สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนเมษายน 2568 อยู่ที่ระดับ 92.30 ขยายตัวร้อยละ 2.17 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นครั้งแรกในรอบ 21 เดือน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ รวมถึงนโยบายการชะลอการขึ้นภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ 90วัน ทำให้มีคำสั่งซื้อสินค้าเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯเพิ่มมากขึ้น แต่ครึ่งปีหลัง 2568 เศรษฐกิจยังมีความผันผวน สศอ.จึงปรับลดประมาณการ MPI ปี 2568 ขยายตัวเพียงร้อยละ 0 - 1 ขณะที่ GDP ภาคอุตสาหกรรมคาดขยายตัวร้อยละ 0.5 – 1.5
นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนเมษายน 2568 อยู่ที่ระดับ 92.30 ขยายตัวร้อยละ 2.17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 56.51 สะท้อนให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมกลับมาผลิตเพิ่มขึ้น โดยปัจจัยสนับสนุนหลักต่อภาคการผลิต ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ขยายตัวครั้งแรกในรอบ 21 เดือน โดยขยายตัวร้อยละ 1.34 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการผลิตเพื่อส่งมอบรถยนต์ให้ลูกค้าที่ได้มีการจองไว้จากงานมอเตอร์โชว์ 2025 ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ โครงการคุณสู้เราช่วยที่ขยายเวลาลงทะเบียน โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาท มาตรการผ่อนคลายเกณฑ์กำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) การชะลอการขึ้นภาษีนำเข้าของ สหรัฐฯ ออกไปอีก 90 วัน ทำให้ภาคอุตสาหกรรมในหลายประเทศเร่งการผลิตเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐฯ ทำให้มีการเพิ่มการนำเข้าสินค้าเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต ส่งผลให้การค้าระหว่างประเทศขยายตัวต่อเนื่อง
โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว ร้อยละ 16.60 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ อาวุธ รถถัง และอากาศยานรบ) ขยายตัวร้อยละ 11.50 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม จากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าตอบโต้ของสหรัฐฯ ที่ยังไม่ชัดเจน ในช่วงครึ่งปีหลัง2568 ทำให้เศรษฐกิจผันผวนจากเทรดวอร์ ภัยธรรมชาติที่อาจจะเกิดขึ้น ส่งผลให้การค้าระหว่างประเทศอาจจะชะลอตัวลง ซึ่งขณะนี้นายพิชัย ชุณหวชิร รอง นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหารือกับหน่วยงานต่างๆเพื่อหามาตรกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ดังนั้น สศอ. จึงปรับประมาณการดัชนี MPI ปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 0 - 1 และ GDP ภาคอุตสาหกรรม ปี 2568 คาดขยายตัวร้อยละ 0.5 – 1.5 จากเดิมเคยประมาณการดัชนี MPI และ GDP ภาคอุตสาหกรรม จะขยายตัวที่ร้อยละ 1.5 – 2.5
สำหรับระบบการเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมภาพรวมของไทย เดือนพฤษภาคม 2568 “ส่งสัญญาณเฝ้าระวังต่อเนื่อง” โดยปัจจัยภายในประเทศ ส่งสัญญาณเฝ้าระวังต่อเนื่อง ตามการลงทุนภาคเอกชนที่ชะลอตัวลง และความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่ลดลงจากความกังวลต่อความไม่แน่นอนด้านนโยบายทางการค้าของสหรัฐอเมริกา ด้านปัจจัยต่างประเทศ ภาพรวมทรงตัวในระดับใกล้เคียงเดิม โดยภาคการผลิตของสหภาพยุโรปปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ส่วนภาคการผลิตของญี่ปุ่นยังคงหดตัวต่อเนื่อง สำหรับในสหรัฐอเมริกายังคงมีความกังวลต่อเรื่องความไม่แน่นอนของนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้า
“สศอ. ปรับประมาณการดัชนี MPI ปี 2568 ขยายตัวอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ 0 – 1 จากประมาณการเดิมขยายตัวร้อยละ 1.5 - 2.5 และ GDP ภาคอุตสาหกรรม ปี 2568 คาดขยายตัวร้อยละ 0.5 – 1.5 จากประมาณการครั้งก่อนคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.5 - 2.5 ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับหน่วยงานทางเศรษฐกิจอื่น ๆ โดยมีสาเหตุหลักจาก การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และปัญหาการสินค้านำเข้าราคาถูกจากต่างประเทศทะลักเข้าไทย” นายภาสกร กล่าว
ส่วนอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตเดือนเมษายน 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ อาหารสัตว์สำเร็จรูป ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 17.30 โดยเดือนนี้ได้รับคำสั่งซื้อจำนวนมากจากลูกค้าญี่ปุ่น
ผลิตภัณฑ์คอนกรีต ปูนซีเมนต์ และปูนปลาสเตอร์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.86 ตามการขยายตัวของโครงการก่อสร้างของภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะโครงการเกี่ยวกับคมนาคมและสาธารณูปโภค การก่อสร้างที่อยู่อาศัยและโรงงานทั่วประเทศ ,น้ำมันปาล์ม ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 13.49 ตามปริมาณผลปาล์มที่ออกสู่ตลาดมากขึ้น
สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนีผลผลิตเดือนเมษายน 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.84 มาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศและคำสั่งซื้อน้ำมันจากต่างประเทศลดลง รวมถึงการชะลอตัวลงของจำนวนนักท่องเที่ยวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
กาแฟ ชา และสมุนไพรผงสำหรับชง หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 84.35 มาจากผู้ผลิตผลิตภัณฑ์กาแฟสำเร็จรูปบางรายหยุดผลิตชั่วคราวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 คาดว่าเดือนมิถุนายนนี้ โรงงานผลิตกาแฟจะแล้วเสร็จทำให้อุตสาหกรรมนี้ดีขึ้น
เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์น้ำแร่และน้ำดื่มบรรจุขวดประเภทอื่น ๆ หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.68 จากผลิตภัณฑ์น้ำอัดลม เครื่องดื่มรสผลไม้ และเครื่องดื่มกาแฟกระป๋อง เป็นหลัก เนื่องจากผู้ผลิตบางราย ลดการผลิตลงหลังลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อ