xs
xsm
sm
md
lg

“แท็กซี่”บุก”คมนาคม”จี้แก้ปัญหา”แกร็บ”สุวรรณภูมิ สรุป 4 ข้อสั่งทอท.พัฒนาแอปฯ“SAWASEEE”เชื่อมจองคิว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“คมนาคม”สรุปเร่งดำเนินการ 4 ข้อ แก้ปัญหา”แท็กซี่มิเตอร์-แกร็บ”สนามบินสุวรรณภูมิ หลังแท็กซี่ปิดล้อมเรียกร้องถอดบูธแกร็บ สั่งทอท.เร่งพัฒนาแอปฯ “SAWASEEE by AOT”ให้ผู้โดยสารเรียกใช้บริการแท็กซี่มิเตอร์ พร้อมจัดจุดจอด ป้ายบริการ สร้างความเท่าเทียม

วันนี้ (28 พ.ค. 2568) กลุ่มแท็กซี่และเครือข่ายแท็กซี่ป้ายเหลืองทั่วประเทศ นำรถมาจอดรถบริเวณถนนราชดำเนินนอก ด้านหน้ากระทรวงคมนาคม โดยเจ้าหน้าที่ได้มีการปิดการจราจร 4 ช่องจราจรช่วงระหว่างแยกผ่านฟ้าถึงแยก จปร. โดยสามารถวิ่งได้ 2 ช่องจราจร ตั้งแต่ช่วงเวลา 12.00 น. โดยกลุ่มแท็กซี่ได้เดินทางมาทวงคำตอบในการแก้ไขปัญหาของกระทรวงคมนาคม หลังจาก กลุ่มแท็กซี่ ได้รวมตัวเรียกร้องให้ นำ”บูธแกร็บ”ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

โดยได้ยื่นหนังสือถึงกระทรวงคมนาคม เพื่อร้องเรียรเรื่อง กฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกิน 7 คน พ.ศ.2560 เรื่อง กฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2564 และประกาศกรมการขนส่งทางบก ที่สร้างความไม่เป็นธรรม สร้างความเหลื่อมล้ำ บังคับใช้กฎหมายกฎระเบียบแต่กลุ่มแท็กซี่ป้ายเหลือง โดยเฉพาะการให้แอปพลิเคชันแกร็บ ไปตั้งวินในสนามบินทุกที่ทั่วประเทศโดยเห็นว่า กระทรวงคมนาคมเป็นผู้อนุญาตทำให้เปิดเสรีมากเกินไปจนทำให้แท็กซี่ได้รับความเดือดร้อน

โดยในช่วงบ่าย นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมร่วมกับนายวรพล แกมขุนทด นายกสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ และนายกสมาคมแท็กซี่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อหารือเกี่ยวกับการสร้างความเท่าเทียมระหว่างรถแท็กซี่กับผู้ให้บริการรถยนต์ผ่านระบบแอปพลิเคชัน


นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ผู้ประกอบการแท็กซี่มิเตอร์ ขอให้ช่วยแก้ปัญหาที่ไม่ได้รับความเท่าเทียมเมื่อเทียบกับรถบริการผ่านแอปฯต่างๆ โดยจากข้อมูลของสนามบินสุวรรณภูมิพบว่าสถิติตัวเลขของการใช้บริการแท็กซี่มิเตอร์ไม่ได้ลดลง อย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าการใช้บริการ”แกร็บ”ที่สนามบินสุวรรณภูมิจะเพิ่มขึ้น กระทรวงคมนาคมรับทราบข้อเรียกร้องของแท็กซี่มิเตอร์ที่ไม่ได้อยู่ในแอป ที่ต้องการความเป็นธรรม โดยที่ประชุมได้ตกลงดำเนินการ ดังนี้

