณ 2569 ทั้งหมดนี้ คือเหตุผลความจำเป็น

นายสุริยะกล่าวว่า ประเด็นที่ สส.สุรเชษฐ์ กล่าวหาว่าตึกกระทรวงคมนาคม มี 22 ชั้น ต้องตอบให้ชัด ว่าใครจะไปอยู่บ้าง และเอาพื้นที่ 100,000 กว่า ตร.ม. ไปทำอะไร และมีห้อง Auditorium และห้องประชุม Conventional hall 1,000 ตร.ม. ใหญ่กว่าห้องประชุมอื่นๆ ดูแล้วราคาเกินจริง ไม่หมาะสม นั้นขอชี้แจงว่า การดำเนินการของกระทรวงคมนาคมมีเหตุและผล คำนึงถึงความคุ้มค่าของภาษีของพี่น้องประชาชน

อาคารสำนักงานของกระทรวงคมนาคม มีหน่วยงานในสังกัดทั้งหน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ รวมกันถึง 22 หน่วยงาน มีบุคลากรทั้งข้าราชการ และพนักงานรวมกันกว่า 80,000 คน อาคารนี้ นอกจากที่จะสนับสนุนผู้ใช้ที่อยู่ทำงานประจำ ให้สภาพการทำงานที่เหมาะสม ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานแล้ว ยังต้องออกแบบให้รองรับการประชุม การสัมมนา ร่วมกันของหน่วยงานในสังกัดทั้งหมด ตลอดรวมถึงมีห้องประชุมสั่งการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมในกรณีฉุกเฉินต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน

โดยพื้นที่กว่า 100,000 ตร.ม. นั้น ประกอบไปด้วยพื้นที่ทั้งหมด 115,196 ตารางเมตร แบ่งเป็น
1.พื้นที่ห้องทำงาน 12,505 ตารางเมตร เพื่อรองรับบุคลากรสำนักงานปลัดฯ/ สำนักงานรัฐมนตรี / และหน่วยงานระดับกรมอีก 5 กรม จำนวนประมาณ 1,200 คน
2.พื้นที่ส่วนกลาง 45,897 ตารางเมตร
3.ห้องประชุม 8,915 ตารางเมตร
4.พื้นที่จอดรถ 47,842 ตารางเมตร

ซึ่งพื้นที่ส่วนที่ 2-4 นี้ใช้ร่วมกันของบุคลากรใน 22 หน่วยงานในสังกัดของกระทรวงคมนาคมกว่า 80,000 คนซึ่งหากคิดง่าย ๆ ว่าตลอดระยะเวลาการใช้งาน มีผู้มาใช้ซัก 5% ของจำนวนข้าราชการและพนักงานทั้งหมด ก็มีผู้ที่หมุนเวียนมาใช้ประโยชน์ของอาคารดังกล่าว ไม่น้อยกว่า 4,000 คน รวมไปถึงว่า อายุการใช้งานของอาคาร 50 ปี


“ดังนั้น คิดแค่นี้ก็เกินที่จะคุ้ม เป็นการลดค่าใช้จ่ายงบประมาณของประเทศในระยะยาว ซึ่งท่านก็เป็นวิศวกร ก็น่าจะรู้ว่าการวิเคราะห์ความคุ้มค่าของการลงทุนโครงการนั้นจะต้องคิดตลอดอายุการใช้งานอาคาร (Life Cycle Cost) ทั้งค่าการลงทุนเริ่มต้น (Initial Investment Cost) บวกกับค่าใช้จ่ายในแต่ละปี (Operation Cost) ไม่ใช่เพียงแค่ดูจากค่าลงทุนก่อสร้างเพียงอย่างเดียวเท่านั้น”นายสุริยะกล่าว

เพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรมถึงการประหยัดงบประมาณที่เป็นภาษีของพี่น้องประชาชน โดยขอหยิบยกเฉพาะเรื่องเดียว คือ การลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่หน่วยงานในสังกัด 22 หน่วยงานต้องไปเช่าโรงแรม เพื่อจัดอบรมสัมมนาในแต่ละปี ตกเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 120 ล้านบาท หากคำนวณไปเฉพาะเรื่องนี้เรื่องเดียว ในระยะเวลา 30 ปี ก็คุ้มค่าก่อสร้างอาคารทั้งหมดแล้ว ซึ่งเรื่องนี้น่าจะเป็นคำตอบสำหรับชี้แจงหักล้างในส่วนของข้อกล่าวหาที่ว่า ทำไมต้องมีห้อง Auditorium และห้องประชุมขนาดใหญ่โต ก็เพื่อรองรับการใช้ประโยชน์ของพนักงาน และข้าราชการทั้งหมดของหน่วยงานในสังกัดของกระทรวงคมนาคม ที่มีอยู่กว่า 80,000 คน

ดังนั้น เพียงแค่นี้ก็เป็นการยืนยันว่า การอภิปรายของท่านผู้อภิปรายที่กล่าวหา โดยคิดง่ายๆ แค่เพียงเอาจำนวนพื้นที่หารด้วยจำนวนคนในหน่วยงาน แล้วคิดออกมาเป็นพื้นที่ต่อคนเท่านั้น ก็ไม่ถูกต้องแล้ว เป็นการบิดเบือนให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิด

นายสุริยะกล่าวยืนยันว่า สิ่งที่ได้อธิบายนั้น แสดงให้เห็นได้ว่า การจัดทำงบประมาณของกระทรวงคมนาคม ได้คำนึงถึงประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ความคุ้มค่าของการใช้งบประมาณ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ได้เป็นไปดังข้อกล่าวหา ตามที่ท่านผู้อภิปรายได้จินตนาการสร้างมโนภาพที่ผิดๆ จากข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน มาสร้างความสับสน เข้าใจผิด ให้กับพี่น้องประชาชนแต่อย่างใด


กำลังโหลดความคิดเห็น