xs
xsm
sm
md
lg

“คมนาคม”อัดงบกว่า1,000 ล้านบาทพัฒนาจ.เลย “ซ่อมบำรุงถนน-ผุดเขื่อนป้องกันกัดเซาะและน้ำล้นท่วม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สุริยะ - มนพร” ลงพื้นที่ จ.เลย อัดงบพัฒนาถนนกว่า 903 ล้านบาท 107 โครงการ ด้าน”เจ้าท่าฯ”เทงบ 150 ล้าน สร้างเขื่อนแก้ปัญหากัดเซาะและน้ำล้นตลิ่ง เตรียมศึกษาต่อความยาวรันเวย์สนามบินเลยรองรับนักท่องเที่ยว

วันที่ 25 พฤษภาคม 2568 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินโครงการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมในพื้นที่จังหวัดเลย ณ ศาลากลาง อำเภอเมืองเลย โดยได้รับทราบความก้าวหน้าแผนงานและโครงการด้านคมนาคมขนส่งที่สำคัญที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันและแผนงานในอนาคต ซึ่งเห็นถึงความตั้งใจในการพัฒนาโครงข่ายทางถนนทั้งสายหลักและสายรองให้พี่น้องประชาชนได้สัญจรอย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย รวมถึงรองรับการขยายตัวของเมือง เชื่อมต่อแหล่งท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ การลงทุน การค้าชายแดน และการท่องเที่ยว อันจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพของพื้นที่ในจังหวัดเลยและจังหวัดใกล้เคียงได้เป็นอย่างดี

นายสุริยะ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมมีแผนพัฒนาทางหลวงที่สำคัญในพื้นที่จังหวัดเลย โดยกรมทางหลวง (ทล.) ได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อบำรุงสายทาง ในปี 2568 วงเงินกว่า 903 ล้านบาท รวม 107 โครงการสำหรับแผนในอนาคต ทล. เสนอขอรับงบประมาณปี 2569 เพื่อแก้ไขปัญหาจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง และบริเวณน้ำท่วมขังเวลาฝนตกหนัก เพื่อลดผลกระทบในการดำเนินชีวิตของพี่น้องประชาชน จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการงานก่อสร้างเพิ่มประสิทธิภาพบริเวณทางแยก ทล.201 ตอนปากปวน - ปากภู โครงการงานฟื้นฟู ทล.2249 ตอนไร่ทาม - วังแคน และโครงการก่อสร้างเพิ่มช่องจราจรระดับภาค ทล.2013 ตอนบ่อโพธิ์ - โคกงาม

ทั้งนี้ ได้กำชับเรื่องปัญหาไฟฟ้าส่องสว่างบนถนนทุกสายทางหลักและสำคัญต้องมีแสงสว่างที่เพียงพอ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของประชาชน รวมถึงการพัฒนาสายทางเพื่อขับเคลื่อนการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวในพื้นที่ จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย 1. โครงการก่อสร้างถนนเลี่ยงเมืองเลยฝั่งตะวันตก 2. โครงการก่อสร้างถนนเลี่ยงเมืองฝั่งตะวันออก และ 3. โครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองเชียงคาน


@ของบปี 70 ศึกษาต่อความยาวรันเวย์”สนามบินเลย”

สำหรับโครงข่ายคมนาคมทางอากาศ ปัจจุบันอาคารที่พักผู้โดยสารและลานจอดเครื่องบินท่าอากาศยานเลยมีความคับแคบ พื้นที่ใช้สอยและสิ่งอำนวยความสะดวกไม่เพียงพอต่อการให้บริการ อีกทั้งการใช้บริการของท่าอากาศยานมีอัตราขยายตัวเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับการให้บริการผู้โดยสารจึงมีความจำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพท่าอากาศยานเลย โดยในปีงบประมาณ 2570 กรมท่าอากาศยาน (ทย.) มีแผนขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อจ้างออกแบบต่อเติมความยาวทางวิ่งขยายลานจอดเครื่องบิน และองค์ประกอบอื่น ๆ และจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม งบประมาณ 42.69 ล้านบาท

@เทงบ 150 ล้าน สร้างเขื่อนริม”แม่น้ำเลย”กันกัดเซาะและน้ำล้นตลิ่ง

นายสุริยะ กล่าวว่า ได้รับการประสานจากพื้นที่ว่าปัจจุบันบริเวณริมแม่น้ำเลย หมู่ 5 บ้านโป่ง ตำบลนาแขม อำเภอเมืองเลย เกิดการกัดเซาะคันดินเป็นบริเวณกว้าง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ติดริมน้ำและมีน้ำท่วมในฤดูฝนน้ำในแม่น้ำเลยเอ่อล้นตลิ่งทำให้ถนนสายบ้านโป่ง - สาระแพ ได้รับความเสียหาย ประชาชนสัญจรไป - มาไม่สะดวก จึงได้มอบหมายกรมเจ้าท่า (จท.) ดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง โดยมีแผนขอตั้งงบประมาณผูกพัน 3 ปี งบประมาณรวม 150 ล้านบาท ประกอบด้วย งบประมาณปี 2568 วงเงิน 30 ล้านบาท ปี 2569 วงเงิน 60 ล้านบาท และปี 2570 วงเงิน 60 ล้านบาท เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนให้ประชาชนในพื้นที่


จากนั้นนายสุริยะ ได้ลงพื้นทางแยก ทล.201 ตอนควบคุม 0404 ตอน ปากปวน - ปากภู บริเวณหน้าท่าอากาศยานเลย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการคมนาคมบริเวณรอบสนามบิน โดยปัจจุบัน ทล. ได้ดำเนินการโครงการก่อสร้างที่พักริมทาง วงเงิน 26.47 ล้านบาท เพื่อเป็นจุดพักรถผู้ที่มาใช้บริการสนามบิน ซึ่งสามารถพัฒนาเป็นจุดเช็กอิน จุดชมวิวทิวทัศน์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ ทั้งนี้ ได้เร่งรัดให้ ทล. ดำเนินการก่อสร้างสะพานบกสำหรับจุดกลับรถ และสร้างทางขนานเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่มาใช้บริการสนามบินเลย รวมถึงให้ดำเนินโครงการขยาย 4 ช่องจราจรตลอดสาย บน ทล.21 ซึ่งปัจจุบันเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางหลักในการเดินทางจากจังหวัดเลย ซึ่งเป็นประตูจากภาคอีสานสู่จังหวัดทางภาคเหนือ

“ขอให้หน่วยงานที่มาร่วมลงพื้นที่ในวันนี้ รับประเด็นปัญหาไปดำเนินการปรับปรุง แก้ไขให้เกิดผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว อีกทั้งให้บูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ใช้ประโยชน์จากระบบคมนาคมขนส่งที่มีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย อันจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพของพื้นที่ได้เป็นอย่างดี ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างโอกาส เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน ซึ่งผมจะรับไปผลักดันและขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วต่อไป”นายสุริยะกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น