1. ทอท.จะตั้งจุดให้บริการรถยนต์ที่เรียกผ่านแอปพลิเคชัน (GRAB) ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยุติธรรมกับรถแท็กซี่สาธารณะ โดยกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ตรวจสอบข้อกฎหมายแล้วพบว่า การตั้งจุดให้บริการรถยนต์ที่เรียกผ่านแอปฯ ณ ทสภ. มิได้ขัดต่อกฎหมายแต่อย่างใด ด้าน ทอท. ได้มีแนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในการใช้บริการ โดยการกำหนดพื้นที่สำหรับรถรับจ้างสาธารณะ บริเวณอาคารผู้โดยสาร ชั้น 1 แบ่งเป็นพื้นที่สำหรับจอดรถแท็กซี่สาธารณะ และพื้นที่ GRAB สำหรับการตรวจสอบรถ GRAB ณ ทสภ. ให้เป็นไปตามกฎหมายนั้น ปัจจุบันรถ GRAB ทุกคันจะต้องตรวจสอบคุณสมบัติก่อนในการลงทะเบียนสมัครสมาชิก โดยรถ GRAB ที่ลงทะเบียนแล้วจะเข้าในลานจอดรถระยะยาว Zone D ผ่านระบบไม้กั้น เพื่อตรวจสอบการลงทะเบียน จากนั้นเจ้าหน้าที่ ทอท. จะตรวจสอบรถ GRAB ที่วิ่งมาจุด Pick Up Point เพื่อรับผู้โดยสาร โดยเร็ว ๆ นี้ ทอท. จะทำการตรวจจับรถด้วยกล้อง AI และเชื่อมข้อมูลกับ ขบ. หากรถคันไหนยังไม่มี การจดทะเบียนเป็นรถยนต์รับจ้างผ่านแอปพลิเคชัน (รย.18) ทอท. จะแจ้งและปรับ GRAB ตามเงื่อนไขสัญญาต่อไป

2. ขอให้ ทอท. จัดเจ้าหน้าที่ประจำที่จอดพักคอยของรถแท็กซี่สาธารณะเพื่อรอเรียกคิวให้บริการ และเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์จุดจอดรถแท็กซี่สาธารณะ รวมถึงจัดป้ายประชาสัมพันธ์แบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ ทสภ. เพื่ออำนวยความสะดวก ปัจจุบัน ทอท. ได้จัดเจ้าหน้าที่ให้บริการอยู่แล้วและจะกำชับให้มีเจ้าหน้าที่ประจำตลอดเวลา สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ จะมีการดำเนินการให้ต่อไป

3. ขอให้มีการประชาสัมพันธ์กับผู้โดยสารให้เข้าถึงรถแท็กซี่สาธารณะมากขึ้น โดย ทอท. จะสื่อสารกับเจ้าหน้าที่สายการบินประจำเคาน์เตอร์ต่าง ๆ ให้สื่อสารไปยังผู้โดยสารได้รับรู้รายละเอียดการให้บริการรถแท็กซี่สาธารณะ ณ ทสภ.

4. ขอให้ ทอท. นำแอปฯ “SAWASEEE by AOT” มาใช้ในการบริหารจัดการรถแท็กซี่สาธารณะ ณ ทสภ. อาทิ ผู้โดยสารสามารถจองคิวใช้บริการล่วงหน้าได้ โดย ทอท. อยู่ระหว่างการพัฒนาแอปฯ ให้สามารถดำเนินการได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น คาดว่าจะสามารถใช้ได้เร็ว ๆ นี้ โดยแท็กซี่ไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้


“ยืนยันว่า กระทรวงคมนาคมจะดำเนินการทุกอย่างด้วยความเป็นธรรมภายใต้กฎหมาย ระเบียบ โดยยึดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้ขบ.เร่งติดตามคนขับรถผ่านแอปทั้งหมดนำรถมาลงทะเบียนและทำใบขับขี่สาธารณะให้ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อความเป็นธรรม เพราะตอนนี้ มีแอปเรียกรถจำนวน 11 ราย ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมขนส่งฯ แต่ไม่รู้จำนวนที่แท้จริง และจำนวนคนขับรถผ่านแอปที่เป็นรถป้ายดำ ตอนนี้รู้จำนวนรถแท็กซี่มิเตอร์ป้ายเหลือง รวมถึงหารือถึงประเด็นอื่น ๆ ร่วมกันในการแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ให้มีความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยยึดประโยชน์สูงสุดของประชาชนผู้ใช้บริการเป็นสำคัญต่อไป”นายสุรพงษ์กล่าว


นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รักษาการผู้อำนวยการ ทอท.กล่าวว่า ปัจจุบันสนามบินสุวรรณภูมิ มีการใช้บริการแท็กซี่มิเตอร์ประมาณ 6,000 เที่ยว/วัน เป็นตัวเลขใกล้เคียงกับช่วงก่อนที่ยังไม่มีแอปฯแกร็บ ส่วนบริการผ่านแอปแกร็บมีประมาณ 5,000 เที่ยว/วัน หลังจากทอท.ทำสัญญาให้แกร็บเข้ามาให้บริการในสนามบินได้

