ผู้จัดการรายวัน 360-สื่อนอกบ้านทะยาน 2 หมื่นล้าน ผู้ผลิตป้ายและงานพิมพ์เฮ ทำเงินได้กว่า 5,800 ล้านบาท หรือโตปีละไม่ต่ำกว่า 10% สัญญานดีต่อเนื่อง "แกรนด์ มาสเตอร์ฯ" เดินหน้าจัด 3 งานใหญ่ กับมหกรรมเทคโนโลยีการพิมพ์ดิจิทัลครบวงจร กับงาน Bangkok Ad & Sign Expo 2025, Bangkok Digital Textile Print Expo 2025 และ Bangkok Pack & Label Expo 2025 ในวันที่ 6-9 พฤศจิกายนนี้ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งเป้าผู้ร่วมงาน 10,000 คน เม็ดเงินสะพัดกว่า 1,000 ล้านบาท
นายเกษม ดุษฎีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกรนด์ มาสเตอร์ เอ็กซิบิชั่น จำกัด ผู้จัดงานแสดงเทคโนโลยีการผลิตสื่อโฆษณานอกบ้านและงานป้าย เปิดเผยว่า ตลาดรวมสื่อโฆษณายังมีอัตราการขยายตัว จากโอกาสและช่องทางใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้น อ้างอิงข้อมูลจากสมาคมมีเดียเอเยนซี่และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย (MAAT) ที่ระบุว่า ตลาดรวมสื่อโฆษณาในปี 2568 นี้ มีแนวโน้มเติบโต 3.9% คิดเป็นมูลค่ารวม 122,885 ล้านบาท
ในจำนวนดังกล่าวแยกเป็น สื่อนอกบ้าน (Outdoor) และสื่อโฆษณาเคลื่อนที่ (Transit) รวมกันเป็น 16% หรือกว่า 19,563 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองสื่อนี้เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักมาตลอด 5 ปี เทื่อเทียบกับสื่อหลักอื่นๆ ที่เติบโตลดลง สื่อนอกบ้านจึงเป็นสื่อที่ยังเติบโตอยู่ สัญญาณบวกดังกล่าว ส่งผลต่อกลุ่มผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะผู้ผลิตป้ายโฆษณาและการพิมพ์ต่างๆ มีแนวโน้มที่เติบโตขึ้นตามไปด้วย กล่าวคือ จากมูลค่าสื่อนอกบ้านที่ 19,563 ล้านบาท ในแง่ของมูลค่าการผลิตสื่อป้ายนอกบ้านจะอยู่ที่ประมาณ 5,800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30% ของมูลค่าสื่อนอกบ้าน
อย่างไรก็ตามนอกจากสัญญาณบวกจากสื่อนอกบ้านที่เติบโตขึ้น ในภาคส่วนอื่นๆ ก็ส่งผลให้มูลค่าการผลิตป้ายโฆษณาและการพิมพ์ต่างๆ เติบโตมากยิ่งขึ้น เช่น ร้านอาหาร, แพกเกจจิ้งสินค้า รวมถึงแบรนด์รถยนต์ใหม่ๆ ที่เข้ามาทำตลาดและเปิดโชว์รูม ล้วนส่งผลให้มูลค่าการผลิตป้ายและการพิมพ์เติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 10% ต่อเนื่องมาตลอด 5 ปีนี้
ส่วนในแง่ของผู้ประกอบการการผลิตป้ายโฆษณาและการพิมพ์นั้น เท่าที่รวบรวมได้อยู่ที่ 20,000 รายทั่วประเทศ แบ่งเป็น รายใหญ่ 20 รายที่สามารถให้บริการได้ทั่วประเทศ และที่เหลือเป็นรายกลางและรายย่อย ซึ่งแต่ละปีก็ทั้งหายไปและเข้ามาใหม่
“แต่หลังๆ มานี้ พบว่ากลุ่มทุนจีนเข้ามาในธุรกิจนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งแบบลงทุนเอง และร่วมทุนกับผู้ประกอบการไทย ซึ่งการที่ทุนจีนเข้ามาในธุรกิจนี้สามารถทำต้นทุนได้ต่ำกว่า การให้บริการและราคาจึงถูกกว่าของไทย ซึ่งจุดแข็งของทุนจีนในเวลานี้ คือ เรื่องของเครื่องจักรที่มาจากจีน และงานป้ายรูปแบบตัวอักษร หรือ ตัวอักษรป้ายไฟ แต่นอนว่าจะส่งผลต่อผู้ประกอบการไทยได้ในอนาคต” นายเกษม กล่าว.
