“ผลิตไฟฟ้า” มั่นใจผลดำเนินงานไตรมาส 2/68 เติบโตดี มาจากความต้องการใช้ไฟฟ้าที่สูงขึ้นในสหรัฐฯ ทำให้โครงการเอเพ็กซ์ขายไฟฟ้าได้สูงขึ้น รวมทั้งรับรู้รายได้จากกลุ่มโรงไฟฟ้า Compass และกลุ่มโรงไฟฟ้า Pinnacle ll ในสหรัฐฯ และโรงไฟฟ้าพลังงานลม Yunlin ในไต้หวัน แย้มเร่งปิดดีล M&A ในปีนี้
นางสาวจิราพร ศิริคำ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 คาดว่าเติบโตดี โดยสหรัฐฯ มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงมากมาจากธุรกิจดาต้า เซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นผลดีต่อโรงไฟฟ้าเอเพ็กซ์ (APEX) ที่ได้ค่าไฟสูงขึ้น โดยโรงไฟฟ้า APEX จ่ายไฟเชิงพาณิชย์แล้วรวม 800 เมกะวัตต์ บริษัทยังรับรู้ได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้า EGCO Cogeneration ส่วนขยาย กำลังผลิต 74 เมกะวัตต์ จ.ระยอง กลุ่มโรงไฟฟ้า Compass กำลังผลิตรวม 1,304 เมกะวัตต์ ในสหรัฐอเมริกา โรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง Yunlin กำลังผลิตรวม 640 เมกะวัตต์ ในไต้หวัน และกลุ่มโรงไฟฟ้า Pinnacle ll อีก251 เมกะวัตต์ในสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ตามที่บริษัทได้ขายหุ้นในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ RISEC สหรัฐอเมริกา และโรงไฟฟ้าพลังงานลม Boco Rock ออสเตรเลีย คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 7,000 ล้านบาท เมื่อเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไป บริษัทนำเงินไปใช้ลงทุนในโครงการใหม่ที่มีศักยภาพที่ดี ซึ่ง EGCO อยู่ระหว่างการเจรจาควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A )โรงไฟฟ้าอยู่หลายโครงการ คาดว่าจะเห็นการปิดดีลการทำ M&A ได้ภายในปีนี้ หลังจากเมื่อต้นปี 2568 EGCO เข้าถือหุ้นในสัดส่วน 49% ในกลุ่มโรงไฟฟ้า Pinnacle ll กำลังผลิตรวม 251เมกะวัตต์ที่สหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี ในปี 2568 บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ 3 หมื่นล้านบาทเพื่อใช้ในโครงการต่อเนื่องและการลงทุนรูปแบบ M&A เพื่อสร้างรายได้ทันที โดยในปีนี้บริษัทจะมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาเพิ่มจากโครงการ APEX ในสหรัฐฯ โดยบริษัทถือหุ้น 17% โดยมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 7 โครงการ คาดว่าทยอยเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2568-69 ประกอบด้วย โครงการ Prosperity Wind กำลังการผลิต 300 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่ม COD ได้ในไตรมาส 2/2568, โครงการ Lotus Wind ขนาด 200 เมกะวัตต์ คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 2/2569
โครงการ Angelo Battery Storage ขนาด 100 เมกะวัตต์ คาดจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2568, โครงการ Wheatsborough Solar เป็นโครงการโซลาร์ฟาร์ม 125 เมกะวัตต์ คาดว่าภายในไตรมาส 2/2568, โครงการ Downeast Wind กังหันลมขนาด 126 เมกะวัตต์ คาดแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2568, โครงการ Coldwater Solar 150 เมกะวัตต์ คาดจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4/68 และโครงการ Rocky Forge Wind ขนาด 78 เมกะวัตต์ คาดจะแล้วเสร็จไตรมาส 4/2569
ขณะเดียวกัน บริษัทแสวงหาโอกาสการลงทุนเพิ่มเติมในสหรัฐฯ หลังจากรัฐบาลไทยส่งเสริมให้มีการลงทุนในสหรัฐฯ เพื่อลดผลกระทบจากนโยบายการขึ้นภาษีตอบโตของสหรัฐฯ โดยกระทรวงพลังงาน พร้อม ปตท. กฟผ. และ EGCO ได้เดินทางไปอะแลสกาเพื่อเจรจาโครงการความร่วมมือด้านก๊าซธรรมชาติเหลวร่วมกับรัฐอะแลสกา (Alaska LNG) โดยเขาเสนอซื้อขาย LNG ซึ่งบริษัทมีใบอนุญาตในการนำเข้า LNG มาป้อนให้กับโรงไฟฟ้าในเครือที่ ปตท. และโรงไฟฟ้าก๊าซฯ ที่ฟิลิปปินส์ด้วย ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนเบื้องต้น
นางสาวจิราพรกล่าวว่า ภายใต้กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ระยะ 3 ปี (ปี 2568-2570) บริษัทมีนโยบายการบริหารสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ (Asset Recycling) เพื่อนำรายได้ไปลงทุนโครงการใหม่ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มและการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว เน้นลงทุนโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติและโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำ Performance สินทรัพย์โรงไฟฟ้า หากพบว่าโรงไฟฟ้าใดมี Performance ที่ต่ำก็จะขายออกไป เพื่อนำเงินไปลงทุนโครงการใหม่ที่มีผลตอบแทนดี หรือชำระคืนเงินกู้ที่ต้นทุนการเงินสูง ส่วนปีนี้จะเห็นดีลขายโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมหรือไม่ขึ้นอยู่กับผู้ซื้อ
สำหรับผลการดำเนินงานบริษัทในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 10,838 ล้านบาท ลดลง 5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3,577 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มาจากการรับรู้กำไรจากการขายหุ้นทั้งหมดในโรงไฟฟ้า RISEC ในสหรัฐอเมริกา และโรงไฟฟ้า Boco Rock Wind Farm ในออสเตรเลีย
ปัจจุบัน EGCO มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 6,662 เมกะวัตต์ (รวมโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วและโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) โดยมีกำลังผลิตจากพลังงานหมุนเวียนรวม 1,399 เมกะวัตต์ คิดเป็น 21% ของกำลังผลิตรวม