สวนแอป SAWASEEE by AOT ทอท.มีอยู่แล้ว ที่ให้ผู้โดยสารตรวจสอบการใช้บริการสนามบิน ทั้งเช็คเที่ยวบิน ลงทะเบียนใช้บริการต่างๆ รวมถึงสามารถกดเรียกคิวแท็กซี่ได้ตั้งแต่ลงจากเครื่องบินเพื่อความสะดวกรวดเร็ว แต่เนื่องจากมีปัญหาการเชื่อมต่อระบบ ทำให้ไม่สามารถใช้งานเรียกแท็กวี่ได้ ซึ่งทอท.จะเร่งปรับปรุงพัฒนาใหม่ เพื่อใช้แอป SAWASEEE by AOT สำหรับเรียกแท็กซี่ได้สะดวก รวมถึงเร่งปรับปรุงจุดให้บริการ และปรับปรุงป้าย ตามมติที่ประชุมวันนี้

“กรณีที่”แกร็บ”เข้ามาให้บริการที่สุวรรณภูมิได้เป็นไปตามสัญญา ซึ่งสนามบินสุวรรณภูมิเป็นพื้นที่เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งก่อนหน้านี้ รถผ่านแอปขึ้นไปรับผู้โดยสารชั้น 4 ทำให้เกิดรถติด ทอท.จึงจัดจุดรับส่งให้สะดวกมากขึ้น ส่วนแอปฯอื่น เช่น แอปพลิเคชัน Bolt ได้ติดต่อขอทำสัญญากับทอท.โดยจะจัดจุดรับให้เป็นระเบียบต่อไป”นางสาวปวีณากล่าว


นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า สำหรับค่าบริการที่เรียกเก็บจากแท็กซี่มิเตอร์กับ ผ่านแอปฯ ที่สนามบินจะต่างกัน โดยบริการแท็กซี่มิเตอร์ ผู้โดยสารต้องจ่ายเพิ่ม (เซอร์วิสชาร์จ) 50 บาท และจ่ายค่ากระเป๋าขนาดใหญ่ 20 บาท/ใบ ตามประกาศกฎกระทรวง ซึ่งโครงสร้างอัตราค่าโดยสารรถผ่านแอปจะสูงกว่าแท็กซี่มิเตอร์ เพราะไม่ต้องการให้ตัดราคากัน หลักการจะต้องให้ประชาชนได้ประโยชน์มากที่สุด และเป็นธรรมในส่วนของผู้ให้บริการทั้งหมด

ปัจจุบันมี แอปเรียกรถ 11 ราย โดยนำรถขึ้นทะเบียนและมีใบขับขี่สาธาณะถูกต้องประมาณ 4,000 คัน คาดว่ายังมีอีกเป็นหมื่นคันที่เป็นรถป้ายดำและไม่มีใบขับขี่สาธารณะซึ่งกรมขนส่งฯได้เร่งรัดให้แอปฯ นำรถที่เป็นสมาชิก ไปดำเนินการให้ถูกต้อง กรณีฝ่าฝืน โทษปรับ ไม่เกิน 2,000 บาท แต่ยอมรับว่า ยังมีการนำรถมาจดทะเบียนและทำใบขัลขี่สาธารณะน้อย เพราะอาจเป็นช่วงที่รอร่างประกาศธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) บังคับใช้ ที่จะเข้ามากำกับแอปฯต่างๆ


ด้านนายวรพล เล่ห์บุญ ตัวแทนกลุ่มแท็กซี่ ยืนยันว่า คนขับแท็กซี่เข้าใจยุคสมัยซึ่งประชาชนยังสามารถเรียกใช้บริการแอปพลิเคชันได้ตามปกติ และไม่ได้คัดค้านแอป แกร็บ แต่คนขับแท็กซี่ต้องการความเท่าเทียมการบริการด้านแอปฯและโครงสร้างค่าโดยสารที่เท่ากับแอปฯต่างๆ ที่มีค่าบริการมากกว่าแท็กซี่ 25 % ซึ่งเป็นค่า GP ที่ผู้ให้บริการแอปฯได้รับไป เดิมแท็กซี่มิเตอร์มี 120,000 คัน ปัจจุบันเหลือ 60,000 คัน เพราะรายได้หายไปเหลือไม่ถึง 1,000 บาท/ คัน เพราะรายได้ไปอยู่ที่เจ้าของแอปฯหมด แกร็บได้ไปมากสุด ซึ่งทางกระทรงดีอี ต้องเร่งออกกฎหมายมาควบคุมให้เร็ว


กำลังโหลดความคิดเห็น