จากโอกาสและสถานการณ์การแข่งขันที่เกิดขึ้น ผู้ประกอบการไทย ในธุรกิจป้ายต้องอัพเดทเทคโนโลยีตลอดเวลา ล่าสุดทางแกรนด์ มาสเตอร์ เอ็กซิบิชั่น ได้ร่วมมือกับสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย (TGMA) และสมาคมส่งเสริมไทยธุรกิจโฆษณา (TABDA) ประกาศความพร้อมจัดงานโชว์แห่งปีที่รวม 3 งานใหญ่ไว้ด้วยกัน ประกอบด้วย 1. Bangkok Ad & Sign Expo 2025 งานแสดงเทคโนโลยีการผลิตป้าย สื่อโฆษณานอกบ้าน 2.Bangkok Digital Textile Print Expo 2025 งานแสดงเทคโนโลยีการพิมพ์ระบบดิจิทัลบนเสื้อผ้า ชุดกีฬา และ 3. Bangkok Pack & Label Expo 2025 งานแสดงเทคโนโลยีการพิมพ์บรรจุภัณฑ์และฉลากสินค้า ภายใต้แนวคิด "ECO Friendly " ที่จะนำเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม บนพื้นที่ 10,000 ตารางเมตร อัดแน่นด้วยผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีจาก 100 บริษัทผู้แทนจำหน่ายชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ
พร้อมกิจกรรมเวิร์กชอปและเสวนาให้ความรู้ โดยผู้เชี่ยวชาญของวงการ รวมถึงเป็นเวทีพบปะและสร้างเครือข่ายธุรกิจของผู้ประกอบการทั่วประเทศ ในระหว่างวันที่ 6-9 พฤศจิกายน 2568 ณ ฮอลล์ 6-7 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
นอกจากนี้พันธมิตรของงาน นำโดย สมาคมส่งเสริมไทยธุรกิจโฆษณา (TABDA) และวิทยาลัยเพาะช่างได้จัดทำโครงการประกวดป้ายซื้องาน และการออกแบบซุ้มประตูทางเข้า ARCHWAY เวทีแสดงผลงานป้ายโฆษณาที่ออกแบบจากรัสดุรักษ์โลก เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างสรรค์ผลงานด้านการออกแบบป้ายและเปิดเวทีให้นักศึกษาได้แสดงผลงานและความคิดสร้างสรรค์ ใช้วัสดุและเทคโนโลยีที่ทันสมัยและสอดคล้องกับแนวโน้มการตลาดในปัจจุบัน ชิงเงินรางวัล รวมมูลค่ากว่า 60,000 บาท เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 1-30 มิถุนายน 2568 ประกาศผลผู้เข้ารอบวันที่ 15 กันยายน 2568 โดยจะนำผลงานที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาจัดแสดงภายในงาน "เพื่อต่อยอดความสำเร็จจากการจัดงานปีที่ผ่านมา ที่ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี มีผู้เข้าร่วมชมงานจาก 35 ประเทศ กว่า 5,000 คน ในปีนี้เรายังดำเนินการจัดงานพร้อมกันทั้ง 3 งาน คือ Bangkok AD & Sign Expo 2025, Bangkok Digital Textile Print Expo 2025 และ Bangkok Pack & Label Expo 2025 เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมออกบูธได้พบปะกับผู้ซื้อตัวจริงจากทั่วประเทศ ตอบโจทย์การทำยอดขายจริงภายในงาน สามารถเข้าถึงเจ้าของธุรกิจทั่วประเทศและประเทศในกลุ่ม CLMV เพิ่มโอกาส ปิดการขายและขยายฐานลูกค้า
“คาดว่าตลอด 4 วันของการจัดงาน จะมีผู้เข้าชมจากต่างประเทศและประเทศไทย ประมาณการณ์ 10,000 คน และจะเกิดมูลค่าการซื้อขายกว่า 1,000 ล้านบาท พร้อมต่อยอดความสัมพันธ์และขายซ้ำหลังจบงานได้อย่างต่อเนื่อง" นายเกษม กล่าว